หวั่นไหว

1290 Words
        “ คุณช่วยถอดเสื้อออกด้วยจ้ะ ”         “ หืม ” ชายหนุ่มที่ยังอยู่ในภวังค์หัวใจลิงโลดทันที นี่เจ้าหล่อนก็ใจตรงกันกับเขาหรือนี่ แต่มาถึงก็จะสั่งให้ถอดเสื้อ ไวไฟดีแท้           “ ถ้าคุณไม่ถอด เทียนจะเอายาใส่ไม่ได้จ้ะ ” เธออธิบาย นั่นทำให้ดวงตาคมสลดลงวูบหนึ่ง นึกว่าจะสมหวังดังดวงใจที่มันรุมร้อนยิ่งกว่าไฟจนลืมความบาดเจ็บลงไปในตอนนี้           “ ภู กูปวดท้องว่ะ สงสัยไอ้ร้านลาบเจ้ากรรมก่อนเดินเข้าป่านั่นทำพิษ มึงอยู่กะน้องเขาสองคนก่อนได้ไหม กูขอเข้าห้องน้ำก่อน ” จู่ ๆ เพื่อนรักก็เอ่ยขึ้น อีกฝ่ายพยักหน้า           “ ก็ไปสิ น้องเขาคงไม่ฆ่าไม่แกงกูหรอกน่า ”           “ ห้องน้ำอยู่ตรงไหนครับน้องเทียน ”           “ อยู่ด้านล่างจ้ะ ลงบันไดไปแล้วก็เลี้ยวซ้ายเลาะเรือนไปเลยจ้ะ ” หญิงสาวตอบ อีกฝ่ายรีบเดินจ้ำออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว           ร่างใหญ่ยกแขนกำยำขึ้นหมายจะปลดกระดุมเสื้อ ทว่าต้องร้องขึ้นด้วยความเจ็บ           “ โอ๊ย ”           “ เจ็บเหรอจ๊ะ ” เปลวเทียนเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เขาพยักหน้า           “ กระสุนไม่ฝังแต่มันถากลึกพอควร ปวดน่ะ เทียนช่วยถอดเสื้อให้ผมหน่อยได้ไหม ”           โชคดีที่มีเพียงแสงเทียนสีส้มจาง ๆ ไม่เช่นนั้นชายหนุ่มจะต้องเห็นใบหน้างามแดงก่ำขึ้นมากะทันหันในตอนนี้ เธอได้แต่ก้มหน้างุดแต่ก็ยังรับปาก           “ ได้จ้ะ ”แล้วมือน้อยค่อยเอื้อมไปคว้ากระดุมเม็ดบนก่อนปลดมันออก ทว่าช่างยากเย็นเพราะเธอไม่กล้ามองเขาเต็มตา เสียงทุ้มหัวเราะเบา ๆ           “ แล้วถ้าเทียนไม่มองผมแบบนั้นจะเห็นได้ยังไงกัน เลือดผมออกหมดตัวตายก่อนพอดี ” นั่นทำให้เธอต้องรีบเงยหน้าขึ้นแล้วปลดมันลงทุกเม็ดก่อนจะค่อยช้อนประคองให้เขาลุกขึ้นนั่งแล้วแหวกเสื้อออกทีละข้าง ค่อยถอดมันออกระมัดระวังอย่างที่สุดคือบริเวณแผลต้นแขนที่เลือดแดงฉานย้อมแขนเสื้อจนเปียก แต่ก็น่าแปลกใจที่คนตรงหน้ายังไม่มีอาการใด ๆ ทำเสมือนเป็นแค่แผลล้มหัวเข่าถลอกเท่านั้น           เธอวางเสื้อลงด้านข้างก่อนจะหันกลับมายังตัวแผล แต่สายตาก็อดไม่ได้ที่จะเลยไปมองแผงอกแกร่งนั้น             ไหล่เขากว้างเหลือเกิน คงเพราะสูงใหญ่ร่วมเมตรเก้าสิบ ทุกส่วนสัดที่เปิดเปลือยอวดสายตานั้นงดงามไปด้วยมัดกล้ามแข็งแรง ตั้งแต่หัวไหล่ แผงอก ท่อนแขน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผงกล้ามที่หน้าท้องเป็นลอนชัดเจน อันมีไรขนสีเข้มขึ้นประปรายอยู่เบื้องล่างแล้วลับหายไปกับขอบยีน           ใบหน้าหวานที่แดงจัดมันร้อนฉ่าราวกับถูกไฟลุกท่วมไหม้ เธอรีบหันไปสนใจกับตัวยาที่นำมาทันที ใช้ผ้าชุบน้ำยาไปเช็ดรอบ ๆ แผลจนเลือดหยุดไหล ก่อนจะนำตัวยาสมุนไพรที่ถูกบดหยาบปั้นเป็นก้อนไปโปะไว้บนนั้นแล้วใช้ผ้าพันผูกไว้อีกที           “ สมุนไพรพวกนี้จะช่วยหยุดเลือด สมานแผล และช่วยให้แผลไม่อักเสบจ้ะ กระสุนไม่ได้ฝังแบบนี้ คุณจะหายไวมากขึ้น เดี๋ยวคุณดื่มยานี้อีกนะจ๊ะ จะได้ไม่เป็นไข้ ”           เธอว่าพลางประคองถ้วยยาไปจรดริมฝีปากนั้น ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือตั้งใจที่ริมฝีปากของเขาแตะลงบนนิ้วมือน้อยที่ประคองถ้วย มันทำให้เธอชาวาบ เขาค่อย ๆ ดื่มเข้าไปจนหมด เธอช่วยประคองร่างใหญ่ผ่อนลงกับที่นอนแล้วหยิบผ้าห่มมาคลุมให้           “ เรียบร้อยแล้วจ้ะ คุณนอนพักนะ ตื่นมาเดี๋ยวก็ดีขึ้น เทียนขอตัวก่อน ” เขาคว้าแขนเธอไว้แล้วเอ่ยขึ้น           “ เทียนยังไม่ได้ตอบผมเลย ถ้าเกิดอะไรขึ้นแล้วจะรับผิดชอบผมยังไง ”           “ ไม่เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้นล่ะจ้ะ เรารักษากันแบบนี้มาเนิ่นนานแล้ว ไม่เคยมีใครเป็นอะไร มีแต่หายกับหาย คุณไม่ต้องกังวล ”           “ ไม่รู้สิ ผมกลัว เทียนเฝ้าผมอีกสักพักได้ไหม ผมอยากให้เทียนอยู่ข้าง ๆ นะครับ ” เสียงทุ้มออดอ้อน สายตาคมกริบส่งกระแสมาเว้าวอน เปลวเทียนหัวใจไหววูบ ไม่เคยเลยสักครั้งในชีวิตที่เธอจะรู้สึกหวั่นไหวกับชายใดได้เช่นนี้ แม้กระทั่งกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นผัวอย่างพ่อนาย           ผัว ใช่ เธอมีผัวแล้ว เปลวเทียนบอกตัวเอง...           มือน้อยค่อยเอื้อมไปแกะอุ้งมือสากกร้านบนเรียวแขนของตนเอง ก่อนจะก้มลงหยิบถ้วยยาทั้งหมดไว้ในมือแล้วหันไปบอกกับเขาอย่างชัดถ้อยชัดคำ           “ เทียนเฝ้าคุณภูไม่ได้หรอกจ้ะ มันจะดูไม่งาม เพราะเทียนเป็นเมียของพ่อนาย ”           ก่อนจะลุกขึ้นแล้วหมุนตัวเดินออกจากห้องไปเงียบ ๆ ทิ้งให้ชายหนุ่มร่างใหญ่นอนนิ่งอย่างผิดหวังเต็มกลืน คำนั้นมันกระแทกเข้าไปในหัวใจเขาซ้ำ ๆ           เมียของพ่อนาย...           “ เกิดมาพึ่งจะเคยรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงครั้งแรกก็เสือกไปชอบเมียชาวบ้านเขานะไอ้ภู เวรกรรมแท้ ๆ ”           เขาบ่นกับตัวเองอุบอิบก่อนหลับตาลงแล้วเข้าสู่ภวังค์นิทราในที่สุด         หลับไปนาน เนิ่นนานจนตะวันดวงโตเคลื่อนคล้อยไปสู่กลางผืนฟ้า จึงถูกปลุกขึ้นด้วยเสียงหนึ่ง           “ คุณภูตะวัน ทำไมหลับนานขนาดนี้ เป็นยังไงบ้าง ไข้หรือเปล่า ”           ชายหนุ่มปรือตาขึ้นมองก็พบชายวัยสี่สิบต้นรูปร่างสันทัดแข็งแรงกำยำของนายอำนาจ หรือพ่อนายของคนที่นี่นั่งอยู่ด้านข้าง พร้อมกับชายวัยไล่เลี่ยหรือไม่ก็แก่กว่ากันไม่มากที่นั่งอยู่ด้านข้าง             “ พ่อนาย ” เขาเอ่ยลอดริมฝีปากเบา ๆ ก่อนพยายามลุกขึ้นนั่งแล้วลองสลัดศีรษะกับขยับแขนดู พบว่ามันโปร่งโล่ง ไม่ได้มีอาการปวดแผลหรือเป็นไข้แต่อย่างใด           “ เป็นยังไง ” ชายคนนั่งข้าง ๆ พ่อนายถาม เขาพยักหน้า           “ ดีครับ ไม่ไข้ไม่ปวด แต่ผมคงจะเพลียเลยนอนนานไปหน่อย แล้วนี่ไอ้ธีเพื่อนผมไปไหนล่ะครับ ”           “ ออกไปกินข้าวแล้วเดินเล่น ที่นี่อากาศดี ต้นไม้เยอะ ธารน้ำก็ใส เลยไปทางเหนือโน่นมีธารน้ำตก ไว้คุณภูหายแล้วก็ไปลงเล่น ” ภูตะวันยิ้ม           “ ขอบคุณมากนะครับ แล้วพ่อนายเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นแล้วเหรอ ”           “ ดีขึ้นเหมือนไม่เป็นอะไรเลย ”           “ แสดงว่ายานี่ดีมากนะครับ ขนาดเราโดนยิงมาแท้ ๆ หายไว้ยิ่งกว่ายาหมอแผนปัจจุบันเสียอีก ”           “ ผ่านมือหมอประทายเสียอย่าง รับรองว่ามีแต่หายกับหาย ” ชายคนที่นั่งข้างพ่อนายว่าโอ่ ๆ อีกฝ่ายหัวเราะ           “ อ้อ ผมลืมแนะนำนะ นี่หมอประทาย หมอยาของที่นี่ ที่มารักษาให้คุณนั่นก็ลูกสาวหมอประทาย นังเทียนเมียอีกคนของผม ”           คำว่า ‘ เมียอีกคนของผม ’ นั้นทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าจ้องมองอีกฝ่ายอย่างงุนงง เขาหัวเราะร่วน           “ ฟังไม่ผิดหรอก ผมมีเมียหลายคน แต่เมียเอกสร้อยทอง ผู้หญิงที่คุณเห็นตอนมาเมื่อคืน นอกจากนั้นผมมีอีกหกเจ็ดคนเดี๋ยวคุณคงจะได้เห็น ส่วนนังเทียนคือเมียล่าสุด มาอยู่ที่นี่ยังไม่ถึงสองอาทิตย์เลย ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD