ตอนที่ 10ครั้งแรกที่เกี่ยวข้าว

3399 Words
บทที่10ครั้งแรกที่เกี่ยวข้าว ทางด้านแก้มใสตอนนี้อยู่ที่บ้านแล้ว ลุงทิดกับพี่ปินกลับเพิ่งกลับไปเมื่อกี้ ก่อนไปหญิงสาวเอาค่ารถให้เหมือนเดิม แต่พวกเขาบอกไม่รับ เธอกับพ่อได้แต่ขอบคุณและตั้งใจจะไปช่วยเกี่ยวข้าวแทน ส่วนปลาที่อยู่ในถัง มีเน่าไปบางส่วน หญิงสาวเอาปลาที่รอดมาล้างทำความสะอาด จากนั้นนำพริกแห้งกระเทียม ขมิ้น เกลือ ตะไคร้ ข่า มาตำรวมกัน นำมาคลุกกับปลา ปูและเขียดตัวเล็ก พักไว้ ส่วนปลาช่อนจะรมควันทำเป็นปลาแห้ง จากนั้นก่อไฟเพื่อที่จะหุงข้าว แล้วรีบไปอาบน้ำ ส่วนพ่อก้างออกไปดูสวนผักข้างบ้าน เอาสายยางมารดน้ำผักชีต้นหอมที่ปลูกกิน ที่เหลือเป็นมันและเผือกที่ไม่ต้องใช้น้ำเยอะ เพื่อเอาไว้กินในหน้าแล้ง “แก้ม แก้มใส อ้าวพ่อก้างกลับมาแล้วเหรอ เป็นอย่างไรบ้าง” ยายสี ที่อยู่ข้างบ้านตะโกนผ่านรั้วเมื่อเห็นว่าควันไฟลอยออกมาจากห้องครัว ที่ปากนางมีกล้องยาสูบคาบอยู่ “สวัสดียายสี ฉันแค่ท้องเสีย แก้มหุงข้าวอยู่ มีอะไรหรือเปล่าครับ” นายก้างเห็นยายสีชะโงกหน้าเข้ามามองหาลูกสาว “พอดี ยาที่ฉันกินใกล้จะหมดแล้ว จะให้มันช่วยดูหน่อยว่าใกล้จะถึงวันหมอนัดหรือยัง” ระหว่างนั้นเธออาบน้ำเสร็จออกมาดูว่าพ่อคุยกับใคร ที่แท้เป็นยายสี แล้วนั่งยายยังสูบยาอีกแล้วหรือ “สวัสดียายสี มีอะไรให้ฉันช่วยจ๊ะ” หญิงชรายื่นถุงพลาสติกให้ “นี่ใบนัดที่หมอเขียนให้ ว่าแต่จะต้องไปวันไหน ยาที่กินใกล้จะหมดแล้ว” เธอรับมาเปิดอ่านดู “วันมะรืนนี้จ้ะ แล้วยายยังไม่เลิกสูบยาอีกหรือ” เพราะยาที่หมอให้เป็นยารักษาหอบหืด “ยายสูบวันละครั้งไม่ได้หรือ” แก้มใสไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ยายสี ถ้ายายยังสูบยา ยายไปหาหมอก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะจ๊ะ” ยายสีอยู่กับลูกชายและลูกสะใภ้ ทั้งสองคนไปทำงานในเมือง แล้วเอาลูกชายอายุ 10 ขวบมาอยู่กับยายสีและเรียนที่หมู่บ้านนี้ “ยายพยายามเลิกแล้ว แค่มันเลิกไม่ได้นะสิ” ที่หมู่บ้านนี้คนเฒ่าคนแก่ส่วนมากจะมีกล้องยาสูบติดตัว โชคดีที่พ่อก้างไม่สูบยา เธอหายห่วง “ยายสีนึกถึงไอ่สายฟ้าสิ ถ้ายายเป็นอะไร ใครจะอยู่กับมัน พ่อแม่เขาก็อยู่โรงงาน “มันก็จริงของแก้ม ยายจะลองเลิกอีกครั้ง หมอนัดมะรืนนี้ใช่ไหม” เธอคืนบัตรให้ยายสี “ใช่แล้ว ยายบอกล่วงหน้าเจ้าของรถด้วยว่าจะติดรถไปด้วย” เพราะในหมู่บ้านมีรถหลายคัน ชาวบ้านเข้าออก ลงไปทำธุระเป็นประจำ แก้มใสไปตัดเอาใบขมิ้นมาห่อแอ็บปลาที่หมักไว้ แล้วนำไปย่างบนตะแกรง นำปลาช่อนมาเสียบไม้ไผ่แล้วนำไปวางไว้ข้างบน จากนั้นนำหม้อมาต้มน้ำ ทำข้าวต้มให้พ่อ หมอบอกว่าช่วงนี้พ่อต้องกินอาหารอ่อนๆ “พ่อ พ่อเคยสูบยาหรือเปล่า” นายก้างอาบน้ำแล้วมานั่งผิงไฟดูลูกสาวย่างแอ็บปลาและรมควันปลา “ถามทำไมลูก” นายก้างมองหน้าลูกสาว “คนเรานี่นา ก็รู้อยู่ว่ายาสูบมันไม่มีประโยชน์ แต่ทำไมถึงชอบสูบกันนักหนา” นายก้างรู้ว่าลูกสาวไม่ชอบกลิ่นยาสูบเหมือนภรรยาที่จากเขาไปแล้วแล้ว “สมัยวัยรุ่นพ่อสูบยาเส้นที่นำมามวนด้วยใบตองแห้ง ใบตองอ่องและใบบัว บางคนที่มีเงินก็ซื้อกล้องยาสูบ ที่พ่อเลิกก็ตอนที่ได้แต่งานกับแม่ของลูกนี่แหละ ถ้าพ่อไม่เลิก แม่ก็จะไม่แต่งงานกับพ่อ” เขาเล่าถึงความหลังให้ลูกสาวฟัง “แก้มรู้ว่าพ่อรักแม่มาก” ทั้งคู่เงียบ “ที่พวกเราชาวบ้านชอบสูบยากัน สมัยนั้นยาแผนปัจจุบันยังมาไม่ถึง ชาวบ้านหลายคนสูบยาเชื่อว่ารักษาโรค อีกอย่างมันช่วยผ่อนคลายจากการตรากตรำทำงานหนักมาทั้งวัน มันทำให้รู้สึกเบาสบายใจขณะที่สูบ” นายก้างอธิบายให้ลูกสาว โดยอาศัยประสบการณ์ของตัวเขาเอง แล้วคิดถึงความหลัง พอยุคของลูกสาว คนหนุ่มสาวน้อยคนที่จะสูบยา เหลือแต่คนเฒ่าคนแก่ “พี่ปราบ แล้วชาวบ้านที่มาช่วยพี่เกี่ยวข้าว เราต้องเลี้ยงพวกเขาหรือเปล่าคะ” วันนี้ปราบตื่นแต่เช้าเพื่อพาภรรยาไปวิ่งแล้วกลับมาทำกับข้าวด้วยกัน “ไม่ต้องครับ พวกเขาจะห่อมาเอง เราเตรียมแค่น้ำดื่ม พี่จะรีบไปรีบกลับ” หลังจากที่กินข้าวแล้ว เขาใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าไม่ติดกระดุม ข้างในเป็นเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์ดำสีซีด รองเท้าบูทสีเขียว กับหมวกสานจากไม้ไผ่ แล้วยืนอ้าแขนให้เธอเข้ามากอด “ค่ะ น้องจะรอพี่ที่นี่ อื้ออ” เขากดจมูกลงบนแก้มเมีย พร้อมสูดดมกลิ่นหอมจากแป้งเด็กกระป๋องที่เมียใช้ แล้วไปรับคนงาน หญิงสาวยืนสามีจนลับสายตา นึกถึงวันที่ลงไปทำธุระกลับมาตอนเช้าเขาพาไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ แล้ววันนี้ก็เป็นวันเกี่ยวข้าวของครอบครัว… “อีกไม่นานแม่และทุกคนน่าจะมา” ปลายฟ้าตื่นเต้นที่นะได้เกี่ยวข้าวครั้งแรกในชีวิต สองมือพับผ้าใส่ตะกร้า คิดว่าผ้าพวกนี้จะยกให้เพื่อนสาวแล้วค่อยๆ หาซื้อเสื้อสีที่ถูกใจ ระหว่างนั้นก็นึกถึงวันที่ไปพบหมอ คุณหมอเรียก มาคุยส่วนตัว สีหน้าคุณหมอตกใจมากกว่า ที่เห็นว่าในคอมพิวเตอร์มีประวัติเป็นโรคมะเร็งกระเพาะ แต่กลับมารอบนี้ผลแลปทุกอย่างดีหมด แล้วหมอบอกว่าเธอมีสุขภาพดีทุกอย่าง ของคนพี่ก็เช่นกัน วันนั้นก็ได้รู้ว่าสามีเป็นถึงอาจารย์ที่ปรึกษาของมหาวิทยาลัยเกษตรแห่งหนึ่ง ส่วนเสื้อที่ร้านพี่หวานได้มาแค่ 3 ชุด ที่เหลือพี่หวานบอกว่าถ้าจะเอาเสื้อลง จะไลน์บอก “สวัสดีจ้ะยาย แม่แก้ว พ่อทิด” หลังจากที่สามีเธอไปไม่ถึง 15 นาที พ่อทิด แม่แก้ว ยายหอมแต่งตัวพร้อมเกี่ยวข้าว เดินมาตามคันนา พี่ปินคงไปรับชาวบ้านกับพี่ปราบ “ไหว้พระเถอะลูก” เมื่อพวกเขามาถึงก็เก็บอาหารที่จะเอาไว้กินตอนเที่ยงมาไว้บนแคร่ ไม่นานลุงกบ ป้าสร้อยเดินขึ้นมา ตามมาด้วยแก้มใสและลุงก้าง เธอทักทายทุกคน แต่ละคนเตรียมพร้อมมาก มีหมวก ถุงมือ รองเท้าบูทและเคียวเกี่ยวข้าวติดตัว เวลานี้ทุกคนต่างไปหามุมของตัวเองว่าจะเกี่ยวตรงไหน หญิงสาวเลือกเดินเข้าไปหายายหอมด้วยความเป็นห่วง “ยายจ๋า ความจริงยายไม่ต้องมาก็ได้” แม่แก้วที่กำลังจะลงมา “ปล่อยให้มาเถอะลูก อยู่แต่ในบ้านมันน่าเบื่อ ใช่ไหมยายหอม” กลายเป็นว่าแม่แก้วให้ท้ายยายหอมนี่เอง “งั้นถ้ายายไม่ไหว ก็กลับมานั่งพักนะจ๊ะ” ยายหอมยิ้มให้หลานสาว ที่นับวันดูมีเนื้อมีนวลสวยขึ้นทุกวัน ทำให้หญิงชราคิดถึงลูกสาวและลูกเขย ที่ไม่มีโอกาสได้เห็นลูกสาวที่เป็นฝั่งเป็นฝา “ยายรู้แล้วลูก หนูจะเกี่ยวหรือจะมัดข้าว” ฉันยิ้มอ่อน ๆไปให้ยาย “ปลายมีเรื่องจะคุยกับแก้มด้วย ขอไปมัดให้แก้มจ้ะ” ฉันเกี่ยวข้าวเป็นที่ไหน เห็นแต่ละคนเกี่ยวข้าวแล้วดูง่ายมากเลย แล้วแก้มใสอยู่ริมซ้ายสุด ส่วนคนอื่น ๆ เรียงหน้ากระดาษเกี่ยวข้าว เว้นระยะคนละ 2 วาได้ “แก้ม นาของเธอจะเกี่ยวเมื่อไรเหรอ” ฉันไปยืนข้างเพื่อนแล้วสังเกตว่าเพื่อนถือเคียวด้วยมือขวา มือซ้ายกำกอข้าวใช้เคียวกระหวัดกอข้าวทีละกอ จากนั้นออกแรงดึงเคียวให้คม เคียวตัดลำต้นข้าวให้ขาดออกมา แล้วค่อยๆยกขึ้นมา จากนั้นรวบรวมใบข้าวดึงออกมามัดกอให้แน่นสัก 2 รอบแล้ววางเรียงกัน ถ้าไม่มีถุงมือ ใบข้าวคงบาดมือไปแล้ว เกวลินสังเกตว่าเพื่อนสาวกะความยาวของต้นข้าวจากรวงข้าวประมาณหนึ่ง เพื่อที่จะนำไปมัดข้าวตอนฟาดข้าวหรือตีข้าวนั่นเอง “คงอีก 3 วันจ้ะ ปลายจ้องฉันแบบนี้ มีอะไรหรือเปล่า” แก้มใสรู้สึกว่าเพื่อนสาวจะตั้งใจดูเธอเกี่ยวข้าวมากเกินไปแล้ว “ก็เธอเกี่ยวข้าวเก่งมากนะสิ” เกวในร่างปลายฟ้ารีบพูดตามที่คิด “โธ่ เอ้ย นึกว่าอะไร ตอนนั้นฉัน เธอและปันปัน แข่งกันเกี่ยวข้าว ใครแพ้เลี้ยงขนม เธอจำได้ไหม” เกวยิ้ม “อื้อ” ความจริงเธอจำอะไรไม่ได้สักอย่าง “เธอได้เลี้ยงฉันและปันปัน” จากนั้นแก้มก้มตัวลงเกี่ยวข้าวต่อ เกวลินลองทำดูในใจมีแต่ความตื่นเต้น แต่พอมือแตะต้นข้าวเท่านั้นแหละ ร่างกายเหมือนจะปรับตัวเกี่ยวข้าวได้เหมือนแก้มใส หญิงสาวอึ้งมากจากนั้นเริ่มสนุกกับการเกี่ยวข้าว “ปลาย วันก่อนพี่ปราบพาไปปล่อยน้ำ เธอได้ไปวางลอบหรือเปล่า” อยู่ๆแก้มใส่พูดขึ้นมา “วางสิจ้ะ ตอนเช้าพี่ปราบพาฉันไปเก็บด้วย ได้ปู ปลา หอย เยอะเลย” วันที่พี่ปราบบอกว่าต้องไปปล่อยน้ำในที่นาของยายหอม เธอไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ก่อนไปพี่ปราบลงไปเอาลอบที่กระท่อมป้าสร้อย แล้วเธอก็ได้รู้วิธีวางกับดักของชาวบ้านที่นี่ “ฉันดีใจมากเลยที่เห็นปลายมีความสุข แล้วฉันจะได้อุ้มหลานเมื่อไร” “พี่ปราบบอกว่าไม่ต้องคาดหวัง ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ความจริงฉันกับพี่ปราบไปหาหมอมาแล้วนะแก้ม หมอว่าพวกเราสุขภาพดีกันทั้งคู่” “อือ ฉันคงจะได้ฟังข่าวดีไม่ช้านี้แน่ๆ ว่าแต่ปลายไม่ปวดท้องแล้วใช่ไหม” ที่ผ่านมาเธอรู้ว่าเพื่อนเธอปวดท้องบ่อยๆ “ไม่ปวดแล้วจ้ะ” ระหว่างนั้นพี่ปราบและพี่ปินพาชาวบ้านมาประมาณ 40 กว่าคน “ถ้าคนมาเยอะแบบนี้ ไม่เกิน 2 วันน่าจะเสร็จแล้วนะปลาย” ฉันเงยหน้าขึ้นมองไปที่ทุ่งนาที่กว้างใหญ่แล้วคิดว่าแค่ 2 สองวันเองเหรอ ปราบเดินไปทักทายพ่อแม่ ยายหอม ลุงก้าง ลุงกบและป้าสร้อยแล้วมาหาเมียที่เกี่ยวข้าวใกล้กับเพื่อนสาว “สวัสดีพี่ปราบ” แก้มใสเงยหน้ามองพี่ปราบที่เดินเข้ามาหาเพื่อนเธอ “สวัสดีแก้ม” แล้วเขาหันไปทางเมีย “ให้พี่เกี่ยวข้าวนะครับ น้องปลายจะได้ยืนมัดให้พี่” ฉันยังไม่ทันพูดอะไร พี่ปราบมาจับมือไว้ เพื่อเอาเคียวมาถือแทน “ก็ได้ค่ะ” ทางด้านปิน “แม่ พ่อ เคียวของผมไม่ได้เอามาให้เหรอครับ” เมื่อเช้าเขาวางไว้ใต้ถุนบ้าน แล้วบอกพ่อว่าให้เอาไปเผื่อเขา “พ่อลืมนะลูก” แม่มัดข้าวให้พ่อ ลุงกบให้ป้าสร้อยมัดให้ ลุงก้าง มียายหอมมัดให้ แล้วเขาต้องกลับไปเอาเคียวที่บ้านอย่างงั้นหรือ เมื่อตัดสินใจได้แล้วหันหลังจะเดินกลับไปที่บ้าน แต่ “นั่นลูกจะไปไหนตาปิน เสียเวลา” เสียงแม่ดังขึ้น “ผมจะกลับไปเอาเคียวของผมครับ” แม่แก้วยิ้มด้วยความอยากแกล้งลูกชาย “หนูแก้ม เอาเคียวให้พี่เขาหน่อยลูก สายแล้วตาปินจะกลับไปอีกทำไม โน้น ไปหาหนูแก้มให้มัดข้าวให้ลูก” เขาทำหน้าเหมือนจะพูดว่าแม่นะแม่ ได้แต่ส่งสายตาไปให้แม่ด้วยความไม่พอใจ แต่ก็เดินไปหาแก้มใส “ตามใจพี่ปินจ้ะ แต่เคียวของแก้มไม่คมเท่าไร แล้วมันเก่ามากด้วยจ้ะป้าแก้ว” เคียวอันนี้พ่อจ้างช่างตีเหล็กให้เธอเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เธอเก็บรักษาไว้อย่างดี แต่ทนทานและเบามือมาก “เคียวมันก็เหมือนกันทั่วไปนั้นแหละแก้ม” ปินเดินมาใกล้ ยื่นมือขอเคี่ยว “ไม่เหมือนสักหน่อย แล้วทุกคนไม่ได้มองอย่างพี่ด้วย” เธอไม่ให้แล้วก้มหน้าเกี่ยวข้าวต่อ “ไหนดูหน่อยสิ ฉันอยากรู้ว่าเคียวเธอมันไม่เหมือนคนอื่นยังไง” เขามาใกล้ จนหญิงสาวต้องถอยห่างและยอมเอาเคียวให้ชายหนุ่ม “พี่ปินห้ามทำพังรู้ไหม” สุดท้ายก็ยื่นให้ชายหนุ่ม “กะแค่เคียวเล่มเดียว ยัยบื้อเอ้ยย” เขาพูดในใจ แต่สายตานั้น แก้มใสดูออกว่าเขาด่า แต่หญิงสาวไม่ได้สนใจ ในใจต้องขอบคุณป้าแก้วมากกว่า ปีที่ผ่านๆมา หญิงสาวไม่เคยได้มัดข้าวให้พี่ปินเลย แม้จะดีใจแค่ไหน แต่ต้องเก็บอาการไว้ ไม่มีใครรู้ว่าแก้มใสชอบชายหนุ่มตรงหน้า นอกจากพ่อของเธอ ทางด้านเพื่อนรักพวกเขากำลังกระหนุงกระหนิงกัน ฉะรเห็นแล้วก็ดีใจ เห็นทีเย็นนี้ต้องโทรไปเล่าให้ปันปันฟังแล้ว ข้าวที่เกี่ยวไว้ก็เสร็จภายใน 2 วัน แล้ววันต่อมาฉันได้ไปช่วยแก้มใสเกี่ยวข้าว ต่อด้วยนาของยาย ใน 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา ฉันไปเกี่ยวข้าวกับสามีทุกวัน แล้วก็มาถึงวันที่ตีข้าวหรือฟาดข้าว ฉันได้เรียนรู้การทำนาได้รวดเร็ว อาจเป็นเพราะร่างนี้มีทักษะก่อนหน้านั้นแล้ว ยิ่งประทับใจแล้วชอบชีวิตแบนนี้เหลือกัน ที่ผ่านมาฉันต้องทำงานแข่งกับเวลาและมีชีวิตอยู่กับการคำนวณแคลอรี่ในแต่ละวัน ไม่มีโอกาสสูดดมอาการบริสุทธิ์แบบนี้มาก่อน แล้ววันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของการฟาดข้าว พี่ปราบพี่ปินเอาข้าวไปไว้ที่ยุ้งข้าว ควาย 5-6 ถูกปล่อยออกมาเดินเล่นในนา โชคดีที่แถวนี้ไม่มีนาคนอื่น เลยไม่ต้องกลัวว่ามันจะไปกินข้าวที่ยังไม่ได้ฟาด แก้มใสบอกว่าอีกไม่นานจะชวนฉันมาหาแมงกุดจี่หรือแมงขี้ควายที่นี่ ฉันเคยได้ยินแต่ไม่เคยได้กิน ได้แต่รับปากเพื่อนสาวไว้ นี่เลยเวลาไปมากแล้ว คนพี่ยังไม่กลับมา วันนี้ฟาดข้าวแล้วนำข้าวเปลือกกลับไปไว้ที่ยุ้งฉาง เสร็จทันเวลาเลิกงาน 17.00 น. พี่ปราบและพี่ปินไปส่งคนงาน ส่วนยายหอมกลับไปตั้งแต่เที่ยงวันแล้ว เวลานี้ฉันรอกินข้าวพร้อมกับพี่เขา พี่ปราบเป็นคนบอกเองว่าจะไปไม่นาน โทรศัพท์ก็ไม่ได้เอาไป ฉันรอเขาจนค่ำ เวลานี้พระอาทิตย์ตกดินแล้ว (17.52 น.) เขาถึงกลับมา เห็นเมียนั่งรอบนแคร่ ก่อไฟต้มน้ำไว้ให้เขาอาบแล้วรู้สึกผิดต่อเธอ “พี่ปราบ พี่เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เธอตรงปรี่เข้าไปสำรวจร่างกายสามี กลัวว่าจะได้รับอันตราย “แล้วทำไมไม่กินข้าว วันหลังไม่ต้องรอพี่ เข้าใจไหม” เขาขึ้นเสียงใส่ พร้อมทำหน้าเคร่งเครียดเพราะความเป็นห่วงเมีย วันก่อนเขาได้คุยกับน้องสาว ปันปันบอกว่าปลายฟ้าเคยปวดท้องบ่อยๆ แม้ที่ผ่านมาเธอไม่มีอาการอะไร เขาก็ยังเป็นห่วงเธอ “ก็ฉันกินคนเดียวไม่อร่อย แล้วทำไมพี่ต้องขึ้นเสียงและทำหน้าดุด้วย” ทำไมฉันรู้สึกอยากร้องไห้นะ เขาเองก็รู้สึกว่าพูดเสียงดังใส่เธอทำไม “พี่ขอโทษ พี่แค่เป็นห่วงน้อง” จากนั่นเขาเล่าเรื่องระหว่างทางเจอตำรวจขึ้นมาล้อมบ้านของนายคมสัน ที่เพิ่งย้ายเข้ามาในหมู่บ้านได้ 3 ปี เจ้าหน้าที่ปิดทางเข้าหมู่บ้าน ทำให้เขากลับเข้ามาไม่ได้ ตอนที่กลับเข้ามา สองสามีภรรยาถูกนำตัวลงไปแล้ว ในข้อหานำพาคนต่างด้าวไปรับไปส่งในเมืองได้ค่านายหน้าต่อคน 1,000 - 2,000 บาท “วันนี้เหนื่อยไหมครับ” เขานอนกอดเมีย แต่หากรู้ไม่ว่าภรรยายังน้อยใจที่เขาขึ้นเสียงใส่เมื่อตอนเย็น วันนี้เธอกินข้าวได้น้อยกว่าทุกวัน ความจริงฉันไม่ใช่คนขี้น้อยใจอะไรนี่นา หรือเป็นเพราะระยะหลังๆมานี้ เขาพูดดีทำดีกับฉันมาตลอด พอมาขึ้นเสียงใส่เลยไม่ชิน ทางด้านปราบเริ่มรู้ตัวแล้ว ว่าเมียเด็กยังโกรธเขาอยู่ แต่เขากลับรู้สึกว่าเธอน่ารักน่าเอ็นดูมากกว่า มือใหญ่บีบก้นเมียเบาๆ “พี่ขอโทษครับ หายโกรธพี่นะ” ไร้เสียงตอบกลับ แล้วเขาได้ยินเสียงสะอื้นของเธอ เขาค่อยๆพลิกร่างบางให้หันมาทางเขา “งั้นลงโทษพี่ได้ไหมครับ พี่ไม่อยากให้ใบหน้างามเปื้อนน้ำตาสักนิด” เสียงทุ้มนุ่มข้างกกหูพร้อมกับโน้นลงมาจูบซับน้ำตาเมีย แล้วค่อยๆลงมาที่จมูกและริมฝีปากบาง เขาขบริมฝีปากบางเล่นเบาๆ เมื่อเห็นว่าเมียหยุดร้องไห้แล้ว “อื้ออ อื้ออ”ลิ้นสากเข้ามาควานหาน้ำหวานทันที มือใหญ่บีบคลึงขยำเต้าอวบอิ่มแล้วค่อยๆลงมาข้างล่าง เขารู้สึกว่าเมียตัวเองอวบขึ้นผิวพรรณเนียนนุ่มไปทุกส่วน “ให้พี่ได้ไถ่โทษด้วยการปรนนิบัติเมียทั้งคืนนะคะ” เธอยกยิ้มมุมปาก เพราะรู้ว่าวันนี้คนพี่แบกข้าวกับทุกคนและไม่คิดว่าเขาจะมีแรงจึงพูดออกไปเพราะอยากแกล้งเขาล้วนๆ “แน่ใจนะคะ ว่าไหว“ ฉับพลันสายตาอ่อนโยนกลายเป็นสายตาเร่าร้อน หื่นกระหาย พร้อมจะกลืนกินนั่นหมายความว่าอย่างไร ฉันสั่นสะท้าน ไม่น่าพูดเลย ตอนนี้แก่นกายมหึมาถูไถกับต้นขาเนียนร่างบางร้อนวูบวาบ “แน่ใจครับ พี่อยากได้ยินเสียงครางของเมียพี่แล้ว อีกอย่างฉลองที่เราเก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว” จากนั้นเสียงครางประท้วง บวกกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อ ท่ามกลางแสงจันทร์ที่ลอดผ่านมาทางหน้าต่างสามบานที่เปิดรับลมเย็น มีแค่พระจันทร์ที่เป็นพยานรักให้พวกเขา อีกมิติหนึ่ง ปลายฟ้า เธอกำลังต่อกรกับยมทูต “ท่านยม ฉันเป็นห่วงยายจริงๆ ท่านให้ฉันกลับไปดูแลยายเถอะนะจ๊ะ” ยมทูตเหนื่อยใจ วิญญาณอื่น ๆ ตายแล้วรีบไปเกิด มีแต่หล่อนคนเดียวที่อ้อนวอน ออดอ้อนเขาทุกวัน ไม่รู้ว่าเพราะรำคาญหรือเพราะทนความออดอ้อนของเธอไม่ไหว “ได้ แต่เธอจะเข้าร่างเดิมไม่ได้แล้ว เธอจะต้องกลับไปเป็นทารกเท่านั้น เธอจะยอมไหมปลายฟ้า” ยมทูตไม่เคยเห็นใครออดอ้อนเก่งเท่าวิญญาณตนนี้มาก่อน เขาใจอ่อนยอมทำผิดกฎยมทูต “ได้ค่ะ ขอแค่ฉันได้กลับไปอยู่กับยาย เกิดใหม่อีกครั้งฉันก็ยอม” สายตาเด็ดเดี่ยวนั้นยมทูตใจอ่อน “เธอจะได้กลับไป แต่เธอต้องรับข้อเสนอให้ได้นะปลายฟ้า ชีวิตแลกด้วยชีวิตเท่านั้น” เธอไม่เข้าใจที่ท่านยมทูตบอก “เดี๋ยวท่านยม หมายความว่าถ้าฉันกลับไป จะต้องมีคนตายใช่ไหม” ยมทูตพยักหน้าให้เธอ แต่เพราะความรักความผูกพันที่มีต่อยายมีมากมายเหลือเกิน เธอจึงตอบตกลง แล้วท่านยมทูตพูดว่า “ในเมื่อเธอตกลง จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้แล้ว ไปเถอะ ขอให้เธอโชคดี”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD