เจอกันอีกครา (100%)

2127 Words
“ถ้าจะมากวนโอ๊ย ก็ไสหัวกลับไปเลยโว้ย โน่นประตูอยู่โน่น” เจ้าของห้องไล่ตะเพิดอย่างไม่ไว้หน้า พร้อมชี้ปลายนิ้วกระด้างไปทางประตู “ขอนอนรอแกที่นี่ดีกว่าว่ะ” คำพูดดึงดันจะอยู่ที่นี่ให้ได้ ทำให้คนฟังนึกอยากจะดึงทึ้งผมตัวเองให้หลุดออกมาสักกระจุกเพื่อระบายอารมณ์ ก่อนที่ร่างทรงพลังของเจ้าพ่อแห่งวงการบิ๊กไบค์จะเดินไปยังโซฟาที่อยู่มุมห้องด้วยท่าทางระโหยโรยแรง “เมื่อคืนหนักหรือไงวะ ถึงได้ทำท่าขาเป๋แบบนั้น” แค่ดูอิดโรยแต่มาร์โบโลเหน็บซะเห็นภาพเลย ซึ่งคนฟังก็ไม่ยักโกรธเพราะทุกอย่างที่เพื่อนกล่าวหาคือความจริง คนไม่มีเมียอย่างเขาจะควบขับสาวๆ จนโต้รุ่งก็ไม่มีใครมาคอยด่าคอยว่าให้หูชาอยู่แล้ว “ยันสว่าง” เบี่ยงใบหน้าอิดโรยทว่ายังคงความหล่อกระชากใจมาโต้ตอบด้วยน้ำเสียงเนือยๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอน โซฟาตัวใหญ่เมื่อมีพ่อยอดชายไปนอนเกยอยู่บนนั้นดูเล็กลงไปถนัดตา “แล้ววันนี้แกไม่คิดจะทำงานทำการหรือไงวะ ถึงได้มานอนเฝ้าฉันตั้งแต่หัววันขนาดนี้” ถามด้วยความเป็นห่วงแต่ก็อดที่จะแขวะอีกฝ่ายไม่ได้ “ไม่คิด จะรอแกไปกินเหล้า อ๊ะ…อย่าบอกนะว่าไม่ไป เพราะถ้าแกปฏิเสธ ฉันจะประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่าคนอย่างมาร์โบโล คอฟอร์ด มันกลัวเมียมากเเค่ไหน” ดูเหมือนว่าการสร้างความร้าวฉานจะเป็นงานถนัดสำหรับพ่อหนุ่มกะล่อนเสียแล้ว “ไอ้เพื่อนเวร!” คนโดนจี้ใจดำก่นด่าเพื่อนรักด้วยความโมโหสุดขีด ก่อนจะจรดปลายปากกาเซ็นเอกสารที่อ่านค้างอยู่ด้วยท่าทางกระแทกกระทั้น “อย่าบ่นเป็นตาแก่ไปหน่อยเลยน่าพวก เดี๋ยวลูกคนที่สามเรียกตาเฒ่า ฉันไม่รู้ด้วยนะเว้ย” คนนอนหลับตาพริ้ม ยังมีหน้าส่งเสียงมากวนประสาทเจ้าของห้องอย่างนึกสนุก “ไม่ได้บ่นโว้ย แต่ฉันกำลังด่าแก” ทนไม่ไหวมาร์โบโลก็กระเด้งตัวลุกพรวดจากเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ แล้วเดินลิ่วมาหาเพื่อนรักที่กำลังนอนหมดสภาพอยู่บนโซฟาสีเลือดหมู ก่อนจะยืนเท้าสะเอวตอบโต้อีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง ซึ่งแอรอนทนเสียงกึกก้องของเพื่อนรักไม่ไหว จำต้องลุกขึ้นมาปะทะฝีปากแก้เครียดสักหน่อย “เออ…นั่นแหละ” พ่อหนุ่มมาดทะเล้นรับหน้าตาย พร้อมไหวไหล่กว้างอย่างไม่แยแส ส่งผลให้อีกฝ่ายอยากจะเตะเข้าให้สักป้าบ “ถ้าจะรอก็หุบปาก แล้วนอนไปเลย” คำสั่งเฉียบขาดบวกกับท่าทางขึงขังราวกับอยากจะซัดเขาหนักๆ ไม่ได้ทำให้แอรอนนึกครั่นคร้ามแต่อย่างใด กลับยิ้มแป้นเสียด้วยซ้ำ เพราะในคำพูดกราดเกรี้ยวของเพื่อนรักนั้น มันหมายรวมไปว่าอีกฝ่ายยอมไปท่องราตรีกับเขาแล้ว “โอเค นอนก็นอน กำลังง่วงอยู่พอดี” ว่าแล้วพ่อยอดชายก็เอนหลังลงนอนอีกครั้ง ไม่นานเสียงกรนของแอรอนก็ดังลอดออกมาจากปากที่เผยอน้อยๆ เป็นระยะ จนคนที่นั่งทำงานอดจะกระตุกยิ้มที่มุมปากไม่ได้ อาทิตย์ที่สามของการทำงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่ในตำแหน่งมัณฑนากร มัลลิกาก็ได้รับโทรศัพจากเลขาฯ ของท่านประธานว่า มาร์โบโล คอฟอร์ด ต้องการพบในตอนบ่ายของวันนี้ ทำให้เธอต้องรีบเคลียร์งานในช่วงเช้า แล้วขึ้นลิฟต์จากชั้นห้ามายังห้องทำงานของผู้บริหารที่อยู่บนชั้นสูงสุดภายในอาคารคอฟอร์ด ทาวเวอร์ หลังจากทานข้าวเที่ยงเสร็จในเวลาเกือบจะบ่ายโมง เมื่อได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของห้อง ผ่านทางเลขาฯ ของเขาอีกที มัลลิกาก็เงยหน้าสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจให้กับตัวเองเพราะไม่รู้ว่าถูกเรียกตัวมาด้วยเรื่องใด ก่อนจะยกมือเรียวขึ้นผลักประตูบานใหญ่ให้เปิดออกอย่างแผ่วเบา “สวัสดีค่ะ ท่านประธาน” เสียงหวานเอ่ยทักทายเจ้าของร่างทรงอำนาจที่กำลังนั่งทำงานอย่างคร่ำเคร่ง หลังจากมายืนตัวตรงอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ “สวัสดีครับ คุณมัลลิกา นั่งก่อนสิ” มาร์โบโลละสายตาสีควันบุหรี่จากเอกสารที่กำลังสนใจอยู่ แล้วผงกหัวขึ้นมาส่งยิ้มพร้อมคำทักทายอย่างเป็นกันเอง “ขอบคุณค่ะ” มัลลิกายิ้มรับไมตรีจิตจากอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนที่มือเรียวจะค่อยๆ เลื่อนเก้าอี้ตัวใหญ่ออก แล้วนั่งลงในฝั่งตรงกันข้ามกับร่างทรงพลัง “ไม่รู้คุณยังจำผมได้ไหม” หลังจากเห็นว่าแม่สาวร่างเล็กซึ่งเป็นพนักงานใหม่นั่งลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มาร์โบโลก็เกริ่นเข้าเรื่องทันที “จำได้ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้าน้อยๆ สามปีที่แล้วเธอเคยช่วยชีวิตภรรยาและลูกของผู้ชายที่ทรงอำนาจที่สุดในสวีเดนเอาไว้ ทำไมเธอจะจำไม่ได้ “ภรรยาของผมเขาอยากชวนคุณไปทานข้าวที่บ้าน เพื่อเป็นการขอบคุณกับเรื่องเมื่อครั้งสามปีก่อน” เมื่อเห็นว่าไม่ต้องเท้าความเรียกความทรงจำ ชายหนุ่มก็เอ่ยถึงความประสงค์กับการเรียกเธอเข้าพบในครั้งนี้เพื่อไม่ให้เสียเวลา เพราะเขาจะต้องรีบสะสางงาน และพาไอ้เพื่อนตัวแสบไปดื่มอย่างที่มันต้องการ “ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันเต็มใจที่จะช่วย” มัลลิการีบโบกไม้โบกมือด้วยความเกรงใจที่อีกฝ่ายจะเชิญไปกินข้าวที่บ้านเพื่อเป็นการขอบคุณ การทำดีในครั้งนั้นเธอไม่ได้หวังผลตอบแทน แต่หวังเพียงว่าบุญกุศลในส่วนนั้นจะส่งผลให้แดนไทยรอดปลอดภัยจากน้ำมือของพวกคนชั่ว “ไม่ต้องเกรงใจหรอก ภรรยาของผมก็เป็นคนไทยเหมือนคุณนั่นแหละ พาลูกชายคุณไปด้วยนะ จะได้ไปทำความรู้จักกับลูกๆ ของผม” มาร์โบโลพูดให้อีกฝ่ายคลายกังวลใจ ท้ายประโยคไม่ลืมกล่าวไปถึงลูกชายของเธอ เพราะจากประวัติมัลลิกาเป็นแม่หม้ายลูกติด “เอาเป็นว่าผมจะให้รถไปรับที่บ้านของคุณในวันเสาร์ตอนสายๆ นะ” เจ้าของห้องอาศัยช่วงที่เธอกำลังทำท่าลังเลมัดมือชกเร็วไว “งั้นก็ได้ค่ะ” ที่สุดมัลลิกาก็ต้องพยักหน้าตอบตกลง เพราะไม่อยากจะปฏิเสธไมตรีจิตที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้ด้วยท่าทางจริงใจอย่างแท้จริง จากนั้นทั้งสองก็คุยกันเกี่ยวกับเรื่องงานที่หญิงสาวเพิ่งเริ่มทำ พร้อมกับที่มาร์โบโลเสนอจะขึ้นเงินเดือนให้ทันทีที่เธอผ่านโปร ซึ่งมัลลิกาก็ละล่ำละลักขอบคุณอีกฝ่ายทั้งน้ำตา เพราะเงินเหล่านั้นเธอจะเก็บเอาไว้ใช้เป็นค่ารักษาของแดนไทยในภายภาคหน้า เสียงหวานๆ ที่กำลังพูดคุยอยู่กับเพื่อนรักดังแว่วมาเป็นระยะ ทำให้แอรอนไม่สามารถหลับตาลงได้อีกต่อไป ทั้งที่ง่วงนอนอยู่ไม่ใช่น้อย แต่แรงดึงดูดแปลกๆ กลับทำให้เขาต้องฉุดกระชากตัวเองขึ้นจากโซฟาเนื้อนุ่มน่านอน แล้วเดินมาหามาร์โบโลที่โต๊ะทำงานในสภาพงัวเงีย “กลิ่นคุ้นๆ ว่ะ” ขยับปากหยักพึมพำกับตัวเองพร้อมทำจมูกฟุดฟิด ก่อนจะทำท่าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ‘กลิ่นนี้มัน แม่กวางน้อยของเขาชัดๆ แถมบนหัวของเธอยังมีปิ่นปักผมอีกด้วย’ พ่อหนุ่มกะล่อนหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง แล้วใช้สายตาคมกล้าสำรวจตรวจตราร่างอรชรจากทางด้านหลัง  “ใช่จริงๆ ด้วย แม่กวางน้อยของเราจริงๆ” น้ำเสียงลิงโลดพึมพำเบาๆ กับตัวเอง นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเป็นประกายพราวระยับ “กรี๊ด!” มัลลิกากรีดร้องสุดเสียงด้วยความตกใจ เมื่อร่างบางลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมกล่าวคำอำลากับเจ้าของห้อง กำลังจะหมุนตัวก้าวออกจากห้องทำงานของท่านประธาน แต่กลับมีใครอีกคนเข้ามารวบเธอไว้ทั้งตัว  “กลิ่นนี้มัน!” กลิ่นอันติดตรึงอยู่ในความทรงจำสะกดให้หญิงสาวหยุดดิ้นรนลงไปชั่วขณะ ขมวดคิ้วมุ่น หัวใจดวงน้อยเต้นโครมครามด้วยความตื่นเต้น มัลลิกาพึมพำกับตัวเอง แล้วนึกถึงใครคนหนึ่งที่ยังฝังอยู่ในห้วงคำนึงตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา ‘คงไม่ใช่มิสเตอร์แบล็กแมน ฮีโร่ปริศนาของเธอหรอกมั้ง ผู้ชายมือไวแบบนี้น่ะหรือคือคนที่เธอแอบปลื้ม ไม่จริง เป็นไปไม่ได้’ ความคิดของหญิงสาวกำลังตีกันให้วุ่น ก่อนจะเบี่ยงหน้ากลับไปมองคนที่ยืนกอดเธออยู่ไม่ห่างจากทางด้านหลัง ‘เฮ้ย นี่มันไอ้ฝรั่งลามก หื่นกาม จิตเสื่อม ที่เราตบในผับวันนั้นนี่นา!’ เมื่อเห็นหน้าว่าเป็นใครเสียงหวานก็อุทานลั่นในใจ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเบิกกว้าง ไม่อยากจะเชื่อว่าโลกมันจะกลมได้มากมายถึงเพียงนี้ “เฮ้ย อย่ามาทำรุ่มร่ามกับคนของฉันนะ ไอ้แอรอน ถอยออกมาห่างๆ คุณมัลลิกาเลยพวก” ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะอ้าปากบริภาษอีกฝ่ายให้สาแก่ใจ น้ำเสียงทรงพลังของมาร์โบโลก็โพล่งขึ้นเสียก่อน ชื่อที่หลุดออกมาจากปากของเพื่อนรักทำให้แอรอนต้องหมุนร่างเพรียวระหงมามองหน้าตรงๆ ‘มัลลิกา งั้น…แม่กวางน้อยกับแม่โป๊งชึ่ง ก็เป็นคนเดียวกันน่ะสิ ว่าแล้วทำไมกลิ่นกายของเธอมันถึงได้คุ้นนัก แถมใบหน้ายังละม้ายคล้ายคลึงกันอีก’ หัวสมองอันชาญฉลาดรีบประมวลผลเร็วจี๋ แม่กวางน้อยเขามั่นใจว่าต้องเป็นเธอเพราะจำหน้าได้ไม่เคยลืม ถึงแม้จะผ่านมาแล้วสามปีก็เถอะ ส่วนแม่โป๊งชึ่งเขาก็จำชื่อยายตัวแสบที่ตบหน้าเขาถึงสองครั้งสองคราได้อย่างแม่นยำ “เจอกันอีกครั้งจนได้นะ แม่โป๊งชึ่ง” แล้วแอรอนก็ไม่รอช้าที่จะทดสอบความมั่นใจของตัวเองว่าแม่กวางน้อยกับแม่โป๊งชึ่งเป็นคนเดียวกัน “นั่นสิ โลกมันช่างกลมได้อย่างน่าโมโหจริงๆ” มัลลิกาโต้กลับด้วยสีหน้าราบเรียบ เมื่อแน่ใจว่าเขาคือไอ้ฝรั่งชีกอที่ทำให้เธอโดนไล่ออกจากการเป็นสาวเสิร์ฟ ‘โป๊ะเชะ ใช่คนเดียวกันจริงๆ ด้วย’ แอรอนแอบลิงโลดในอก “เฮ้ย…ไอ้แอรอน ฉันบอกให้แกถอยออกมาจากคุณมัลลิกาไงวะพวก” เมื่อเห็นเพื่อนรักยังไม่ยอมถอยห่างจากสาวเจ้า ท่านประธานหนุ่มก็ส่งเสียงห้าวมาตักเตือนอีกหน “ทำไมแกต้องหวงด้วยวะ เดี๋ยวพ่อก็ฟ้องคุณน้ำซะเลยนี่ว่าสามีแอบเลี้ยงอีหนู” หลังจากหายตะลึงระคนยินดี พ่อหนุ่มกะล่อนก็หันมาตอบโต้เพื่อนรักทันควัน “ไอ้หอกหัก วอนโดนกระทืบแล้วไหมล่ะ” เสียงห้าวกระด้างติดจะดุเอ็ดตะโรลั่น พลางชี้หน้าทะเล้นของเพื่อนรักคาดโทษด้วยท่าทางเอาเรื่อง “มีลูกน้องสวยๆ แบบนี้ ทำไมไม่บอกกันบ้างวะ ไอ้มาร์ส” น้ำเสียงขี้เล่นดังขึ้นชิดหน้าผากนูนเกลี้ยงทำให้มัลลิกาเกิดอาการขนลุกซู่ พยายามดิ้นรนออกไปจากพันธนาการแกร่งให้จงได้ “งั้นขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งนะ ทูนหัว ผมแอรอน มอร์แกน สนใจไปดินเนอร์ด้วยกันไหมคนสวย” ถือวิสาสะใช้ปลายนิ้วแกร่งเชยคางมนขึ้นสบสานกับนัยน์ตากรุ้มกริ่ม แล้วเอ่ยชวนหญิงสาวด้วยน้ำเสียงชวนเคลิ้ม ทำเอาดวงหน้างามเห่อร้อนขึ้นมาทันที เพราะไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายมากขนาดนี้มาก่อน แถมผู้ชายคนนี้ยังสามารถเขย่าหัวใจของเธอได้อย่างน่าประหลาด “ขอโทษนะคะ ฉันมีลูกแล้ว และไม่ชอบไปไหนมาไหนกับผู้ชายแปลกหน้าสองต่อสอง” หญิงสาวเค้นเสียงลอดไรฟันโต้ตอบ แต่คนฟังก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจสักเท่าไรที่เธอจะมีลูกแล้ว เพราะแม่กวางน้อยของเขามีลูกติด และถ้าจำไม่ผิดตอนนี้ลูกชายของเธอก็คงโตจนเกือบจะเป็นหนุ่มแล้ว “ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ” มัลลิการวบรวมกำลังผลักไสร่างทรงพลังให้ถอยห่างสำเร็จในที่สุด แล้วหันไปกล่าวกับเจ้าของห้องด้วยน้ำเสียงสุภาพ แอรอนตั้งใจจะคว้าเอวอ้อนแอ้นเอาไว้ แต่ก็คว้าได้เพียงลม เมื่อแม่คุณไหวตัวทันและก้าวขาเรียวออกจากห้องอย่างไม่คิดจะเหลียวหลัง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD