สัญญา เวลา อาลัย ตอนที่ 1

1946 Words
กลิ่นเหม็นคละคลุ้ง และน้ำดำคล้ำสกปรกที่กะเพิ่มเข้าปากเข้าจมูกทำให้หญิงสาวขวนขวายทะลึ่งตัวพุ่งพรวด หวังเอาตัวให้รอดพ้นจากความโสมมนี้ หล่อนหายใจหอบกระเส่า เอามือจับใบหน้าและลำคอก็พบว่าผิวเนื้อเต็มไปด้วยเหงื่อ และรอบๆ ก็เป็นห้องนอน ที่หล่อนนอนอยู่ก็เป็นเตียงนอนมีผ้าห่มห่มตัวอยู่เรียบร้อย ไม่ใช่บ่อน้ำคลำแต่อย่างใด            "ตื่นแล้วเหรอคะคุณมู่ลี่..." เสียงนั้นทำให้หล่อนหันไปมอง ก็พบหญิงชาวบ้านร่างท้วมยิ้มแฉ่ง ในมือถือบางอย่างเดินเข้ามาหา            "ใครพาฉันกลับมาที่นี่...เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฉันเหรอ..." หล่อนรวบรวมสติและเริ่มสำรวจรอบๆ ตัว พร้อมตั้งคำถามกับทั้งตัวเองและสาวแปลกหน้า            "อ๋อ...หนูก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะว่าคุณมู่ลี่มาอยู่ห้องนี้ได้ยังไง นายสั่งให้หนูมาดูแลคุณมู่ลี่ พอมาถึงก็เห็นคุณนอนหลับอยู่บนเตียงแล้วล่ะค่ะ นี่ค่ะ...น้ำปั่น ดื่มเสียหน่อยนะคะจะได้ดีขึ้น นายบอกคุณไม่สบาย"            "อะไรนะ! แล้วรู้ไหมใครอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฉัน" โมรียารีบถามต่อด้วยอาการตกอกตกใจ เพราะหล่อนไม่ได้ฝันไปแน่ ว่าก่อนหน้านี้ถูกจับโยนลงบ่อน้ำดำสกปรกนั่น จนสำลักแทบเอาชีวิตไม่รอด แล้วสติก็ดับวูบไป ไม่รับรู้อะไรอีกเลย            "หนู...หนูไม่ทราบจริงๆ ค่ะ" คนถูกถามทำหน้าไม่ถูกเมื่ออีกฝ่ายจ้องจิกจะเอาคำตอบให้ได้ สายตาคาดคั้นประหนึ่งจะกินเลือดกินเนื้อหล่อนอย่างไรอย่างนั้น            "วุ้ย! หนูๆ อยู่นั่นแหละ ดูหนังหน้าซะบ้างแก่กว่าฉันสักสิบรอบได้มั้ง ถามอะไรก็ไม่รู้เรื่องน่าเบื่อจริงๆ" โมรียาบ่นด้วยความหงุดหงิดใจ มือไม้ก็ลูบคลำตัวเองไปพลางปรากฏว่าเธอไม่ได้ใส่ชั้นใน มีเพียงเสื้อตัวโคร่งและกางเกงขายาวเอวยืดตัวหลวมๆ ใส่ไว้เท่านั้น หญิงสาวลอบกลืนน้ำลาย ไม่อยากคิดถึงเลยว่าใคร...เป็นผู้ที่ทำความสะอาดร่างกายรวมถึงผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หล่อนและคำตอบที่วนเวียนอยู่ในหัวนั้นทำให้หล่อนยิ่งเกรี้ยวกราดเครียดตึง            "อ้าว! ก็หนูไม่รู้จริงๆ อีกอย่าง มันเป็นมารยาทที่พ่อแม่หนูสอนมาค่ะ ว่าเวลาคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่ให้นอบน้อมถ่อมตัว มีมารยาท เข้าใจไหมคะ"            คนฟังถึงกับสะอึกงันไปกับคำพูดตรงไปตรงมานั้น หล่อนมองหน้าไสซื่อของผู้พูดที่ทำราวกับไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ได้คิดกระแนะกระแหน ไม่ได้หมายใจจะยอกย้อนแล้วก็ต้องเอามือกุมขมับ            "จะไปไหนก็ไปเถอะไป..."            "ไปไหนไม่ได้หรอกค่ะ นายสั่งให้ดูแลคุณ ให้เฝ้าคุณอยู่ที่นี่อย่าไปไหน"            "อะไรนะ..."            "ค่ะ...นายสั่งเอาไว้ นายให้ค่าจ้างหนูด้วย ออ...ลืมบอก หนูชื่อบังอรค่ะ"            "โอ๊ย! มันอะไรกันเนี่ย ปวดประสาทจริงๆ เลย" หญิงสาวถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก มองดูบังอรแบบเหนื่อยๆ เพลียๆ รู้สึกได้เลยว่าหากไม่ซื่อจนเซ่อ บังอรก็คงเป็นประเภทมีปัญหาทางสมองอะไรสักอย่าง ที่มีความคิดความอ่านและระดับการรับรู้ไม่เหมือนคนอื่นแน่ๆ            "เอายาแก้ปวดไหมคะคุณมู่ลี่ เดี๋ยวหนูไปหยิบให้ทานแล้วจะได้หายค่ะ" นั่นไง!            "ไม่ต้อง!! ไปนั่งตรงโน้นเลยไป นายเธอใช้ให้มาเฝ้าฉันไม่ใช่เหรอ ไม่ได้ให้มานอนด้วยใช่ป่ะ งั้นไปนั่งเฝ้าตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งโน่นไป ฉันจะนอน"            ว่าแล้วโมรียาก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงแล้วปิดตาหนีความวุ่นวายใจ ทางด้านบังอรเมื่อเห็นดังนั้นก็ได้แต่เกาศีรษะแกรกๆ ยกเครื่องดื่มเดินไปนั่งตรงหน้ากระจกตามคำสั่ง แอบนึกเสียดายน้ำผลไม้ปั่นที่หล่อนทำมาให้โมรียา ของดีแท้ๆ สาวเจ้ากลับไม่ยอมแตะสักนิด สงสัยคนกรุงฯ จะไม่ชอบรสชาติแบบนี้กระมัง                                                "ไอ้พิทักษ์! เห็นทีมึงกับกูจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แล้วจริงๆ" ภูมิศิลายืนอยู่มองออกไปนอกหน้าต่างห้องทำงาน พื้นที่สุดลูกหูลูกตานั้นคืออาณาเขตของเขา เขาดูแล และรับผิดชอบมานานหลายปี หลังจากครอบครัวได้ขยายกิจการ ซื้อที่ในการเพาะปลูกผลไม้สวนผสมมากขึ้น เพราะความต้องการของตลาดมีสูงขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ ปี เนื่องจากผลผลิตนั้นมีคุณภาพและดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อตรงซื่อสัตย์มาตลอดจนเป็นที่ยอมรับในวงกว้างทั้งในและนอกประเทศ            อีกอย่าง...เขาและณกรก็ช่วยกันบริหารดูแล ไม่ได้มีหุ้นส่วนอื่นๆ หรือคนนอกเข้ามาเกี่ยวข้อง ทุกอย่างจึงดำเนินไปด้วยความราบรื่น แม้จะเหนื่อยมากหน่อยก็ตามที แต่พวกเขาก็ยินดีทำ และมีความสุขกับการได้เห็นธุรกิจเล็กๆ ของครอบครัวเจริญขึ้นตามลำดับด้วยน้ำพักน้ำแรงของพวกเขาเอง             แต่ก็ใช่ว่าจะไร้ซึ่งปัญหาเสมอไป...เรื่องกวนใจ เรื่องปวดหัวก็มีเข้ามาประปรายให้ต้องหาทางแก้ไขกันอยู่เป็นปกติของการทำงาน และ...เรื่องไม่ปกติก็มีอยู่เหมือนกัน ดังเช่นปัญหาเก่าๆ เรื้อรัง วันดีคืนดีแผลเก่าที่ใกล้หายซึ่งเริ่มตกสะเก็ดไปแล้วก็ถูกกระทุ้งทิ่มให้กลายเป็นแผลใหม่อีกครั้งอยู่เสมอ            ทั้งเขาและณกรไม่ได้นิ่งเฉย เคยตัดรากถอนต้นมาหลายครั้ง แต่ดูเหมือนจะกำจัดได้เพียงวัชพืชต้นเล็กต้นน้อยเท่านั้น รากโคนของต้นไม้ใหญ่ที่เป็นขวากหนามของพวกเขายังคงหยั่งลึกรอวันแผ่ขยาย หวังครอบคลุมกลืนกินพวกเขาอยู่ตลอดเวลา            "คราวนี้นายพิทักษ์เล่นแรงนะครับ...ของที่ส่งให้ลูกค้ามีสารปนเปื้อนเกือบทั้งหมด เราต้องจ่ายเงินคืนแล้วก็ค่าปลอบขวัญเพื่อซื้อใจลูกค้าเป็นสิบล้านเลยทีเดียว หากปล่อยเอาไว้แบบนี้อีกหน่อยเราคงแย่"            "ลุงโชคติดต่อณกรได้หรือยัง..."            "ยังครับนาย...นายณกรคงกำลังยุ่งเรื่องดูแลลูกค้าที่เสียหาย เพราะตัวนายก็อยู่ทางนี้ ไม่มีใครคอยรับหน้า ดึกๆ คงว่างผมฝากข้อความให้โทรฯ กลับมาหานายแล้วครับ"            "อืม...ผมขอบคุณมากครับลุงโชค" ร่างใหญ่เอ่ย โดยไม่ได้หันกลับมามองคู่สนทนาซึ่งยืนตรงข้ามกับโต๊ะทำงาน            "ว่าแต่...คุณผู้หญิงที่นายพากลับมาด้วย...เธอเป็นใครเหรอครับ ได้ข่าวไปสร้างวีรกรรมเอาไว้ ยังไงถ้ามันยุ่งยากนักผมว่านายควรพาเธอกลับ เพราะตอนนี้เราก็กำลังมีปัญหากันอยู่ ไม่รู้ไอ้พิทักษ์มันจะมาไม้ไหน จะห่วงหน้าพะวงหลังเปล่าๆ นะครับ"            "เรื่องนั้นลุงโชคไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับผมจัดการเองดีกว่า เอาเป็นว่ายังไงก็ช่วยดูๆ อย่าให้เธอออกนอกอาณาเขตเราได้เด็ดขาด ห้ามใครพาไปไหนมาไหน ห้ามพูดคุยเรื่องไม่จำเป็น มู่ลี่เป็นคนฉลาด เดี๋ยวจะหลอกถามคนโน้นคนนี้แล้วสร้างเรื่องปวดหัวให้ผมอีก" ภูมิศิลาอธิบาย            "แล้วแต่นายล่ะครับ ว่าแต่...มีใครไปดูแลหรือยัง"            "ผมให้บังอรไปอยู่เป็นเพื่อนแล้ว คงมีแต่บังอร...ที่รับมือแล้วก็คุยกับมู่ลี่รู้เรื่อง ฮึ..." ปลายท้ายประโยคชายหนุ่มแสยะเหยียดริมฝีปากครางหัวเราะในลำคอ ก่อนจะถอนหายใจหนักยาวๆ            "งานเลี้ยงประจำปีของเราล่ะครับนาย...จะให้ย้ายไปจัดที่ไร่ทางเหนือไหม พิทักษ์คงเล็งจะเล่นงานเราอยู่ตลอด จะยกเลิกพวกคนงานที่เฝ้ารอมาแรมปีก็คงผิดหวังตามๆ กัน" ลุงโชคเอ่ยถามชายหนุ่มซึ่งหันกลับมามองแกแล้วถอนหายใจอีกครั้ง ราวกับหนักอึ้งในหัวอกกับทุกปัญหาที่รุมเร้าเอานักหนา            "ไม่ยกเลิกครับ เราจัดทุกปีจนกลายเป็นประเพณีไปแล้ว จะให้มาหยุดหรือย้ายไปรวมกับไร่ที่อื่นในปีนี้พวกไอ้พิทักษ์คงได้หัวเราะเยาะว่าเรากลัวมันจนหัวหด อีกอย่างการเดินทางมันก็ไกลไม่ใช่ใกล้ๆ ลำบากกันเปล่าๆ ครับ ยังไงลุงโชคก็บอกพวกเราให้ระวังตัว แล้วก็...จัดเวรยามคุ้มกันให้หนาแน่นหน่อยก็ดี เพื่อความปลอดภัยของทุกคน" "ได้ครับนาย..." ลุงโชครับคำสั่ง แล้วปลีกตัวออกจากห้องทำงานไป คงเหลือแต่ภูมิศิลาเท่านั้นที่หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้และครุ่นคิดวิธีการรับมือกับปัญหาภายภาคหน้า ที่มันอาจจะเกิดหรือไม่เกิดเขาก็ต้องจัดการป้องกันเอาไว้ก่อน เพราะเป็นที่รู้โดยทั่วกันว่า งานเลี้ยงประจำปีจะถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เสมอ และจัดขึ้นพร้อมๆ กันในไร่สวนอีกสองแปลงรวมเป็นสามแปลง ภายใต้การควบคุมดูแลของเขากับณกร            เพื่อตอบแทนความเหนื่อยยากของคนงานทุกคน ที่บ้างก็ติดสอยห้อยตามกันมาตั้งแต่บุกเบิกจนถึงตอนนี้ บ้างก็มาปักหลักอาศัยช่วยพวกเขาทำงานทั้งครอบครัว ทุ่มเทแรงกายแรงใจประหนึ่งว่าเป็นบ้านหลังหนึ่งเลยทีเดียว จนทำให้พวกเขาพัฒนาก้าวหน้ามาได้จนถึงทุกวันนี้ จากแปลงผลไม้สวนผสมเล็กๆ ขยายมาเป็นสวนขนาดใหญ่มีอาณาเขตกว้างขวาง จนปัจจุบันมีที่นับร้อยไร่ถึงสามแปลง อยู่ในภูมิประเทศที่แตกต่างกันและคนละจังหวัด            เพื่อจะได้ผลผลิตที่ตรงตามภูมิศาสตร์ของสถานที่นั้นๆ ตามความต้องการของตลาด แต่...แน่นอนว่างานเลี้ยงใหญ่ที่ครื้นเครงเต็มไปด้วยผู้คน อาหาร เครื่องดื่มและการสังสรรค์ ย่อมเปิดช่องโหว่ให้ศัตรูที่หมายใจจะทำลายพวกเขาหาทางสร้างความเสียหายให้ง่ายขึ้นด้วย            "มู่ลี่นะมู่ลี่...ไม่น่าทำให้พี่ต้องมาเสียงานกับเธอขนาดนี้เลย" ชายหนุ่มพร่ำบ่นกับตัวเอง หวนนึกไปถึงสาวน้อยหน้าหวานในวันวาน และสาวสวยสง่าในวันนี้ ที่หล่อนช่างเหินห่างแตกต่างได้ทุกกระเบียดนิ้ว ประหนึ่งเป็นคนละคนกัน หล่อนนำความว้าวุ่นกรุ่นใจตั้งแต่วันทราบข่าวว่า หล่อนกำลังเดินทางกลับประเทศไทย...พร้อมกับว่าที่เจ้าบ่าว ซึ่งประกาศอย่างเป็นทางการว่าการกลับมาครั้งนี้เพื่อเข้าประตูวิวาห์ด้วยกัน            แล้วเขาล่ะ...เขาที่โง่รออยู่สี่ปีเต็มๆ รักษา และใช้ลมหายใจอยู่กับคำสัญญาลมปากของหล่อน กลับกลายเป็นเพียงฝุ่นละอองไร้ค่าที่หล่อนเมิน หลงลืมเขาไปแล้วด้วยซ้ำ            เหตุการณ์นั้นทำให้เสาหลักของครอบครัวอย่างเขาถึงกับสั่นคลอนไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่หลายวัน เอาแต่เมาหัวราน้ำ งานการไม่แตะต้อง โชคดีที่ได้ ณกรเตือนสติ แม้จะคิดได้...แต่เขาก็ยังไม่อาจยอมรับการตัดสินใจอันทารุณของหล่อน การวางแผนเอาคืนจึงเกิดขึ้น...และเขาก็ได้หล่อนกลับมาอยู่ข้างๆ แม้จะไม่มีอะไรเหมือนเดิมแล้วก็ตาม            มันเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่นายพิทักษ์คู่อริเก่าเริ่มเคลื่อนไหวรุกรานเขารุนแรงขึ้น ทำให้ต้องรับมือกับปัญหาหลายอย่างพร้อมๆ กัน ซึ่งเป็นเรื่องที่หนักหนาอยู่ไม่ใช่น้อย            แต่เอาเถอะ...รับรองได้ว่าใครที่ทำให้เขาระคายเคืองหัวใจ มันผู้นั้นจะต้องได้รับการตอบสนองอย่างสมสมถึงที่สุด เพียงแค่...รอเวลาเท่านั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD