"คุณมู่ลี่ขา...คิดดีแล้วเหรอคะ เดี๋ยวนายภูมิเข้ามาโดนแน่ๆ บังอรโดนแน่ๆ เลย" บังอรที่คอยกั้นหน้าขวางหลังเพื่อกันสายตาจากรอบด้านไม่ให้มองนายสาว มิวายหันซ้ายแลขวาลนลาน พลางก็ช่วยโมรียาถือถาดน้ำแข็งและเครื่องดื่ม ทว่าคนฟังกลับยิ่งชอบใจ
อยากให้หล่อนเป็นเด็กเสิร์ฟคอยเสิร์ฟน้ำคนงานอย่างนั้นเหรอ...
ได้สิ...ความเป็นเด็กเสิร์ฟก็มาเต็มตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยทีเดียว แต่บรรดาคนงานระดับหัวหน้ารวมถึงผู้บริหารในบริษัทที่นั่งรอบๆ โต๊ะ กลับไม่กล้าจะเงยหน้าเงยตามองเด็กเสิร์ฟหน้าใหม่แซ่บไฟกะพริบ ซึ่งกำลังขยันชงขยันเชียร์แม้แต่นิดเดียว ด้วยต่างก็รู้ว่าเจ้าหล่อนคนนี้ เป็นผู้หญิงต้องห้ามของไร่
"สวัสดีครับคุณพิทักษ์ คุณปลัด...ไม่ทราบว่าได้รับเชิญมาเป็นเกียรติในงานนี้ด้วย ผมเลยไม่ได้ออกไปต้อนรับตั้งแต่หน้าประตูไร่ ขอโทษด้วยนะครับ" เสียงทักเรียกทุกสายตาของผู้มาเยือนให้หันไปมองพร้อมกัน
ผู้บริหารคนหนึ่งของบริษัทแปรรูปในเครือดวงหฤทัยนั่นเอง...ดูเหมือนว่าไม่ได้ตื่นเต้นกับการมาของกลุ่มอริศัตรูเลยแม้แต่น้อย แสดงว่าคงเตรียมการเตรียมตัวกันไว้อยู่แล้ว
"ไม่เป็นไรนี่ครับ บ้านใกล้เรือนเคียงกันแท้ๆ ไอ้ผมรึก็รับราชการอยู่ที่นี่หลายปี ยังไม่มีโอกาสได้เข้ามาเยี่ยมที่ไร่นี้เลย เส้นทาง...ลำบากไม่ใช่น้อยเหมือนกันนะครับ" ปลัดคิมหันต์เอ่ยไม่แยแสกับคำถากถาง
"ลำบากครับ...เพราะเราอนุรักษ์ทุกอย่างรักษาให้คงเดิมมากที่สุด ไม่อยากทำลายความเป็นธรรมชาติโดยไม่จำเป็น อีกอย่างคุณภูมิเป็นคนสมถะ ไม่ค่อยชอบวุ่นวายกับโลกภายนอกหรือคนนอกสักเท่าไหร่"
"คุณจิระภัทรพูดแบบนี้ก็เกินไปนะครับ...คนเราต้องผูกมิตรกันเอาไว้ ต่อไปเผื่อจะได้พึ่งพาอาศัยกันบ้าง"
"ครับ...ผมก็คิดแบบนั้นแหละ ถึงได้ให้เด็กๆ ปล่อยพวกคุณเข้ามาถึงที่นี่ เชิญทุกคนทางนี้ดีกว่าผมจะได้รับรองให้สมเกียรติ" จิระภัทร ชายหนุ่มผู้จัดการโรงงานแปรรูปผลไม้ ผายมือเชื้อเชิญแขกผู้มาเยือนให้เข้าไปยังโต๊ะรับรองแขกคนสำคัญ ซึ่งแม้จะไม่ได้เหมารวมถึงคนนอก หากแต่กลุ่มของนายพิทักษ์และปลัดคิมหันต์กล้าย่างเข้าคองูเห่าขนาดนี้แล้ว มีหรือพวกเขาจะไม่กล้าให้การต้อนรับ
"พ่องานไปไหนเสียล่ะครับ ตั้งแต่เข้ามา...ยังไม่เห็นหน้าเห็นตาเลย" นายพิทักษ์แสร้งถาม
"คุณภูมิติดธุระกับคนงานทั้งโน้น เดี๋ยวคงออกมาต้อนรับแน่นอนครับ" จิระภัทรไม่รีรอที่จะตอบคำถามนั้นทันที แม้จะไม่แน่ใจเรื่องการมาเยือนในตอนแรก แต่ด้วยระแวงใจอยู่แล้วว่านายพิทักษ์ต้องมาไม้ไหนสักอย่าง พวกเขาจึงเตรียมการเอาไว้สำหรับทุกๆ กรณีอยู่แล้ว
"เชิญครับ..." จิระภัทรเดินนำผู้มาเยือนมาจนถึงโต๊ะรับรอง บรรดาผู้บริหารและหัวหน้าคนงานที่นั่งดื่มกินกันอยู่เพียงสี่ห้าคน ทุกคนเงียบไปชั่วอึดใจเมื่อเห็นผู้ร่วมโต๊ะกลุ่มใหม่ บางคนทำเฉย บางคนก็ทักทายตามมารยาท บนเวทียังดำเนินการแสดงไปอย่างเข้มข้น
ด้านหน้า...เหล่าคนงานและครอบครัวต่างสนุกสนานเต็มที่ท่ามกลางแสงสีและเสียง
"ดื่มอะไรดีคะคุณผู้ชาย..." โมรียารีบแทรกตัวเข้ามาถามเมื่อเห็นแขกหน้าใหม่นั่งประจำที่ ดูคนกลุ่มนี้จะแตกต่างกับคนอื่นๆ ทั้งการแต่งตัวและการวางตัว อาจจะเป็นผู้บริหารระดับสูง หรือคนพิเศษที่ทางไร่เชิญมา ด้วยหล่อนแอบสังเกตทุกๆ อย่างรอบตัวตลอดเวลาอยู่แล้ว เพื่อจะหาทางหนีไปจากที่นี่ให้ได้
สมาชิกในงานเลี้ยงนี้ทั้งหมดเป็นคนของภูมิศิลาโดยไม่ต้องสงสัย เธอถูกจับตามองทุกฝีก้าว จากทุกสายตาแม้จะไม่แสดงออกอย่างชัดเจน แถมยังมีบังอรคอยติดตามเหมือนเงา จะปลีกตัวไปลอบหายใจยังไม่มีโอกาสเลย ใจคาดคั้นวางแผนอยากจะให้ใครสักคนที่เป็นคนนอกเข้ามาเยือนที่นี่ เพื่อเธอจะได้หาวิธีติดรถออกไปด้านนอก
แม้จะดูยากเย็นเหลือเกินก็ตาม แต่หญิงสาวก็ยังไม่ละความพยายาม บางทีพนักงานบริษัทเหล่านี้ซึ่งมาจากภายนอก อาจเป็นประโยชน์กับหล่อนได้บ้าง ไม่มาก...ก็น้อย
"หืม...เด็กเสิร์ฟของไร่ดวงหฤทัยนี่งามแท้ๆ ไม่ทราบคุณภูมิไปเชิญตัวมาจากไหนกันนะ ผม...จะได้เชิญไปร่วมงานกับผมบ้างเวลามีเทศกาลสำคัญ" ปลัดคิมหันต์สายตากรุ้มกริ่ม รับเครื่องดื่มผสมเหล้ามาจิบเบาๆ ก่อนวางลงบนโต๊ะในขณะที่สายตายังไม่ละเลยจากร่างแบบบางระหง
"เอ่อ...คุณมู่ลี่ครับ ไปพักผ่อนก่อนดีกว่า คุณคงเหนื่อยแล้ว" จิระภัทรซึ่งถูกกำชับให้ดูแล 'ผู้หญิงของนาย' เอ่ยปากแทรกขึ้นมาเมื่อเห็นท่าไม่ดี แค่เห็นการแต่งตัวอันสุดแซ่บของโมรียาเขาก็ยังหาคำตอบให้ภูมิศิลาไม่ได้เลยหากเขากลับมาจากทำธุระแล้วได้เห็น จะบอกว่าอย่างไรดี
"ไม่ล่ะ สนุกดีฉันชอบ...อยากได้ทิปเยอะๆ" หล่อนยั่ว เดินอ้อมจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง ทำหน้าที่สาวเสิร์ฟด้วยความขยันขันแข็ง ไม่ลืมส่งสายตาแพรวพราวพร้อมท่าทางเชื้อเชิญอ่อยอ้อน นอกจากความสะใจเล็กๆ น้อยๆ แล้วหล่อนอยากให้ภูมิศิลาได้อับอายบ้าง เขาเป็นใหญ่ที่นี่ มีคนนับหน้าถือตามากมาย และอย่างน้อยหล่อนก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงที่เขาพามา หลายคนก็จินตนาการไปต่างๆ นานาว่าหล่อนกับเขานั้นร่วมหอลงโรงกันแล้วด้วยซ้ำ
จะเป็นอย่างไร...หากผู้หญิงของนายทำตัวเหมือนโสเภณีก้นซ่อง
"นั่นสิครับ..."
"อุ้ย!" ร่างถูกรั้งรัดสะเอวคอดแล้วดึงให้หล่อนเสียการทรงตัวลงไปนั่งบนที่พักแขนของเก้าอี้หวาย มือใหญ่ยังคงไม่ปล่อยจากหน้าท้องแบนราบ แถมยังฉวยโอกาสลูบไปตามส่วนโค้งส่วนเว้าจนหญิงสาวรีบสะบัดตัวแล้วลุกออกห่างโดยไว หล่อนก็ไม่ได้คิดเอาไว้ว่าจะมีผู้ชายกักขฬะเช่นนี้มาร่วมงานด้วย เพราะทุกคนจะรู้ว่าหล่อนเป็นใคร ที่ผ่านมาไม่มีคนไหนกล้าทำรุ่มร่ามแม้แต่จะใช้สายตาด้วยซ้ำ
"อ้าว...อยากได้ทิปเยอะๆ ไม่ใช่เหรอหนู มาบริการคุณปลัดท่านสิ คนนี้ทิปหนักนะ ทิปทีนึง...รับรองว่าถึงใจ" นายพิทักษ์หัวเราะร่วน
ปลัดคิมหันต์นั้นมีสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อถูกขัดใจ ส่วนโมรียาก็ถูกบังอรดึงตัวออกห่าง ทั้งที่สายตาหล่อนยังจ้องเขม็งอยู่ที่คนมักง่ายฉวยโอกาส
"เธอกลับไปได้แล้วมู่ลี่!!" เสียงทุ้มยุติทุกอิริยาบถบนโต๊ะ ร่างใหญ่ของภูมิศิลาในชุดกางเกงยีนเสื้อยืดแขนยาวสีเทาเรียบๆ ก็เดินกระแทกเท้าเข้ามาแล้วดึงแขนหญิงสาวเข้าหาประชิดตัว กัดฟันกรอดกระซิบกระซาบแนบกกหูขาว
"อย่ามาทำสำส่อนที่นี่ให้ฉันต้องอายคน กลับไปได้แล้ว"
"หึ...ก็คุณเองเป็นคนอยากให้ฉันมาเป็นเด็กเสิร์ฟคอยให้บริการคนงานของคุณไม่ใช่เหรอ" หล่อนสะบัดแขนและหันไปตอบโต้ทันควัน ภูมิศิลาเหลือบตาสำรวจเรือนกายที่สวมอาภรณ์น้อยชิ้นล่อแหลมจากการนำผ้าถุงมาประยุกต์ของหล่อนแล้วให้รู้สึกร้อนรุ่มจนหูอื้อตาลายไปหมด
ทั้งเรือนร่าง...แทบไม่มีอะไรส่วนไหนที่ผู้ชายมองแล้วจะนำไปจินตนาการปะติดปะต่อถึงทรวดทรงของหล่อนไม่ได้เลย
"บังอรพาแม่นี่ไปหาเสื้อผ้าใส่ให้ใหม่ที สารรูปดูไม่ได้!" เขาตะคอกใส่แล้วเดินผ่านหน้าหล่อนไปเฉย
"สวัสดีครับคุณพิทักษ์ คุณปลัด...ไม่คิดว่าจะมาเยือนถึงที่นี่ในคืนสำคัญของเรา เป็นเกียติจริงๆ" ภูมิศิลาเข้าไปใกล้ที่นั่งของผู้มาเยือน สองมือสวมสอดในกระเป๋ากางเกงแล้วเอ่ยทักทาย ริมฝีปากเหยียดยิ้มขัดกับวาจาที่เอ่ยด้วยความปีติปรีดา
"เป็นธรรมดา...ผมก็มีไร่อยู่แถบนี้ คุณปลัดก็รับราชการอยู่ที่นี่ คนกันเองทั้งนั้นนะครับ ว่าแต่...นานมากแล้วไม่ได้เจอนายใหญ่ของไร่ดวงหฤทัย ดูคุณเปลี่ยนไปมากเลยนะครับ"
"ครับ...เชิญครับเชิญ ดื่มกินให้เต็มที่ ไร่ผมอุดมสมบูรณ์ถึงแม้จะไม่ได้เชิญพวกคุณมา แต่ของเหลือเยอะแยะไม่ขัดสนอยู่แล้วครับ"
"ไอ้!!" นายพิทักษ์ถึงกับสติแตกลุกพรวดเมื่อได้ยินคำถากถางนั้น แต่ถูกปลัดคิมหันต์ดึงแขนให้ระงับอารมณ์เสียก่อน เขาจึงแค่นยิ้มและหย่อนตัวลงนั่งอีกครั้ง ทุกอย่าง...อยู่ในสายตาและการรับรู้ของโมรียาที่ทั้งคอยสังเกตรวมถึงรับฟังรวบรวมข้อมูลทุกอย่างไว้ละเอียดยิบ ก่อนที่จะถูกบังอรจะลากตัวออกไปจากบริเวณนั้น
"ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ ยังไม่เสร็จธุระ..." ภูมิศิลากล่าวอย่างไม่คิดไว้หน้าผู้มาเยือน แม้อีกคนจะเป็นถึงปลัดจังหวัด และอีกคนเป็นผู้ทรงอิทธิพลครอบคลุมกว้างขวาง
"จะไม่นั่งดื่มกันหน่อยเหรอครับ ผมก็มีเรื่องอยากจะคุยกับคุณภูมิอยู่เหมือนกันถึงได้ดั้นด้นเข้ามาถึงในป่าดงพงไพรนี่น่ะ"
"ถ้าอย่างนั้นก็ต้องนัดล่วงหน้าครับ เรื่องนี้เดี๋ยวคุณจีระภัทรจะเป็นคนจัดการให้พวกคุณเอง"
"เดี๋ยว! มันไม่มากไปหน่อยเหรอคุณ ผู้หลักผู้ใหญ่มาถึงที่ แต่คุณ...กลับทำตัวไร้มารยาทแบบนี้ได้ยังไงกัน" นายพิทักษ์ยังไม่ยอมลดราวาศอก
"ผมให้เกียรติทุกคนอย่างเสมอภาคอยู่แล้วครับ และตอนนี้คนงานของผมก็กำลังประสบปัญหาบางอย่างเกี่ยวกับการจัดงานคืนนี้ ผมก็ต้องให้เกียรติเขาคอยควบคุมดูแลให้คำปรึกษาเช่นกัน..." ภูมิศิลากล่าวเพียงแค่นั้นแล้วก็ปลีกตัวจากไป ไม่สะทกสะท้านต่อท่าทีไม่พอใจของผู้ทรงอิทธิพลทั้งสอง ร่างใหญ่ของปลัดคิมหันต์พลันลุกพรวดพร้อมแก้วเหล้าในมือที่ขว้างออกไปตามอารมณ์
ปัก!! เพล้ง! เสียงแก้วถูกปาโดนเข้ากลางหลังภูมิศิลาเต็มๆ ก่อนจะร่วงลงพื้นแล้วแตกกระจายท่ามกลางความตกใจของทุกคน ลูกน้องของแต่ละฝ่ายก็เริ่มตั้งตัวเตรียมพร้อมปกป้องเจ้านายตัวเอง
"หึ...กะอีแค่ชาวสวนชาวไร่กระจอกๆ กล้าหยามหน้ากูแบบนี้เลยเหรอวะ!!" ปลัดคิมหันต์ตวาดใส่ภูมิศิลาที่กำลังค่อยๆ หันหน้ากลับมา แล้วโบกมือบรรดาคนงานที่กำลังกรูล้อมวงกันเข้ามา
"นาย..." ทุกคนหยุดทำตามคำสั่งแต่ยังวางท่าเตรียมพร้อมคอยระแวดระวัง รวมถึงคนติดตามของนายพิทักษ์ด้วยก็ใช่ว่าจะยอม ต่างฝ่ายต่างก็รอเพียงคำสั่งจากผู้เป็นนายเท่านั้น
ภูมิศิลาหันหน้ากลับมาแลบลิ้นเลียริมฝีปากไปพลางเดินหน้าเข้ามาพลาง สายตามองหน้าปลัดหนุ่มไม่ลดละ แสยะยิ้ม สลัดต้นคอผ่อนคลายเล็กน้อย
"แล้วมึงจะทำไม!!" หมัดลุ่นๆ เหวี่ยงตรงเข้าที่เบ้าหน้าของปลัดคิมหันต์เต็มแรง ใบหน้าหันไปตามแรงชก ร่างใหญ่เซเกือบล้มคว่ำ ถึงขนาดลูกน้องต้องเข้ามาประคองเอาไว้
"ไม่ว่ามึงจะเป็นใคร...ใหญ่มากจากไหน แต่มึงต้องรู้ว่าที่นี่...ถิ่นกู กูไม่ขึ้นกับใคร ทำไมกูจะไม่รู้จุดประสงค์ของมึงสองคนว่ามาทำห่าอะไรกัน!!"
"มึง!" ปลัดคิมหันต์ชี้หน้าจ้องเจ้าของพื้นที่เขม็ง ดวงตาแดงก่ำเดือดดาลด้วยความแค้นใจและอับอาย ครั้นจะเข้าไปเอาคืนตัวเองเสียเปรียบกว่า ลูกน้องของภูมิศิลาต่างห้อมล้อมเข้ามามากขึ้นทุกทีเมื่อเหตุการณ์แพร่สะพัดออกไปด้วยความรวดเร็ว
"ใช่ถิ่นมึง...มึงถึงเล่นหมาหมู่กับพวกกูแบบนี้ ไอ้หน้าตัวเมีย!"
"ได้...ถ้ามึงคิดว่ามึงแน่นัก มึงกับกูมาดวลกัน ตัว...ต่อตัว" ภูมิศิลาเอ่ยคำท้าทันทีเมื่อถูกดูหมิ่น แค่บุกมาถึงที่ มันก็สร้างความไม่พอใจให้เขาอยู่มากโขแล้ว ไหนจะตอนที่ลวนลามโมรียาอีก สุดท้ายถึงขั้นทำร้ายเขาต่อหน้าคนทั้งงานเลี้ยง แบบนี้แล้วจะปล่อยไป...เขาเองก็คงไม่มีหน้าควบคุมดูแลคนอื่นๆ ได้อีก
"ดี! งั้นก็มาต่อรองกันหน่อยดีไหม ถ้ามึงแพ้...มึงต้องกราบตีนกูต่อหน้าทุกคน! และยกน้องผู้หญิงคนเมื่อกี้ให้กับกู ตกลงไหม" ปลัดคิมหันต์หันลุกยืนเต็มความสูง ใช้หลังมือปาดเลือดที่ไหลกบมุมปาก ความรู้สึกเจ็บชายังร้าวลึกปวดหนึบ ยังความแค้นใจเท่าทวีคูณ
"แล้วถ้ามึงแพ้ล่ะ..." ภูมิศิลากัดฟันกรอดกับข้อเสนอทั้งสองข้อแต่เขาไม่มีทางเลือก
"มึงจะเอายังไงก็ว่ามา"
"กูขอข้อเดียว...ให้มึงคลานมากราบขอโทษกู แล้วสาบานว่าต่อไปนี้จะไม่มายุ่งเกี่ยวกับพวกกูอีก ไม่ว่า...จะเพราะเรื่องส่วนตัวหรือเพราะมีคนอื่นมาชักจูงก็ตาม" ประโยคสุดท้ายสายตาของชายหนุ่มแลเหลือบไปยังนายพิทักษ์ที่ยืนกำหมัดแน่นด้วยอารมณ์ไม่คงที่เช่นกัน
"...ได้...มึงเตรียมตัวเตรียมมือไว้กราบตีนก็ได้เลยไอ้ภูมิ แล้วอย่าลืมเตรียมใจไว้รอดูคลิปเด็ดระหว่างกูกับน้องหนูคนสวยของมึงด้วย กูจะจัดให้เด็ดทุกท่าจนลืมเงามึงไปเลย ไอ้สวะ!!"