8
“มีอะไรพี่เคนจิ” กัญติญาถามเสียงเบา เคนจิโร่เมื่อได้ยินเสียงที่เบาหวิวก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา
“ทำไมต้องทำเสียงกระซิบกระซาบด้วย กลัวผัวเธอจะตื่นมารู้หรือไงว่าฉันโทรมา” เคนจิโร่พูดอย่างไม่สบอารมณ์ แต่เวลานี้กัญติญาไม่อยากต่อล้อต่อเถียงด้วย จึงพูดตัดบทไปว่า
“ถ้าพี่เคนจิไม่มีอะไรนอกจากจะโทรมากวนมิโกะงั้นแค่นี้นะ”
“เดี๋ยวสิ...พ่อฉันโทรฯมาเมื่อกี้อยากจะคุยกับเธอ มาที่ห้องฉันได้ไหมอีกสิบห้านาทีพ่อฉันจะโทรฯ มาใหม่” กัญติญารับรู้ปัญหาของเคนจิโร่ที่ต้องโทรฯ มาหาเธอตอนดึก เพราะทุกครั้งที่เขาและเธอไม่ได้อยู่ที่ญี่ปุ่น ทางาดะจะโทรฯ มาช่วงดึกทุกครั้ง และทุกครั้งก็จะขอพูดสายกับเธอ
“งั้นเดี๋ยวมิโกะไปหาที่ห้องนะ แค่นี้นะพี่เคนจิ” กัญติญาตัดสายก่อนจะเดินเบาที่สุดเข้าไปในห้องนอน เมื่อแน่ใจว่ารัฐศาสตร์จะไม่ตื่นมากลางดึกเธอจึงเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่อยู่ในตู้ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนชุด มือบางค่อยๆ เปิดประตูห้องนอนอย่างเบามือ และปิดลงเมื่อเธอออกมาอยู่หน้าห้องนอน เธอผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะเดินไปที่ประตูห้องพักของเขา ร่างของลูกน้องที่คอยเฝ้าอยู่หน้าห้องสองคน ตอนนี้ได้หายไปแล้วคงอยู่ในช่วงเปลี่ยนเวร เป็นอันว่าทางสะดวกเธอจึงรีบวิ่งไปที่ลิฟต์ทันที
รัฐศาสตร์ลืมตาขึ้นทันทีที่เธอเดินออกไปจากห้องนอน เขารู้สึกตัวตั้งแต่ที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์แล้ว และได้ยินชื่อของบุคคลที่โทรฯ มาด้วย แต่แสร้งทำเป็นนิ่งเฉยเพราะอยากรู้ว่าเธอจะทำอย่างไร ภาพของกัญติญาที่แอบย่องออกมาคุยกับเคนจิโร่อยู่ในสายตาของเขาตลอด แม้กระทั่งเธอเดินเข้าไปหยิบเสื้อผ้า เข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ และเดินออกไปจากห้องนอน
ร่างสูงใหญ่ก้าวลงมาจากเตียงด้วยเรือนกายที่เปลือยเปล่า ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมมาสวมเพียงตัวเดียว ลิ้นชักหัวเตียงถูกเปิดออกด้วยมือหนาของเขา ปืนสีดำสนิทมีกระสุนเต็มแมกกาซีนถูกใส่ลงในกระเป๋าเสื้อคลุม จากนั้นชายหนุ่มจึงเดินออกไปจากห้องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิง พร้อมจะเผาผลาญคนที่ชื่อเคนจิโร่ที่บังอาจมาแย่งชิงผู้หญิงของเขา
“คุณเล็กจะไปไหนครับ” มานพเห็นผู้เป็นเจ้านายเดินออกมาจากห้องพัก ด้วยสีหน้าที่ไม่ดีนักใบหน้าของรัฐศาสตร์ดุกร้าว ดวงตาสีเทาเข้มขวาง มือทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่น
“ไปฆ่าคน” เขาตอบสั้นๆ ก่อนจะเดินตรงไปที่ลิฟต์ มานพจึงรับวิ่งตามไปโดยไม่ลืมที่จะโทรศัพท์หาธนาพลและลูกน้องอีกประมาณห้าคน มาช่วยเสริมทัพเพื่อมีอะไรเกิดขึ้นร้ายแรง
กัญติญามาทันเวลาที่ทางาดะโทรศัพท์มาหาเคนจิโร่พอดี ทั้งสองใช้เวลาคุยกันประมาณห้านาทีการสนทนาจึงยุติลง หญิงสาวลุกขึ้นจากเก้าอี้นวมเพื่อเตรียมกลับไปที่ห้องของรัฐศาสตร์ ในใจของเธอรู้สึกสั่นๆ ยังไงบอกไม่ถูก แต่มือหนาของเคนจิโร่ก็จับที่ข้อมือบางของเธอไว้เสียก่อน
“อยู่คุยกันก่อนสิ” เคนจิโร่พูดขึ้น
“ไม่มีอะไรจะต้องคุย” กัญติญาพูดเสียงห้วน
“โกรธฉันเรื่องที่เอาตัวเธอไปขัดดอกให้ไอ้เล็กเหรอ” เคนจิโร่ถามตรงจุด
“โกรธหรือไม่โกรธมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะตอนนี้อะไรๆ มันก็สายไปเสียแล้ว” ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างมันพังทลายเพราะเคนจิโร่ ความรักที่เธอมีต่อเขา ความศรัทธาในตัวเขาได้มลายหายไปตั้งแต่เขายกเธอเหมือนกับสิ่งของชิ้นหนึ่งที่ไม่มีค่า ให้กับคนที่ชื่อรัฐศาสตร์แล้ว
“ฉันไม่มีทางเลือก” เคนจิโร่พูดพร้อมกระตุกมือของเธอให้ทรุดตัวลงนั่งข้างกายเขา กัญติญาที่ไม่ได้ทันตั้งตัว ร่างของเธอจึงล้มลงที่ตักของเคนจิโร่พอดี ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจับจ้องที่ริมฝีปากอวบอิ่มของกัญติญานิ่งนาน ก่อนจะโน้มใบหน้าของเขาเข้าหาเรียวปากของเธอ หากแต่หญิงสาวรีบเบี่ยงหน้าหนี แม้ว่าเธอจะรักผู้ชายคนนี้ก็ตามแต่เธอจะไม่ยอมให้ใครมาสัมผัสเรียวปากของเธอทับรอยรัฐศาสตร์เด็ดขาด
“พี่เคนจิอย่านะ ปล่อย” กัญติญาเบี่ยงหน้าหนีจึงทำให้เรียวปากหนาสัมผัสกับแก้มนวลของเธอแทน
และจังหวะนั้นบานประตูถูกเปิดออกอย่างแรงจากการใช้เท้ากระแทกเข้าไปที่ประตู รัฐศาสตร์มองภาพของกัญติญาที่นั่งอยู่บนตักของเคนจิโร่ และทันพอที่จะเห็นเคนจิโร่หอมแก้มของเธอ ทั้งสองต่างหันมามองผู้มาเยือนด้วยสีหน้าที่ตกใจ แต่คนที่ตกใจมากที่สุดคือกัญติญา เพราะเธอรับรู้ถึงรังสีอำมหิตรายล้อมรอบตัวรัฐศาสตร์ได้ทันที เคนจิโร่ซึ่งเป็นยากูซ่าญี่ปุ่นมีทีท่าตกใจเพียงเล็กน้อยก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
“มาหาชู้ถึงที่เลยนะ ฉันให้เธอไม่อิ่มหรือไงถึงต้องแล่นมาให้มันสนองถึงห้อง” รัฐศาสตร์พูดตะโกนออกไปด้วยความโกรธ กัญติญาได้สติจึงรีบลงจากตักของเคนจิโร่ทันที
“ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ ไม่ใช่” กัญติญาพยายามอธิบายแต่เวลานี้รัฐศาสตร์ไม่สามารถทนยืนฟังเหตุผลใดๆเพราะเขามีแต่ความโกรธเกรี้ยวจนแทบจะฆ่าคนได้
“อะไรที่ว่าไม่ใช่ของเธอ หรือว่าต้องให้ฉันเห็นเวลาที่มันขย่มเธอบนเก้าอี้เสียก่อน” กัญติญาคิดว่าตอนนี้หากเธอพูดออกไปเขาคงไม่รับฟังแน่ เธอจึงเงียบแต่คนที่ไม่เงียบกลับเป็นเคนจิโร่