bc

กรงรักทัณฑ์พิศวาส

book_age16+
683
FOLLOW
3.9K
READ
sweet
bxg
like
intro-logo
Blurb

คำสัญญา...สำหรับบางคนอาจเป็นเพียงถ้อยคำที่พูดไปเพราะความรู้สึกในชั่วขณะหนึ่ง แล้วก็เลือนลบหายไปตามกาลเวลา แต่กับบางคน มันคือการใช้ทั้งชีวิตเพื่อรักษามันเอาไว้ เมื่อคำสัญญาถูกทำลาย นั่น...ก็หมายถึงลมหายใจที่สูญสลายสิ้นไปด้วย

หากแต่ความแค้นยังฝังแน่นเกินเยียวยา เขา...จึงทำทุกวิธีทางเพื่อเอาคืนเธอ หญิงสาวซึ่งเคยเป็นที่รักยิ่งให้รู้สึกรู้สาถึงเจ็บปวดทรมานเสียบ้าง จากผู้ชายแสนดีสุภาพอ่อนโยน ความรักที่ผิดหวังเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นสัตว์ร้ายที่ใครก็ไม่อาจขัดขวางต้านทานได้...

chap-preview
Free preview
เวลาเปลี่ยนไป ใจคนก็เปลี่ยนแปลง ตอนที่ 1
"แน่ใจเหรอว่าจะทำจริงๆ..."             "นายถามฉันรอบที่เท่าไหร่แล้ว" คนถูกถาม เหลือบสายตาหันมองคนถาม ซึ่งกำลังทำสีหน้าเคร่งเครียด ถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความกังวล พลางทิ้งร่างใหญ่หนาเอนพิงเบาะรถหันมองความมืดนอกหน้าต่าง             "หึ...อย่างนายกลัวตายกับเขาด้วยเหรอ" สายตาของคนขับรถเบี่ยงเบนมองไปตามเส้นทางถนนท่ามกลางแสงสลัว เขาแสยะยิ้มร้าย จนอีกฝ่ายเห็นแล้วต้องดีดตัวลุก ดึงสาบเสื้อเข้าหากันแสดงท่าทีองอาจ             "เอาที่ไหนมาพูด"             "ก็เห็นๆ อยู่ว่านายกำลังปอดแหก กลัวจะโดนจับได้รึไง ฉันบอกแล้วว่าไม่มีทาง งานนี้...ฉันยอมเอาทุกอย่างเข้าแลก ยังไง...ก็ไม่มีทางพลาด"             "คนอย่างฉันเหรอจะกลัวพวกกระจอกนั่น หึ...นายน่าจะรู้นิสัยฉันนะภูมิ"             "หืม..." เจ้าของชื่อครางฮือเป็นเควสชั่นมาร์ค แต่ก็แอบยิ้มมุมปากกับอาการกระสับกระส่ายตลอดเวลาที่เดินทางมาด้วยกัน             "เออๆ บอกก็ได้..." ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจจะปลดปล่อยความอัดอั้นตันใจ             "กลัวน้ำหวานรู้...ถ้าเมียอันเป็นที่รักยิ่งของฉันรู้เข้า มีหวังหูยานหัวแบะ ทีนี้...นายจะรับผิดชอบยังไง"             "นึกว่าอะไร ณกรเอ๊ย! ที่แท้ก็กลัวแม่ เอ๊ย!! เมีย" คนฟังหัวเราะชอบใจ แต่ณกรสิ...ใจของเขาไม่คลายความระแวงลงเลย             "หึ...ไม่มีเมียบ้างให้มันรู้ไป ระวังนะภูมิ นายน่ะ ว่าฉันไว้เยอะกรรมจะตามสนองร้อยเท่าพันเท่า"             "ก่อนที่กรรมจะตามสนองฉัน...ฉันขอสนองกรรมให้ถึงใจกับใครบางคนก่อนก็แล้วกัน" ใบหน้ากร้านประดับไว้ด้วยหนวดเคราครึ้ม ดูดุดันยิ่งขึ้นเมื่อดวงตาคมกล้านั้นส่อแววอาฆาตขึ้นมาในชั่วอึดใจ             ณกรกลืนน้ำลายลงคอส่ายศีรษะด้วยไม่รู้จะหาคำใดมากล่าวเตือนพี่ชายบุญธรรมให้กลับตัว ภูมิศิลามีความตั้งมั่นในการสะสางปัญหาที่เขาจะไม่ยอมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้โดยเด็ดขาด             และด้วยนิสัยใจคอของพี่ชายต่างสายเลือด เขารู้จักเป็นอย่างดี เพราะถูกเลี้ยงดูมาด้วยกันแต่เล็กแต่น้อย เสมือนเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน มันทำให้ณกรรู้แก่ใจว่า...ความวิบัติกำลังจะไปเยือนใครคนหนึ่ง แม้เขาไม่เต็มใจให้มันเกิดขึ้นก็ตาม แต่ก็ไม่อาจแก้ไขอะไรได้ ทุกอย่างภูมิศิลาเป็นผู้ควบคุม             ไม่ใช่เขา...             "ในเมื่อนายคิดดีแล้ว...ฉันก็ขอให้นายหาทางรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นให้ได้ด้วยนะภูมิ" เขาได้แต่กระซิบเสียงทุ้มบอกกล่าวครั้งสุดท้ายให้กับร่างใหญ่ของพี่ชายที่หันหน้าเหลือบตามอง และหยุดรถยังสถานที่เป้าหมาย ก่อนจะดึงผ้าเช็ดหน้าที่พับเป็นรูปสามเหลี่ยมซึ่งพันคอเอาไว้ขึ้นมาปิดบังใบหน้าครึ่งหนึ่ง...   "เจ้าสาวจวนได้เวลาออกไปข้างนอกแล้วนะคะ" เสียงใสเปี่ยมไปด้วยความยินดีดึงสติของหล่อนให้หันไปมอง โมรียาจิกตาเหยียดยิ้มแสยะ จนอีกฝ่ายต้องหลบสายตาคมสวย ซึ่งส่อแววไม่สมกับชุดที่สวมใส่อยู่แม้แต่น้อย             "ฉันรู้...ว่าควรทำอะไรยังไง ฉันเป็นเจ้าสาวของวันนี้นะไม่ใช่เธอ...ที่จะมาชี้นิ้วสั่งโน่นนี่ได้"             "เอ่อ...แต่คุณพ่อกับคุณแม่ของคุณมู่ลี่ใช้ให้ดิฉันเข้ามาตามค่ะ"             โทรศัพท์เครื่องหรูที่กำอยู่ในมือถูกวางกระแทกกับโต๊ะเครื่องแป้งไม่นึกเสียดาย ก่อนที่ร่างระหงในชุดเกาะอกขาวฟูฟ่องจะลุกยืนจ้องผู้มาเยือนด้วยความไม่พอใจนัก             "อยากออกไปตอนไหนฉันจะเป็นคนตัดสินใจเอง! นี่มันเพิ่งจะทุ่มนึง มาเร่งอะไรนักหนา!"             "เอ่อ!! แต่แขกมากันเยอะแล้วนะคะ พิธีการบนเวทีก็กำลังจะเริ่มแล้วด้วย คุณมู่ลี่ไม่ออกไปเลยตั้งแต่เย็น ตอนนี้ทั้งงานก็รอชมความสวยของคุณมู่ลี่อยู่นะคะ" เจ้าหน้าที่ในการจัดงานพยายามพูดชักจูงในขณะที่กำลังอยู่ในอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เนื่องจากมันเป็นหน้าที่ของหล่อนที่ถูกใช้ให้มา บรรดาผู้หลักผู้ใหญ่และเพื่อนๆ ของเจ้าสาวต้องอยู่ต้อนรับแขกเหรื่อ พนักงานคนอื่นๆ ก็เข้ามาตามหลายรอบแล้ว โมรียากลับเอาแต่ใจ ไม่ยอมที่จะออกไปร่วมพิธีท่าเดียว ทั้งที่หล่อนเป็นเจ้าสาวของงานแต่งในค่ำคืนนี้             "แค่งานหมั้นเมื่อเช้าก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว ขอพักสักนิดสักหน่อยจะเป็นไรไป แล้วเธอก็ออกไปเลยนะ ไม่ต้องเข้ามาอีก ถึงเวลาฉันก็ไปของฉันเอง!"             "แต่คุณมู่ลี่คะ..."             "หูหนวก หรือภาษาไทยเธอมีปัญหา ถึงฟังไม่รู้เรื่อง!"             "ค่ะ...ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นดิฉันจะไปเรียนท่านตามนี้นะคะ เอาเป็นว่าขอร้องให้คุณมู่ลี่ออกไปทันสักทุ่มครึ่งเถอะค่ะ ทุกอย่างจะได้ไม่ต้องวุ่นวายไปมากกว่านี้" พูดจบร่างในชุดราตรีสีครีมนั้น ก็หันหลังกลับเดินออกจากห้องแต่งตัวทันที โดยไม่รอให้โมรียาอาละวาดใส่อีก             หญิงสาวได้แต่จ้องตามหลังเขม็งด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะหันกลับมากระแทกตัวลงนั่งหน้ากระจกดังเดิม...             แม้จะมาถึงขั้นตอนสุดท้ายของพิธีการสำหรับการเริ่มต้นชีวิตคู่ แต่หล่อน...กลับบังเกิดความไม่แน่ใจ ลังเลใจ เอาเสียดื้อๆ ทำให้ไม่นึกอยากออกไปเผชิญกับความเป็นจริงว่าต่อไปนี้ หล่อนกำลังมี 'บ่วง' คล้องจูงชีวิต ไม่อาจเป็นอิสรภาพดังเช่นแต่ก่อนได้อีกแล้ว             แม้การแต่งงานนี้จะเกิดขึ้นจากความเต็มใจของหล่อนเองมาตั้งแต่แรกก็ตามที แต่ทุกอย่างก็เป็นเพราะความเห็นชอบของผู้ใหญ่ ความเหมาะสม และความผิดพลาดบางอย่าง ใช่เพราะเกิดจากความรักที่หล่อนมีให้กับเจ้าบ่าวก็หาไม่             "คุณย่าเคยสอนไว้...เกิดเป็นหญิงต้องผัวเดียวเมียเดียว เราได้เสียกับหม่อมอดิศรตั้งแต่อยู่เมืองนอก...แล้วมาแต่งงานกันมันก็ถูกต้องแล้วนี่ ยังจะคิดมากทำไมมู่ลี่ ไม่วันนี้ก็วันหน้าก็ต้องแต่งกับเขาอยู่ดี เพราะเราจะไม่ยอมมีมากชายหลายชู้อย่างเด็ดขาดอยู่แล้ว"             หล่อนถอนหายใจหนักหน่วงกับความคิดของตัวเอง...             ใช่...นั่นคือสิ่งที่คุณย่าปลูกฝังมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย และหล่อนก็ตั้งมั่นทำตามปณิธานอย่างแน่วแน่ แม้จะเหลวไหลและดื้อรั้นร้ายกาจในหลายๆ เรื่อง แต่สำหรับความเชื่อในเรื่องจารีตนั้นหล่อนไม่เคยลืม อาจจะผิดอยู่บ้างตรงที่มีความสัมพันธ์กันก่อนแต่งงาน แต่ก็เป็นเพราะหล่อนเมาจึงถูกหม่อมราชวงศ์ดิเรกศรซึ่งคบหาดูใจกันล่วงเกินในคืนหนึ่ง และนั่นก็เป็นเหตุผลหลักของการแต่งงานในครั้งนี้             เสียงเคาะประตูเรียกอารมณ์หงุดหงิดได้ดีเป็นอย่างยิ่ง หญิงสาวหมุนตัวขวับพร้อมกล่าวให้เปิดประตูเข้ามาได้เพราะคิดว่าจะเป็นผู้ดูแลงานเลี้ยงคนเดิม แต่แล้วเมื่อประตูห้องเปิดกว้างปรากฏว่าไม่ใช่อย่างที่คิด             "แกเป็นใคร! เข้ามาทำไมในห้องนี้ไม่รู้หรือไงว่านี่เขตหวงห้าม ไร้มารยาท!" โมรียาแหวใส่ไม่ยั้ง ด้วยอารมณ์ร้อนรุ่มเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ผนวกกับเห็นชายหนุ่มร่างใหญ่ในชุดบริกรตรงหน้า ก็ยิ่งทำให้รู้สึกรำคาญใจ             "ขอโทษครับคุณโมรียา...คือมีคนฝากสิ่งนี้มาให้คุณ...." ว่าแล้วมือใหญ่ก็เดินเข้ามายื่นซองสีน้ำตาลให้กับหล่อนแล้วรีบจากไปในทันที             "ใครส่งบ้าอะไรมาในเวลานี้...ประสาท" บ่นไปมือก็แกะซองและล้วงเอาอะไรบางอย่างที่บรรจุอยู่ด้านในออกมาดู แล้วดวงตากลมโตถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างดีก็เบิกโพลงกับสิ่งที่เห็น             รูปภาพเกี่ยวกับอิริยาบถของหล่อน ซึ่งไม่ใคร่จะน่าดูเท่าไหร่ในคืนก่อนหน้านี้เพียงสามวัน มันเป็นคืนปาร์ตี้สละโสด ถูกถ่ายโดยใครก็ไม่รู้ ซึ่งสัญชาตญาณมันบอกว่าไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่นอน             "ใคร! ใครทำบ้าอะไรเนี่ย" มือเรียวเล็กกำเกร็งด้วยความโกรธ เพราะแต่ละรูปที่เห็นช่างดูไม่ได้เอาเสียเลย หล่อนเมาแอ๋ไม่เป็นท่า นอนกลิ้งกลางถนน จนเพื่อนๆ ต้องหามกลับไปส่งบ้าน โมรียาล้วงเข้าไปในซองอีกครั้ง คว่ำเร่งเขย่าจนแน่ใจว่าไม่มีอะไรแล้วจริงๆ จึงโยนซองทิ้ง และหันมาพลิกรูปทีละใบด้วยความสงสัย หัวใจของหล่อนเต้นระรัว กัดริมฝีปากจนลืมไปเลยว่าอาจทำให้ลิปสติกสีหวานที่เคลือบอยู่หลุดลอก             "ถ้าไม่อยากให้รูปพวกนี้โชว์หราในหน้าจอมอนิเตอร์งานแต่งของเธอ...ก็รีบออกมาตกลงบางอย่างกันซะที่ด้านหลังของโรงแรม...ให้มาคนเดียว จำไว้!"   หล่อนอ่านโน้ตสั้นๆ ที่เขียนแปะไว้ด้านหลังของรูปใบหนึ่งแล้วความโกรธก็เท่าทวีคูณ นี่คงเหลือเวลาอีกไม่กี่นาทีเท่านั้น สำหรับพิธีการบนเวที             แน่นอนว่าต้องมีการโชว์รูปและวิดีโอต่างๆ เกี่ยวกับเธอและเจ้าบ่าว หากไอ้คนที่ขู่คิดทำอย่างว่าจริงๆ  ชีวิตการแต่งงานของหล่อนก็คงพังพินาศทั้งที่กำลังจะเริ่มต้น... นั่นไม่ได้สำคัญเท่ากับหล่อนต้องอับอายขายหน้าผู้คนไปอีกนานแสนนานแน่ๆ             "หึ! แล้วเราจะได้เห็นดีกัน บังอาจมาขู่กรรโชก รู้จักมู่ลี่น้อยไปแล้ว!" หล่อนกำรูปทั้งหมดจนมันยับยู่ยี่คามือ หันกลับไปคว้ากระเป๋าสะพายใบย่อมและเดินออกจากห้องไปหน้าตาเฉย             ทว่า...จุดหมายนั้นหาใช่ห้องจัดเลี้ยงอย่างที่เจ้าสาวควรจะเข้าไปร่วมในเวลานี้....               "ไหนล่ะอยู่ไหน..." ร่างเล็กในชุดเจ้าสาวเกาะอกสีขาวชายกระโปรงยาวจนลากพื้นเดินเต้นเร่าๆ ออกมาทางประตูด้านหลังของโรงแรม มียามเข้ามาทักเสนอให้ความช่วยเหลือ เพราะเห็นว่าหล่อนเป็นแขกคนสำคัญในค่ำคืนนี้ แต่ป่วยการ โมรียาหวีดตะคอกใส่ด้วยความรำคาญ ไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวเด็ดขาด และเดินผ่านประตูออกมาอย่างที่เห็น             สายตาคมเฉี่ยวของหล่อนกวาดมองไปรอบๆ ทางถนน ก็เห็นเพียงความมืดที่คืบคลานเข้ามาทุกทีๆ ผนวกกับสภาพอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนด้วยแล้ว ยิ่งพาให้ดูอึมครึมหนักเข้าไปอีก ถนนทอดยาวสุดลูกหูลูกตา แสงสว่างจากเสาไฟและกำแพงของโรงแรมส่องให้เห็นความเวิ้งว้างชัดเจน เนื่องจากทางด้านหลังนี้ค่อนข้างเปลี่ยว เป็นเพียงทางผ่านไปถนนใหญ่เท่านั้น             และแวดล้อมไปด้วยโรงงานอุตสาหกรรม รวมไปถึงร้านอาหารและโรงแรมมีชื่อเสียง ซึ่งจะหันหน้าไปทางถนนใหญ่ ถนนสายนี้จึงเป็นด้านหลังของทุกๆ อาคารสถานที่             "หรือจะเป็นรถคันนั้น..." หล่อนจุกรูปที่ยับเยินในมือลงกระเป๋าหยาบๆ แล้วสาวเท้าเข้าไปที่รถกระบะสี่ประตูสีดำอย่างระมัดระวัง มือก็กำกระชับสายกระเป๋าไว้แน่น             เมื่อเดินเข้าไปใกล้ก็พบว่าอีกด้านของรถตรงประตูคนขับมีใครบางคนยืนตะคุ่มอยู่จริงๆ ไม่รีรอเพราะเวลาก็จินจวนเต็มที โมรียาเดินอาจเข้าไปหาชายร่างใหญ่ที่หล่อนเห็นจากข้างหลังอย่างไม่นึกเกรงกลัว             รองเท้าแก้วประดับเพชรคู่สวยเข้ากับชุดเจ้าสาวตระการตา หยุดกึกตรงหัวรถคันนั้น ทิ้งระยะห่างจากชายนิรนามพอสมควร หล่อนฉลาดพอที่จะไม่เสี่ยงเข้าใกล้รัศมีที่อีกฝ่ายอาจทำมิดีมิร้ายได้             "แกใช่ไหมที่ส่งรูปบ้าๆ นี้มาให้ฉัน ต้องการอะไร!" หล่อนต้องการรู้ข้อแลกเปลี่ยนของอีกฝ่ายทันที แม้จะมีแผนตลบหลังอยู่ในใจแล้วก็ตาม             ชายคนนั้นกลับยืนเอนหลังพิงรถเฉย มือหนึ่งยกบุหรี่ขึ้นมาสูบโดยไม่มองหน้าหล่อนด้วยซ้ำ หญิงสาวมองเห็นเพียงครึ่งเสี้ยวหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราครึ้ม ผมรองทรงดกหนาเข้ากับการแต่งตัวแบบง่ายๆ เสื้อแขนยาวสีเทาพับแขนถึงข้อศอกกับกางเกงยีน             "ฉันไม่มีเวลาให้พวกสถุลๆ อย่างแกนานมากหรอกนะ..." มือเล็กล้วงลึกเข้าไปในกระเป๋า สายตาไม่ลดละจากร่างใหญ่เพื่อจับอาการ ก่อนจะค่อยๆ ล้วงเอาอาวุธร้ายขนาดพอเหมาะมือขึ้นมาจ่อเล็งไปยังเป้าหมายทันที             "ส่งหลักฐานทุกอย่างที่แกเอามาเบล็คเมล์ฉันซะ ไม่อย่างนั้นแกก็ตายเป็นผีเฝ้าถนนอยู่ตรงนี้แหละ" ประโยคนั้นเรียกความสนใจจากอีกฝ่ายได้จริงๆ เขาดึงบุหรี่ออกจากปากแล้วพ่นควันฟุ้งแสดงกิริยาน่าเกลียดจนโมรียาถึงกับแบะปาก 'โจร' กระจอกตรงหน้าหล่อนแม้จะมีรูปร่างสูงใหญ่ ดูผิวเผินหน้าตาก็คงพอใช้ แม้จะเต็มไปด้วยหนวดและเคราประดับครึ้มเต็มใบหน้าก็ตาม และสาบานได้หล่อนไม่เคยรู้จักมาก่อนแน่ๆ             "ดุเป็นบ้าเลยเจ้เนี่ย..."             "ใครเจ้แก! ไอ้บ้านี่!..." หญิงสาวออกลายโมโหจัดกว่าเก่า เล็งจับปืนแน่นอีกครั้งเตรียมพร้อมจะลั่นไกได้ตลอดเวลา โดยไม่ทันระวังตัว คิดไม่ถึงกับการมาของคนร้าย ว่าอาจมีแผนการอื่นนอกเหนือจากการเอารูปมาแบล็คเมลล์แลกเงิน “!!” เจ็บ...หนึบ ระบมตรงท้ายทอย นั่นคือความรู้สึกสุดท้ายก่อนที่หล่อนจะไม่หลงเหลือสติ ร่างเล็กสลบเหมือดทรุดฮวบสูญสิ้นเรี่ยวแรง แต่แล้วมือใหญ่ทรงพลังก็รั้งหล่อนเอาไว้ก่อนจะทิ้งตัวลงบนพื้นถนน             "โหดไปนะ...เอายาสลบโปะก็สิ้นเรื่อง"             "ไปขับรถ...ณกร...." เสียงห้าวทุ้มดังเล็ดลอดไรฟัน บ่งบอกถึงความขุ่นโกรธที่แฝงเร้นอยู่ภายในใจ ณกรพยักหน้าอย่างคนไม่อาจออกความเห็นอะไรได้ มาถึงขั้นนี้แล้ว ภูมิศิลาคงไม่ยอมถอยหลัง             สายตาคมปลาบกวาดมองร่างระหงในอ้อมแขนพี่ชายอีกครั้ง หล่อนสวย...สะดุดตาน่ามองไปทุกสัดส่วนจริงๆ มิน่า ภูมิศิลาถึงได้เคืองแค้นเป็นนักหนา ไม่ยอมรามืออโหสิให้ แม้อีกฝ่ายเลือกที่จะมีชีวิตเป็นของตัวเองและไม่เคยข้องแวะกลับมาสร้างความเดือดร้อนอะไรให้ก็ตามเป็นเวลานานมาแล้วก็ตาม... หากแต่จิตใจของพี่ชายเขาคงกักเก็บทั้งความแค้น และความรักเอาไว้เต็มเปี่ยมจนแยกแยะไม่ออก ว่าสิ่งใดควรให้อภัย สิ่งใดควรปล่อยวาง...

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
14.4K
bc

Passionate Love รักสุดใจนายขี้อ่อย 20+

read
31.8K
bc

เมียลับอุ้มรัก

read
78.0K
bc

หัวใจซ่อนรัก(เฮียเดย์)

read
30.1K
bc

ขังรัก

read
17.7K
bc

รอยแค้นแห่งรัก

read
52.4K
bc

My Sister น้องสาว... ที่รัก

read
6.6K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook