บทที่ 5

688 Words
"ฉันเจ็บนะ!" มือเรียวพยายามดึงมือของอีกฝ่ายที่กำแขนเธออยู่ให้ออก "ทีแรกฉันคิดว่าเธอเหมือนแม่..แต่ที่ไหนได้ร้ายกว่าแม่เยอะ" "ขอบคุณค่ะที่ชม..ปล่อยได้หรือยัง" มโนราห์ถูกเขาลากตัวออกมาคุยด้านนอกห้องโถงของโรงแรม ที่นักข่าวไม่กล้าเดินตาม เพราะท่านพลเอกเกษมราษฎร์ขอไว้ให้ทั้งสองคุยกันเอง "ตกลงเธอจะเอายังไงกันแน่" ในเมื่อเธออยากจับเขานัก ทำไมถึงต้องให้ปล่อยด้วย "แขนฉันจะหักอยู่แล้ว" "ฉันบอกเธอไว้ก่อนเลยนะ เรื่องแต่งงานยังไงมันก็ไม่มีทางเกิดขึ้น" มือแกร่งสะบัดอีกคนออกเหมือนตัวเองจับของเน่าเสีย พอปล่อยมือเธอแล้วกองทัพก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมือ มันก็สมควรแล้วที่เขาจะขยะแขยง ถ้าเป็นเธอก็คงทำไม่ต่างจากเขาหรอก แต่ไม่เป็นไร แล้วแต่เขาจะทำขอให้แม่สบายใจก็พอ "คุณจะไปไหนคะ" ยังไม่ได้พูดอะไรกันเลยเขาก็จะเดินหนีแล้ว ชายหนุ่มที่กำลังจะเดินออกไป หันกลับมาเมื่ออีกฝ่ายเรียกถาม "ตกลงเราพูดภาษาเดียวกันหรือเปล่า" "วันนี้งานวันเกิดพ่อคุณไม่ใช่หรือคะ ทำไมคุณถึงไม่เข้าไป" "ถ้าในงานนี้มีเธออยู่ ถึงจะเป็นวันเกิดพ่อ..ฉันก็ไม่ไป" "ฉันไม่เข้าไปหรอกค่ะ คุณเข้าไปในงานเถอะ" ดวงตาหญิงสาวเศร้าลงจนเห็นได้ชัด เขาดูไม่ออกเลยเหรอ ว่าเธอไม่เต็มใจทำเรื่องพวกนี้เลย แต่ทำไมเขาต้องลดตัวลงมาสังเกตคนไร้ค่าแบบเธอด้วย ขณะที่หญิงสาวกำลังเงียบ นิ้วชี้ของคนร่างสูงก็แตะที่คางเรียวเพื่อเชยมันขึ้นไปมองสบตา "กำลังเล่นบทอะไรอยู่ล่ะ คิดว่าฉันจะสงสารงั้นเหรอ ถ้าเป็นคนอื่น อาจทำให้ฉันสงสารได้" ภาพที่ทั้งสองคุยกันแบบใกล้ชิดถูกนักข่าวคนที่ขยี้คำถามถ่ายเก็บไว้ "เออ!" จังหวะที่เขากำลังจะชักนิ้วกลับมา แต่คิดอะไรได้ก่อน "ทีหลังก่อนจะแบล็คเมล์ใครสืบมาให้ดีก่อนนะ" ดวงตางามเหลือบมองขึ้นไปดูคนร่างสูง อยากรู้ว่าเขาจะพูดอะไรต่อ "เธอคงคิดว่าฉันยังโสดล่ะสิ แต่เสียใจด้วยนะ ผู้ชายแบบฉันถ้ายังโสดน่ะสิแปลก" "เรื่องนั้นฉันไม่ถือหรอกค่ะ คุณจะมีใครสักกี่คนมันก็เรื่องของคุณ แต่เมียแต่งต้องเป็นฉัน" "เรียกตัวเองว่าเมียแต่งงั้นเหรอ เมียสวมรอยแบบเธอ..ฉันคงไม่ให้ค่าขนาดนั้นหรอก" "พวกเขากำลังคุยอะไรกันอยู่คะ" พุดตาลก็ยืนลุ้นอยู่ ภาพที่มองเห็นเวลานี้แทบจะไม่ใช่การคุยกัน เพราะใบหน้าแทบจะแนบกันอยู่แล้ว "ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกัน" "ไปโน่นแล้วค่ะ ตากองทัพไม่เข้างานหรือคะ" พุดตาลที่ยืนอยู่หน้างานมองไปอีกทีก็เห็นลูกชายของสามีเดินออกจากโรงแรมไป แต่พอกองทัพเดินออกไป มโนราห์ก็เดินกลับมาที่งานเลี้ยง เพราะเธอยังทำสิ่งที่แม่สั่งมาไม่สำเร็จ "สวัสดีค่ะคุณพ่อ สวัสดีค่ะคุณแม่" อายนะ..ทำไมจะไม่อาย ที่ต้องได้ปั้นหน้าเรียกพวกท่านแบบนี้ พอเธอไหว้มา ทั้งสองท่านก็รับไหว้กลับ "หนูเข้าไปหาอะไรทานข้างในก่อนสิลูก" ถึงยังไงหนูคนนี้ก็เป็นลูกสาวของเพื่อนรัก "ขอบพระคุณมากค่ะ แต่โมนาอยากคุยธุระกับคุณพ่อคุณแม่มากกว่าค่ะ" "คุยธุระอะไรหรือหนู?" "ก็เรื่องงานแต่งในสัปดาห์หน้าไงคะ" เกษมราษฎร์และภรรยาหันมองหน้ากันแบบไม่ได้นัดหมาย "แล้วผู้พันกองทัพว่ายังไงล่ะ" คนที่ถามก็คือพ่อของกองทัพอีกนั่นแหละ "คุณกองทัพบอกว่า แล้วแต่คุณพ่อคุณแม่จะจัดการค่ะ" "หือ?"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD