ตอนที่ 9 แก้มใสกับคุณปิน

3128 Words
บทที่9แก้มใสกับคุณปิน เช้านี้แก้มใสรู้สึกตัวแต่เช้า ใบหน้างัวเงียไม่สดชื่นเท่าไร เพราะนอนเฝ้าพ่อข้างเตียงทั้งคืน เธอหลับๆตื่นๆ เมื่อวานปันปันโทรหาเธอด้วย บอกว่าพี่ปินฝากถามว่าจะได้กลับมาไหม เธอบอกว่าต้องรอดูอาการพ่อพรุ่งนี้ เมื่อเช้าคุณหมอมาตรวจบอกว่าวันนี้จะได้กลับบ้านแล้ว แต่ต้องรอให้ยาฆ่าเชื้อที่ใส่ให้เช้านี้หมดไปก่อน จากนั้นหมอจะให้ยากลับไปกินที่บ้าน หลังจากที่ให้พ่อกินข้าวกินยาแล้ว เข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำรวม พอล้างหน้าล้างตาแล้วรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง หญิงสาวยังคงใส่ชุดเดิมของเมื่อวานโดยไม่สนใจสายตาคนมอง “พ่อจ๋า วันนี้พ่อจะได้กลับบ้านแล้วนะจ๊ะ” เขายิ้มให้ลูกสาว “พ่ออยากกลับตอนนี้เลยลูก” “ไม่ได้จ้ะ พ่อห้ามดื้อ พ่อนอนรอให้ยาขวดนี้หมดก่อน แก้มจะออกไปหาอะไรกินก่อน พ่ออยากกินไหมอะไรจ๊ะ” เขาส่ายหน้า “พ่อไม่หิวอะไร ลูกไปกินข้าวเถอะ” ก็แน่ละ เมื่อเช้าพ่อทานข้าวต้มของโรงพยาบาลหมดไป 1 ถ้วย “แก้มไปแป๊บเดียวจ้ะ” ฉันเดินลงมาจากชั้นสาม ตรงข้ามกับโรงพยาบาลมีร้านขายกับข้าวหลายอย่าง เลยเลือกกินข้าวกะเพราไก่ไข่ดาว สายตาก็สอดส่องมองหาว่าคนในหมู่บ้านลงมาทำธุระหรือเปล่า จะได้อาศัยรถนั่งกลับบ้านไปด้วย ทางด้านปินหลังจากที่เขาได้เบอร์แก้มใสมาแล้ว ก็เก็บใส่ไว้ในกระเป๋า แล้วปั่นจักรยานกลับมาที่บ้าน ที่ผ่านมาเขาไม่คบใครมาก่อน ยิ่งสมัยเรียนเขามีแต่เพื่อนชาย พอจบออกมา พวกเขาแยกย้ายกันแล้วไม่ได้เจอกันอีกเลย เขาคิดว่าความรักจะมาในเวลาที่ใช่ ไม่ต้องคบใครให้เสียเวลา ดูตัวอย่างพี่ชายเขาสิ คบกับมาตั้งแต่ 7 ปี กลับไม่ใช่เนื้อคู่ ที่พ่อแม่ไม่เห็นด้วยเท่าไร เพราะพวกเราระแคะระคายเรื่องยาหยีมานาน แต่พอเกิดเหตุการณ์ที่น้องปลายกินยาฆ่าตัวตาย พี่ปราบถึงยอมแต่งงาน แล้วหลังจากนั้นดูเหมือนพี่ปราบจะเปลี่ยนไปแล้วตอนนี้กำลังมีความสุขกับน้องปลายฟ้า ถือว่าในเรื่องร้าย ๆที่เจอมา ก็ยีงมีเรื่องดี ๆซ่อนอยู่ “พ่อครับ แม่ครับ พี่ปราบพาน้องปลายไปหาปลา ดูสิครับ ฝากมาให้แม่และยายหอมด้วย” ปินชูถุงหิ้ว ข้างในมีปลาช่อนตัวใหญ่ 5 ตัว สองผัวเมียมองหน้ากันแล้วยกยิ้มมุมปาก นึกถึงสมัยที่แต่งงานใหม่ๆ พวกเขาไปหาปลามาทำกับข้าวกินในป่า สมัยนี้วัยรุ่นน่าจะเรียกว่าไปปิกนิก “จริงหรือลูก พี่ทิด ฉันว่าอีกไม่นานพวกเราจะมีข่าวดีนะจ๊ะ” พ่อทิดพยักหน้าให้แม่ จากนั้นคุยกันว่า พรุ่งนี้จะไปติดต่อชาวบ้านที่อยู่หมู่บ้านถัดไปมารับจ้างช่วยเกี่ยวข้าว ทุกปีพวกเขาจะมาเกี่ยวข้าวให้ครอบครัวเรา บางคนรับเป็นเงิน บางคนรับเป็นข้าวเปลือกแล้วแต่พวกเขาจะสะดวก เพราะหมู่บ้านนั้นเป็นชาวบ้านที่ย้ายลงมาจากบนดอยทั้งหมด พวกเขาไม่มีนาทำกิน ทุกครอบครัวรับจ้างรายวันหาเลี้ยงครอบครัว “งั้นปินมาช่วยแม่ทำกับข้าวลูก นำปลาไปทำความสะอาดก่อน ค่อยเอาไปให้ยายหอม” “ได้ครับแม่” สองแม่ลูกพากันเข้าครัว พ่อทิดยืนมองลูกชายและเมียเข้าครัว ในใจก็คิดว่าลูกชายเขาสองคนเหมือนเมียเขา ที่ชอบทำอาหารและทำงานบ้านได้ทุกอย่าง เขาชื่นชมเมียที่สอนลูกได้ดี แล้วแต่ละคนเลือกที่จะกลับมาทำนากับเขา ความจริงทั้งสองจบมามีงานรองรับแล้ว ทางด้านปินเมื่อช่วยแม่ทำอาหารเสร็จ เขาไปอาบน้ำ นำเสื้อผ้าใส่ตะกร้าไว้ แล้วลงไปกินข้าว ตอนนี้เขาอยู่บนที่นอน แล้วเพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้บันทึกเบอร์แก้มใสไว้ จึงไปเอากางเกง แต่แม่แก้วใส่ลงไปในเครื่องซักผ้าที่กำลังทำงานอยู่ตอนนี้ “สวัสดีค่ะพี่ปิน” เขาต้องโทรหาน้องสาวเพราะเบอร์ที่ได้มันละลายไปหมดแล้ว “ปันปันจ๋า พี่ขอเบอร์แก้มใสหน่อย” “อิ อิ อิ พี่ปิน พี่จะจีบเพื่อนฉันเหรอ” “โอ้ยยย วันนี้เป็นวันราหูอมจันทร์มั้ง พี่แค่จะโทรถามเธอว่าพ่อเธอจะออกจากโรงพยาบาลเมื่อไรต่างหากเล่า” “น้องแค่ล้อเล่นค่ะ แล้วลุงก้างเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ” “แกท้องเสีย พี่ให้ปันปันโทรหาเพื่อนละกัน แล้วค่อยโทรบอกพี่ว่าเธอจะกลับมาวันไหน” เขาไม่เอาเบอร์เธอแล้ว “ได้ เดี๋ยวน้องจะโทรหาแก้มเอง แล้วพี่จะไม่เอาเบอร์แก้มไว้เหรอ เผื่อมีธุระ” “ไม่อม ไม่เอาแล้ว” ปันปันนึกหน้าพี่ชายออก เธออมยิ้มกับปลายสาย จึงหยอกพี่ชายไปอีกหนึ่งคำ “จริงสิพี่ปิน พี่อายุ 25 แล้วพี่ไม่คิดจะจีบใครเลยหรือ” “ระดับพี่ไม่ต้องจีบครับ ถึงเวลาก็มาเอง” พี่ชายคนที่สองเขาเป็นคนชิวมากๆ ส่วนพี่ชายคนที่หนึ่ง เขาวางแผนชีวิตเป๊ะๆ จริงจังในการใช้ชีวิตที่สุด “อิ อิ อิ น้องจะคอยดู สัก 10 นาทีน้องโทรกลับนะพี่ปิน” “ว่ายังไงลูก พ่อของหนูแก้มได้ออกจากโรงพยาบาลไหม” เช้านี้หลังจากที่กินข้าวเสร็จแล้ว พ่อทิดถามลูกชาย “เมื่อวานแก้มใสบอกว่าต้องรอดูอาการครับ” “งั้นลองโทรหาเช้านี่สิ เพื่อพวกเขาจะได้กลับบ้าน วันนี้เราต้องออกจากบ้านอยู่แล้ว ถ้านายก้างได้กลับมาพวกเราก็ลงไปรับพวกเขาเลย” เขามองหน้าพ่อ “เมื่อวานที่ผมไปเอาเบอร์จากน้องปลาย ขากลับใส่ไว้ในกางเกง แต่แม่เอากางเกงผมไปซักเรียบร้อย ผมเลยวานให้น้องโทรหา” “สรุป ลูกไม่มีเบอร์หนูแก้มใส” เขาพยักหน้า “จะยากอะไร พี่ทิดไปติดต่อชาวบ้านเสร็จก็ลงไปที่โรงพยาบาล ถ้าไม่ได้กลับก็ถึงว่าไปเยี่ยม ลูกไปเก็บแก้วมังกรข้างรั้วไปฝากหนูแก้มด้วย หนูแก้มชอบกิน” กลายเป็นว่าสองพ่อลูกออกจากบ้านลงมาแจ้งชาวบ้านว่าจะเกี่ยวข้าววันไหน และนัดกันว่าจะมารับกี่โมง จากนั้นมายังโรงพยาบาลประจำอำเภอ ทางด้านสองสามีภรรยาเช้านี้พวกเขาสองคนตื่นตั้งแต่ 05.30 น. พากันไปวิ่งออกกำลังกายตามที่ได้พูดไว้เมื่อวาน เขาให้เมียวิ่งแค่ 30 นาที เพื่อให้ร่างกายปรับตัวให้เข้าที่ก่อน อีกอย่างเขาตั้งใจจะพาเมียมาดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าด้วย เมื่อคือพวกเขาคุยเรื่องการเรียนต่อ และวันนี้จะพาเธอลงไปสมัครเรียนที่ไปรษณีย์อำเภอแล้วตั้งใจจะลงไปเยี่ยมลุงก้างพ่อของแก้มใสด้วย พวกเขาสองคนมาช้าไปนิดเดียว พ่อและน้องชายเพิ่งลงไปแล้ว แต่ยังมีรถอีกคน ก่อนไปเกวได้ไปเอาสมุดบัญชีจากยายหอมมาด้วย เธออยากรู้ว่าน้องมีเงินเท่าไร ระหว่างทางฉันสังเกตทิวทัศน์ข้างทางตลอด นี่เป็นเส้นทางที่ลงไปในอำเภอหรือ ทางรถยนต์เป็นดินลูกรังตลอดทาง แต่โชคดีที่ทางขึ้นลงดอยไม่ได้ชันมาก ทางด้านคนขับ เขาแอบมองเมียเป็นระยะๆ แล้วคิดถึงเรื่องเมื่อคืน ที่เขาจูบแผ่นหลังของเธอ ตอนแรกเธอคล้ายจะอาย แต่เป็นเขาที่อยากทำแบบนั้น ทั้งคู่พูดคุยกันแล้วเรื่องลูกด้วย ว่าให้ปล่อยไปตามธรรมชาติ ถ้าเขามา พวกเขาพร้อมจะเลี้ยงเขาในแบบที่พ่อแม่เคยเลี้ยงเขามา แล้วอยู่ๆเขาจับมือเมียมากุมไว้ “มีอะไรคะ” อยู่ๆคนพี่มาจับมือเธอขึ้นมา “ไม่มีครับ ต่อไปนี้พี่จะไม่มีวันปล่อยมือคู่นี้” เขาบีบมือเมียเบาๆ หลังๆมาเขารู้สึกว่าเอ็นดูเมียมากขึ้นทุกวัน “ขอบคุณค่ะ ขอบคุณที่ให้น้องได้เข้ามาในชีวิตพี่ปราบ” เกวลินรู้แล้วว่าความรักมันทำให้คนเรามีความกล้า เมื่อวานเธอทำไปได้ยังไง กับกิจกรรมที่ทำร่วมกัน แล้วพอบทรักหยุดลงพวกเขาคุยกันวางแผนอนาคตของพวกเขา เกวลินตัวจริงกลัวการมีลูกที่สุด เพราะคิดว่าการมีลูกสักคนทุกอย่างต้องพร้อม แต่เมื่อได้มาอยู่ท่ามกลามธรรมชาติและทุกอย่างรายล้อมไปด้วยชีวิตที่เรียบง่าย เงินทองไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่ความขยันและความมีน้ำใจต่อกันต่างหากเป็นสิ่งสำคัญ แล้วทำให้เห็นว่าสังคมชนบทที่นี้หลอมรวมกันกลายเป็นชุมชนที่สะอาด ส่วนเรื่องการนินทากัน มีทุกชนชั้นอยู่แล้ว เธอมองข้ามไป ที่สำคัญคนพี่เข้ามาเต็มเติบชีวิตที่หายไปของเธอ แล้วถ้าจะมีลูกก็ต้องเป็นเขาเท่านั้น สัญชาตญาณเธอเชื่อว่าเขาจะเป็นพ่อที่ดี เธอไม่รู้หรอกนะวันข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่จะคว้าความสุขและโอกาสตรงหน้านี้ไว้ แล้วก็อยากขอบคุณเจ้าของร่างด้วย จึงบอกคนพี่ว่า ขากลับให้พาแวะทำบุญด้วย ในใจอยากทำบุญให้น้องปลายฟ้าที่อยู่บนสวรรค์ตั้งแต่วันที่ตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสไปไหน ทางด้านแก้มใส หลังจากที่กินข้าวเสร็จแล้ว ก็กลับเข้ามาหาพ่อ ตอนนี้ยาใกล้หมดแล้ว ไม่นานเจอพี่ปินและลุงทิดเข้ามาถามชื่อพ่อเธอกับพยาบาลที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ “สวัสดีลุงทิด สวัสดีพี่ปิน” “เอ้า หนูแก้มนั่นเอง ลุงมาทำธุระเลยแวะมาเยี่ยมพ่อหนู” ฉันบอกว่าพ่อจะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว แต่ต้องรอ 20 นาที แล้วพาพวกเขามาที่เตียง ให้พ่อคุยกับลุงทิด พี่ปินยืนอยู่ข้างๆ ฉันออกมานั่งที่ระเบียง เก้าอี้มีแค่ใบเดียว ไม่นานพี่ปินเดินออกมาหา “น้องแก้มแม่พี่ฝากแก้วมังกรมาให้” เขาเดินตามเธอออกมาข้างนอก “ขอบคุณค่ะพี่ปิน” พวกเขานั่งห่างกันไม่มาก “เมื่อคืนนอนที่ไหนครับ” ชายหนุ่มรู้ว่าเธอใส่ชุดเก่า “นั่งเก้าอี้นอนข้างเตียงพ่อค่ะ” ฉันตอบหน้าตาเฉย “ฮะ แล้วทำไมไม่เช่าห้องคืนละ 100 เองไม่ใช่เหรอ” เขาขึ้นเสียง “เสียดายเงินมั้งคะ” ความจริงเธอเป็นห่วงพ่อว่าจะลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำยังไงมากกว่า เพราะมือทั้งสองข้างมีสายน้ำเกลือและยาฆ่าเชื้ออยู่ “ประหยัดไม่เข้าเรื่องนะเรา” ใบหน้าคิ้วขมวดนั้นเป็นสิ่งที่ฉันเห็นประจำบนใบหน้าผู้ชายตรงหน้า เป็นเฉพาะเวลาที่พี่เขาคุยกับฉัน “ขอบคุณที่ชม” ฉันตอบกลับ แต่สายตาหันมองพื้น “ฟังยังไงว่าเป็นคำชม” “ก็คนมองโลกในแง่ดี” เขาหันขวับมาทางเธอ แล้วยิ้มรอยยิ้มสดใสมาให้เขา “นี่ว่าพี่มองโลกในแง่ร้ายหรอก” ฉันเปลี่ยนโหมดเป็นยิ้มอ่อน ๆ ให้เขา “แก้มไม่ได้พูด พี่ปินพูดเองนะ5555” เขาทำหน้าฮึดฮัดเดินเข้าไปข้างใน แก้มใสยิ้ม แล้วมองแก้วมังกรที่เป็นของโปรดเธอ “หนูแก้มจะแวะที่ไหนหรือเปล่า” ตอนนี้พวกเรานั่งรถ 4 ประตูออกจากโรงพยาบาลแล้ว พี่ปินขับรถ ลุงทิดนั่งข้างลูกชาย เธอและพ่อนั่งหลัง “แก้มไม่แวะที่ไหนแล้วค่ะ” ไม่รู้ว่าปลาที่บ้านตายหมดหรือยังนะ อาจจะตายไปบางส่วน ขณะเดียวกันนั้นมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา “สวัสดีจ้ะปลาย” “แก้ม ฉันกับพี่ปราบลงมาทำธุระอยู่ สักครู่จะเข้าไปเยี่ยมพ่อของแก้มนะ อยากกินอะไรไหม” “ปลาย พ่อฉันออกจากโรงพยาบาลแล้ว ตอนนี้กำลังกลับบ้านจ้ะ ขอบใจนะ” “งั้นเหรอ ดีใจด้วย แล้วเจอกันนะแก้ม” เธอวางสายแล้วยิ้ม “พ่อจ๋า ปลายกับพี่ปราบบอกว่าจะมาเยี่ยมพ่อด้วย” “ดีแล้วที่โทรมาก่อน ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะเสียเวลา” ระหว่างทางลุงทิดคุยกับพ่อเรื่องการขายข้าว ดูเหมือนว่าปีนี้ที่หมู่บ้านอื่นจะได้ข้าวไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยอย่างหมู่บ้านพวกเรา ฉันกับพี่ปินเป็นผู้ฟังตลอดทาง ทางด้านสองสามีภรรยา หลังจากที่พี่ปราบพาฉันไปสมัครเรียนแล้ว พาไปธนาคาร ฉันถอนเงินมาแค่ 5,000 บาท เงินในบัญชีเหลือ 50,000 บาทส่วนพี่ปราบขอบัตรประชาชนฉันไป บอกเจ้าหน้าที่ว่าเปิดบัญชีอีกใบ จากนั้นนำเงิน 5 ล้านมาไว้ในบัญชีของฉันแล้วยื่นมา บอกให้ไปทำ ATM และโหลดแอพของธนาคารด้วย เพราะการเรียนทางไกลต้องมีค่าใช้จ่ายหลายอย่าง นี่เป็นอีกทางเลือกที่จะไม่ต้องลงมาบ่อยทำธุระที่นี่บ่อย เกวรับมา แต่ไม่ได้เปิดดูสมุดบัญชี พอไปทำ ATM ถึงรู้ว่าคนพี่ฝากเงินให้ 5 ล้านบาท คงต้องกลับไปถามเขาว่าทำไมให้เงินเธอมามากมายขนาดนี้ “พี่ปราบ ทำไมพี่เปิดบัญชีให้น้องด้วยเงินจำนวนมากมายขณะนี้คะ” ตอนนี้กำลังนั่งรถมาโรงพยาบาล “ความจริงพี่ยังมีอีกหนึ่งบัญชีครับ แล้วพี่จะโอนเข้าไปให้ทุกเดือน ต่อไปนี้พี่จะให้น้องดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมด พี่จะทำงานหาเงินอย่างเดียว ได้ไหมครับ” คนน้องไม่เคยเรียกร้องขออะไรจากเขา แหวนที่ซื้อก่อนวันแต่งานเธอก็ไม่ใส่ บอกว่าเก็บไว้เผื่อฉุกเฉินจะได้เอาไปขาย พอเขาได้ยินแล้วอยากหัวเราะ เขาไม่ได้จนขนาดที่จะเอาแหวนแต่งงานไปขาย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร “ได้นะได้ค่ะ แต่” “ไม่มีแต่ครับ แล้วอยากซื้ออะไรก็ซื้อมาได้เลย พี่เห็นเราใส่เสื้อผ้าชุดเดิมมาตลอด หลังจากหาหมอเสร็จพี่จะพาไปร้านเสื้อของเมียเพื่อนพี่ ส่วนเงินที่น้องถอนมาเอาไปให้ยายหอมเถอะครับ” สายตากึ่งขอร้องนั้นต้องรับไว้สินะ “ขอบคุณค่ะพี่ปราบ” เกวนั่งกอดประเป๋าไว้แน่น เมื่อก่อนทำงานเก็บออมเงินเดือนละหมื่นกว่า แต่มีเงินเก็บไม่ถึง 2 ล้านเลย ตอนนี้เงินเก็บก้อนนั้นคงไปอยู่ในมือแม่แล้ว ถือว่าเป็นเงินก้อนสุดท้ายที่แม่จะได้ตั้งตัวแล้วถ้าใช้อย่างประหยัด แม่จะไม่ลำบากแน่นอน แล้วพวกเขาก็มาถึงโรงพยาบาล สาเหตุที่มาที่นี่ พวกเราคุยกันเมื่อคืนแล้ว เป็นการตรวจสุขภาพประจำปี อีกอย่างเกวลินอยากรู้ว่าร่างเดิมที่เป็นโรคมะเร็งยังเป็นอยู่ไหม “สวัสดีจิรายุ รอสักครู่นะ น้องปลายจะเข้าไปก่อนไหม พี่ขอคุยธุระกับนักศึกษาก่อนหรือจะรอพี่ที่นี่เข้าไปพร้อมกันครับ” แบบนี้ก็เข้าทางเธอสิ “พี่ปราบคุยธุระก่อนก็ได้ ปลายจะไปเดินเรื่องเอกสารก่อนค่ะ” เธอเอาบัตรประชาชนของคนพี่ไปด้วยและบอกเจ้าหน้าที่ว่าต้องการตรวจสุขภาพประจำปีและขอพบคุณหมอท่านนี้ ส่วนคนพี่ดูเหมือนจะคุยยาว เห็นเอาแท็บเล็ตออกมาด้วยไปนั่งตรงศาลา แล้วทำไมต้องคุยกับนักศึกษา เกวลินไม่รู้ว่าสามีเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาทางด้านเกษตรยั่งยืนให้กับมหาวิทยาลัยที่เขาจบออกมา “สวัสดีค่ะคุณหมอ จำฉันได้ไหมคะ” หมอหนุ่มตรงหน้าเธออายุสัก 35 มั้ง เขาเงยหน้ามองเธอ “จำได้ครับ แล้วทำไมไม่มาเอาใบนัด จริงสิมาหาหมอวันนี้เป็นอะไรมาครับ” เพราะในใบนี้เขียนมาว่าอยากพบเขา “ฉันแต่งงานแล้วค่ะ คุณหมอช่วยตรวจสุขภาพให้ฉันหน่อยนะคะ ว่าโรคนั้นยังอยู่กับฉันไหม” เขามองหน้าหญิงสาวตรงหน้าเขา เธอไม่เหมือนคนที่เขาเจอเมื่อ 3 ปีที่แล้ว อาจเป็นเพราะเธอโตขึ้นด้วย “ได้ครับ แล้วที่ผ่านมามีอาการอะไรหรือเปล่า” ฉันยิ้มอ่อน ส่ายหน้า บอกว่าสบายดี แค่ไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการกินมา “ว่ายังไงเพื่อน ลมอะไรหอบมาถึงนี่ เชิญๆครับน้องปลาย” “สวัสดีค่ะพี่ต้น” หลังจากที่ฉันกับพี่ปราบตรวจสุขภาพแล้ว ผลแลปจะออกช่วงบ่าย พี่ปราบพาไปร้านอาหารตามสั่ง หลังจากที่กินข้าวแล้ว พี่เขาพามายังร้านของเมียพี่ต้น ที่เปิดร้านขายเสื้อผ้าในอำเภอ “แล้วน้องหวานไปไหนอ่ะมึง” “เมียกูไปธนาคาร” ไม่นานคนที่ชื่อหวานกลับมา “เอ้า สวัสดีพ่อเลี้ยง สวัสดีน้องปลายฟ้า ไม่ได้เจอกันนานเลย สวยขึ้นมากนะเรา” “สวัสดีค่ะพี่หวาน ขอบคุณค่ะแล้วพี่ท้องได้กี่เดือนแล้วคะ” สาวสวยหุ่นอวบใส่ชุดเดรนสีครีมลงจากรถเก่ง เรียกพี่ปราบว่าพ่อเลี้ยง “น้องหวานพี่พาเมียพี่มาอุดหนุนร้านน้อง ช่วยลดให้พี่ด้วยนะครับ” “ระดับพ่อเลี้ยง ไม่ต้องลดแล้วค่ะ” จากนั้นพี่ต้นพาพี่ปราบไปนั่งหลังบ้านที่นั่นมีระเบียงสำหรับทานข้าว นั่งเล่น ปล่อยให้ฉันอยู่กับพี่หวาน “พี่ท้องได้ 5 เดือนแล้วค่ะ คนที่หนึ่งอยู่อนุบาลสาม น้องปลายฟ้าอยากได้ชุดแบบนไหน” ฉันสำรวจร้านพี่หวาน เป็นร้านติดแอร์ แล้วผ้าที่เห็นมีหลากหลายราคา “ปลายอยากได้เสื้อผ้าสีเรียบๆ ค่ะพี่หวาน” แต่ที่เห็นตรงหน้าเป็นโทนสีหวานแหวน “งั้นเป็นเพื่อนกับพี่ไว้ เวลามีผ้ามาลงใหม่ๆ น้องแค่ไลน์มาบอกพี่ จากนั้นพี่จะส่งขึ้นไปให้” ตอนนี้ทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันในไลน์เรียบร้อย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD