บทที่11ปิน
ที่หมู่บ้านไทรน้อย หลังเก็บเกี่ยวข้าวแล้วชาวบ้านจะมีเวลาพักผ่อน บางคนปลูกผักทำสวน บางคนหันมาซ่อมแซมบ้านช่องและเถียงนา วัยหนุ่มสาวพากันลงไปหางานทำในเมือง
ที่เหลืออยู่จะมีแต่คนแก่และเด็กๆที่เรียนในหมู่บ้านนี้ หมู่บ้านไทรน้อยมีโรงเรียนขยายโอกาส เปิดสอนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 จึงมีเด็กหอที่บ้านอยู่ไกลมานอนที่โรงเรียนด้วย
วันนี้ปินช่วยแม่ทำความสะอาดบ้านช่อง เตรียมของแห้งและทำขนมข้าวต้มมัด ขนมเทียนเพื่อจะนำไปถวายในวันออกพรรษา ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ พ่อแม่ ยายหอม พี่ปราบและน้องปลาย รวมเขาด้วยที่จะพากันไปเข้าวัดพรุ่งนี้เช้า
“แม่กับพ่อมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมครับ” ตอนกินข้าวเย็น พ่อกับแม่บอกว่าหลังกินข้าวมีเรื่องจะคุยด้วย “วันนี้คุณนายชไมพรมาหาพ่อกับแม่ ว่าอยากได้เราเป็นลูกเขย พ่อปินคิดว่ายังไง”
คุณนายชไมพรคือคนที่มีรถไถนาหลายรุ่น เอาไว้บริการรับจ้างไถนาและปรับที่ดินให้ชาวบ้านหลายหมู่บ้าน แกและสามีรับจ้างขุดอ่าง เจาะน้ำบาดาล พวกเขามีลูกสาวคนเดียว ที่เพิ่งเรียนจบกลับมาอยู่บ้าน
“ผมไม่รู้สิครับ” วันนี้ช่วงบ่ายเขาไม่อยู่บ้าน จึงไม่รู้ว่าพ่อแม่มีแขก “ลูกลองคุยกับเธอดูก่อนไหม เราปฏิเสธไปแบบนี้จะดูแรงไปหรือเปล่า”
แม่แก้วบอกลูกชาย ความจริงนางเองก็จำหนูพรรชนีไม่ได้แล้ว เห็นตอนเด็กๆ พอโตมาก็ลงไปอยู่กับย่าในเมือง พอย่าเสียคุณนายให้กลับมาอยู่บ้าน อีกอย่างหญิงสาวเรียนจบแล้ว
“พ่อแล้วแต่ปิน ที่ผ่านมาลูกเคยมองใครไว้บ้างไหม” แล้วทำไมใบหน้ายัยแก้มใสลอยมา เขารีบสะบัดหัว “ไม่ครับ ไม่เคย” ยัยกะโปโลนั่นไม่มีทาง เขาเถียงขาดใจ “พ่อว่ามองไว้บ้างก็ดีนะพ่อปิน” จากนั้นพ่อกับแม่ขอตัวไปนอน ปล่อยให้เขาปิดไฟปิดหน้าต่างเข้านอน
ปินกลับเข้าห้อง นอนเอามือก่ายหน้าผาก ที่ผ่านมาเขาเจอกับยัยกะโปโลนั่นเกือบทุกวัน พอเกี่ยวข้าวของตัวเองเสร็จ แม่ก็ให้เขากับพี่ปราบและน้องปลายไปช่วยเธอด้วย
บอกว่าเพื่อนบ้านที่ดีต้องมีน้ำใจต่อกัน ที่ผ่านมาพ่อจ้างชาวบ้านมาเกี่ยวข้าว เลยไม่มีใครมาแลกวัน นอกจากครอบครัวยัยแก้ม ความจริงเธอบอกว่าที่มาช่วยเกี่ยวข้าวเพราะช่วงก่อนที่เขาและพ่อไปส่งพ่อเธอไปโรงพยาบาลแต่ไม่รับค่ารถ ไปๆมาๆ เขาช่วยขนข้าวให้เธอถึงบ้าน
รู้แบบนี้ เขาน่าจะรับค่ารถมา ไม่อย่างนั้นเธอไม่ต้องมาหลอกหลอนเขาแบบนี้ นึกถึงวันที่เกี่ยวข้าว พอพักเที่ยง แก้มใสพาน้องปลายไปวางกับดัก ช่วงเย็นไปดูอีกรอบ แล้วพี่ชายให้เขาตามน้องปลายไปด้วย พี่เขามีธุระ ปรากฎว่าเธอได้ปลามาเยอะมาก
“ปลายฉันอยากมาส่องปลาตอนกลางคืนจังเลย” พอเธอพูดแบบนั้น เขาที่เดินตามพวกเธอมาสักพักพูดขึ้นมา “กลางคืนมันอันตราย เป็นผู้หญิง ทำไมไม่อยู่บ้าน เธอนี่นะ ไม่เหมือนกุลสตรีเลย”
เขาพูดไปแบบนั้น เห็นว่าคนตรงหน้าไม่เหมือนผู้หญิงสักนิด “ไอ่พี่ปิน ฉันไม่เหมือนผู้หญิงตรงไหนฮะ พี่มีตาหามีแววไม่ แล้วบ้าน ทำไมต้องอยู่ บ้านไม่ได้มีขา มันไม่เดินไปไหนหรอก ใช่ไหมปลายเพื่อนรัก”
น้องปลายยิ้ม “ความจริงพี่ปินอาจเป็นห่วงเธอก็ได้ แต่ไม่กล้าพูดออกมา” เขาถลึงตาใส่พี่สะใภ้ที่อายุน้อยกว่าเขา 10 ปี
“โอ้ยย น้องปลาย หรือพี่สะใภ้ อย่างตีความไปไกลเลย ที่พี่พูดไปเพราะสงสารลุงก้าง ที่มีลูกสาวไม่เป็นกุลสตรีเหมือนบ้านอื่น” เมื่อกี้เขาไม่นาพูดออกมาเลย
“เชอะ ไอ่พี่ปิน ฉันเป็นแบบไหนแล้วมันไปหนักส่วนไหนของพี่กัน ชิ” เธอยื่นหน้าไปใกล้ เขาตกใจรีบถอยหลัง วินาทีที่เธอยื่นหน้าเข้ามา ทำเอาหัวใจเขาสั่นไหวแปลกๆ
“ยัยบ้า จะเข้ามาใกล้ทำไม ฉันเกือบตกน้ำแล้วนี่ พี่ว่ารีบไปกันเถอะ อยู่นานๆเดี๋ยวจะมีอะไรแถวนี้มากัด” เขายิ้มมุมปาก เหมือนได้กำชัยชนะ
“ฮะ ไอ่พี่ปินฉันไม่ใช่หมานะ” “5555พี่ไม่ได้พูดนะ เธอพูดเอง” นี่แค่ส่วนหนึ่งที่ผ่านมาพวกเขาสาดกันด้วยคำพูดที่กระแหนะกระแหน แต่เขากลับมีความสุข ไม่ได้โกรธและเกลียดอย่างที่แสดงออกมา
“แก้ม วันนี้พ่อได้ข่าวว่าคุณชไมพรไปขอพ่อปินให้ลูกสาวแก หนูได้ข่าวหรือเปล่า” นายก้างไปรับจ้างมัดฟางให้เพื่อนบ้าน แล้วได้ยินชาวบ้านเล่าสู่กันฟัง
“ไม่จ้ะพ่อ อีกอย่างพวกเขาเหมาะสมกันดีนี่จ้ะ” นายก้างสงสารลูกสาว สองพ่อลูกเจียมตัวเจียมใจ บางครั้งก็อยากให้ลูกสาวแสดงความรู้สึกออกมาบ้าง พ่อปินเป็นคนดี เหล้าบุหรี่ไม่สูบ ไม่เจ้าชู้ขยันทำงาน
“แก้ม ลูกคิดว่าความรักคืออะไร” มีบ่อยครั้งที่ลูกสาวบอกให้เขาแต่งงานใหม่ แต่เขากลัวปัญหาแม่เลี้ยงลูกเลี้ยง จึงไม่คิดจะแต่งงานใหม่
คำถามที่พ่อถามนั้น แก้มใสมีประสบการณ์จากเพื่อนรัก เห็นชีวิตของเพื่อนสาว ยอมเป็นขี้ปากชาวบ้านเพื่อความรักและถูกต่อว่าต่าง ๆ นา ๆ
แล้วถ้าเป็นฉัน คงทนไม่ได้และอาจเข้าไปบีบคอคนที่ว่าให้ฉันและครอบครัว เมื่อมาคิดและชั่งใจดู คิดว่าอยู่แบบนี้ดีแล้ว “ไม่รู้สิจ๊ะพ่อ ความรักของแก้ม แค่ได้เห็นเขามีความสุข แก้มไม่ขออะไรมากแล้ว”
แม้ว่าเพื่อนสาวจะสมหวังในความรักแล้ว แต่เรื่องของเพื่อนก็สอนอะไรให้ฉันหลายๆอย่าง
“ลูกสาวพ่อมักน้อยนี่เอง สำหรับพ่อความรักคือการที่เราได้อยู่ด้วยกัน ได้ดูแลเอาใจใส่กัน ช่วยกันทำมาหากินและเติบโตเดินไปพร้อมๆกัน” ฉันคิดตามที่พ่อพูด แล้วมองไม่เห็นทาง คนที่ฉันรัก ไม่เคยเห็นฉันอยู่ในสายตา แม้บางครั้งจะแกล้งโวยวาย แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ คำพูดเสียดสี มีแต่ทำให้หัวใจดวงน้อยเจ็บช้ำใจ
“บางครั้งแก้มก็อิจฉาพ่อกับแม่ที่มีช่วงเวลาที่ดี และกลายเป็นความทรงจำที่ดีจนถึงตอนนี้ เห้ออ แก้มจะขออยู่ดูแลพ่อไปแบบแหละพ่อจ๋า พวกเราไปหลับเถอะ พรุ่งนี้ต้องไปวัดแต่เช้า”
สองพ่อลูกพากันเข้าห้องนอนของตัวเอง แก้มใสไม่ได้หลับอย่างที่บอกพ่อไว้ “ทำไมเรารู้หน่วงๆนะ แก้มใส ควรจะยินดีกับพี่เขาไม่ใช่เหรอ ทำไมพูดไม่ตรงกับใจเลย” หญิงสาวมองดูดวงจันทร์ แล้วเอามือมาจับหัวใจดวงน้อยที่กำลังสั่นคลอน
เช้านี่ที่หมู่บ้านไทรน้อย ทุกคนตื่นแต่เช้า เพื่อเตรียมตัวไปวัด ปินเห็นแม่ชงโอวัลตินไว้ให้พ่อ และเขา “แม่ครับ จะรอพี่ปราบหรือพวกเราไปก่อน” เช้านี้แม่แก้วแต่งตัวด้วยชุดใหม่ หวีผมมันเรียบ เอาดอกจำปีมาเสียบที่ผม เมื่อวานเขาช่วยแม่เตรียมของที่จะไปถวายที่วัดเรียบร้อยแล้ว
“ลูกไปก่อน พ่อแม่และยายหอมจะรอพี่ชายและหนูปลาย” แม่แก้วรอลูกสะใภ้มา เมื่อวานบอกเธอว่ายังไม่ต้องกินอะไรตอนเช้า ให้มารองท้องที่บ้าน มีโอวัลตินกับข้าวต้มมัดที่ทำไว้เมื่อวาน วันนี้แค่นำมาอุ่น
“ได้ครับ งั้นผมไปก่อน” เช้านี้ปินใส่เสื้อยืดสีขาวกับเสื้อแขนยาวสีดำ กางเกงยีนส์สีเข้ม หลังเก็บเกี่ยวจะเริ่มเข้าฤดูหนาวแล้ว เขาปั่นจักรยานไปเพราะวัดไม่ได้ไกลจากบ้าน อีกอย่างพ่อแม่ให้เขาไปช่วยงานที่วัด เวลานี้หนุ่มสาวแทบไม่เหลือ หลังทำนาเสร็จทุกคนก็ลงไปทำงานในเมือง
ทางด้านแก้มใส เข้านี้เธอไม่ค่อยสดชื่นเท่าไร เมื่อคือกว่าจะหลับได้ปาเข้าไปเที่ยงคืน “พ่อจ๋า แก้มไปก่อนนะจ๊ะ” ที่ฉันไปก่อน ตั้งใจจะไปช่วยงานที่วัด
“ไปเถอะลูก ของถวายเดี๋ยวพ่อเอาไปเอง” 06:00 น. หน้าบ้านเต็มไปด้วยหมอก แก้มใสแต่งตัวด้วยผ้าซิ่นตีนจก หญิงสาวแต่งกายแบบนี้ตอนมีงานเท่านั้น เอาโทรศัพท์เก่า ๆใส่กระเป๋าเสื้อ มัดผมดังโงะแล้วเอาเด็ดดอกพุดซ้อนหน้าบ้าน เป็นดอกที่ฉันชอบมากมาเสียบไว้ที่ศีรษะ จากนั้นปั่นจักรยานคู่ใจมุ่งไปที่วัด ระหว่างทางเจอใครก็ทักทายทุกคน
เมื่อไปถึง มีคนมาก่อนหน้าเเธอ 5-6 คน หนึ่งในนั้นมีเขาอยู่ด้วย หลวงตายืนคุยกับทุกคน ส่วนเณรน้อยที่เป็นลูกหลานคนในหมู่บ้านมี 3 คน พวกเขากำลังกวาดเศษใบไหม้มากองไว้
ฉันไปเก็บจักรยานแล้วไปยืนฟังที่หลวงตาพูดกับทุกคน วันนี้ครอบครัวคุณนายชไมพรจะเลี้ยงทุกคนที่มาเข้าวัดฟังธรรม ขอให้พวกเราช่วยบริการแขก ดูแลน้ำท่า และเตรียมโต๊ะที่จะวางกับข้าว
“แก้มใส เธอไปช่วยจัดแจกันที่โบสถ์หน่อย” หลวงตาอายุ 60 ปีแล้ว ท่านเห็นหญิงสาวมาตั้งแต่เด็ก สองพ่อลูกชอบนำอาหารมาถวายให้ท่าน
“ได้จ้ะหลวงตา” แก้มใส่เดินตามหลวงตาเข้าไปในโบสถ์ “หลางตาแล้วดอกไม้อยู่ที่ไหนจ๊ะ” “อาตมาใช้คนไปเอาอยู่ แล้วพ่อก้างโยมไม่ได้มาหรือ” “เดี๋ยวมาจ้ะ” ไม่นานเณรน้อยมาบอกหลวงตาว่ามีคนมาหา ให้เธอนั่งรอสักพักคนที่เดินเข้ามาเป็นเขา
“สวัสดีพี่ปิน” ชายหนุ่มวางดอกไม้แล้วแล้วมองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่คิดว่าเวลาเต็มตัวแบบนี้ดูเป็นกุลสตรีขึ้นมาเยอะเลย
“สวัสดีแก้มใส เธอจัดดอกไม้เป็นด้วยเหรอ” เขาไม่คิดว่าหญิงสาวที่ทำงานลุยๆ จะเหมาะกับของสวยๆงามๆ แล้วดอกพุดซ้อนบนศีรษะเธออีก ยอมรับว่าเขาไม่ชินที่เห็นเธอแต่งกายแบบนี้
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ถ้ามีคนอื่น หน้าที่นี้อาจไม่ใช่ฉัน” ปินยิ้มพูดไปตามที่เขารู้สึก “มันก็ใช่นะ เธอเหมาะกับยกโต๊ะ เตรียมเก้าอี้ หรือล้างห้องน้ำมากกว่าหึ หึ หึ”
ฉันเงยหน้ามองคนตรงหน้าแล้วนึกถึงภาพตามที่เขาพูด “พี่ปินช่วยออกไปได้ไหม พอดีฉันต้องต้องใช้สมาธิในการจัดดอกไม้”
“หึ พูดอย่างกับว่าฉันอยากอยู่” เขาเดินออกไปแล้ว แต่แอบหันกลับมา เห็นเธอก้มหน้าก้มตาจัดดอกไม้ จึงออกไป ในใจก็อยากช่วยเธอ แต่ศักดิ์ศรีมันค้ำคอ
แก้มใสถอนหายใจ นี่แหละคนที่ฉันแอบรัก แต่ฉันไม่เคยรู้สึกน้อยใจเลยนะ จากนั้นนำแจกันสองใบมาตั้ง เลือกดอกไม้ที่มีก้านสูงแยกไว้ ใบและดอกที่ช้ำแยกออกจากกัน
ดูเหมือนข้างนอกจะมีเสียงรถและผู้คนคุยทักทายกัน ฉันเร่งมือ ไม่นานก็ออกมาสวยงามเหมือนที่เคยทำมาทุกปี หลวงตารู้ว่าฉันจัดดอกไม้สวย จึงรอยกให้ฉันทุกปี ตอนนี้เธอกำลังออกจากโบสถ์เพื่อจะเอาเศษดอกไม้ที่ไม่ได้ใช้แล้วไปทิ้ง ก็เจอป้าแก้ว ลุงทิด ยายหอมเพื่อนสาวและสามี
หญิงสาวทักทายทุกคนแล้วขอตัวไปทิ้งเศษดอกไม้ วันนี้เพื่อนเธอแต่งตัวสวยมาก พี่ปราบก็หล่อ ทั้งคู่ไม่ยอมห่างจากกันเลย ไม่นานฉันเห็นพ่อถือของมา จึงรีบไปรับตะกร้าจากมือพ่อ ข้างในเป็นข้าวสารอาหารแห้ง แล้วที่ซุ้มมีคณะของคุณนายชไมพรและลูกสาวแก
หลังจากที่ถวายสังฆทานแล้วทุกคนมานั่งฟังเทศน์ รับโอวาทจากหลวงตาแล้วข้างนอกมีอาหารที่คุณนายชไมพรและลูกสาวนำมาเลี้ยงทุกคน
แล้วคุณนายพาลูกสาวมาแนะนำตัวกับป้าแก้ว ลุงทิดและพี่ปิน พวกเรานั่งกินข้าวใกล้กัน ทำให้ฉันได้ยินทุกอย่าง ไม่นานคุณนายให้พี่ปินพาลูกสาวเธอไปเดินเล่นที่ซุ้ม
ตอนนี้คนที่นั่งข้างซ้ายมือฉันคือพ่อขวามือเธอยายหอม ถัดมาเป็นเพื่อนรัก ตามด้วยพี่ปราบ ตรงหน้าคือลุงทิด ป้าแก้ว คุณนายชไมพรและสามี พวกเขาคุยกันเรื่องของพี่ปินและคุณนี ลูกสาวคุณนาย ลุงทิดบอกว่าให้โอกาสเด็กๆทำความรู้จักกันไปก่อน ทั้งคู่ก็เห็นด้วย
ตอนนี้สองหนุ่มสาวกำลังนั่งคุยกัน พวกเขานั่งห่างจากโต๊ะที่ครอบครัวนั่งรวมกันประมาณ 6 เมตร “น้องนีเรียนจบอะไรคะ” เขาเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้าเป็นสาวสมัยใหม่ หน้าตาสะสวย แต่งหน้าทาปากจัดไปหน่อย เลยไม่รู้ว่าใบหน้าที่แท้จริงเธอเป็นอย่างไร อ่า แล้วทำไมใบหน้าแก้มใสถึงลอยเข้ามา ปินพยายามสลัดความคิดออก
“น้องเรียนทางด้านบริหารค่ะ” เขายิ้ม หญิงสาวคนนี้ไม่เป็นตัวเองเท่าไร เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาเหมือนเธอซ่อนหรือปิดบังอะไรไว้ “เป็นความชอบเหรอครับ” เธอยิ้ม “ เปล่าค่ะ เรียนตามเพื่อน ความจริงนียังไม่รู้เลยว่าชอบอะไร พอเรียนจบคุณย่าเสีย แม่ก็ให้กลับมาอยู่บ้าน”
“พี่เสียใจด้วยนะครับ” “ขอบคุณค่ะ แล้วพี่ปินจบด้านไหนคะ” เธอไม่มั่นใจ สายตาคนตรงหน้าเหมือนมองเธอทะลุปรุโปร่ง “พี่จบเกษตรครับ”
“แล้วไม่คิดจะทำงานราชการเหรอคะ” เธอชอบคนในเครื่องแบบมาก คนที่เลิกกันก่อนหน้านั้นเขาเป็นทหาร “พี่เป็นพวกที่ไม่ชอบเป็นลูกน้องใครครับ” “เหมือนกันค่ะ นีก็ไม่ชอบเป็นลูกน้องใคร ขอถามอะไรอย่างหนึ่งได้ไหมคะพี่ปิน” เธอยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม “ครับ หลายอย่างก็ได้”
“พี่ปินเคยมีแฟนมาแล้วกี่คน” เขายิ้มให้เธอ “ไม่เคยครับ” เธอตาโตา ผู้ชายหน้าตาดีแบบนี้ยังเหลือรอดอยู่เหรอ “ไม่น่าเชื่อนะคะ” “เชื่อเถอะครับ” “แล้วสเปคพี่เป็นคนแบบไหนคะ” เธอจ้องตาเขา “พี่ไม่มีสเปคครับ แล้วสเปคน้องนีเป็นยังไงครับ”
“ก็เหมือนผู้หญิงทั่วไปค่ะ ดูดี ต้องการให้เขามาดูแลเอาใจ และรักเราที่สำคัญไม่เจ้าชู้นะคะ” การได้คุยกับน้องนีวันนั้น เขามานั่งคิดดูแล้วว่าจะสานต่อหรือหยุดแค่นี้
แต่ทำไมเขารู้สึกเฉยๆนะ วันต่อมาพ่อแม่มาถาม เขาเลยบอกว่าขอคุยไปก่อน จะได้ให้โอกาสฝ่ายหญิงทำความรู้จักเรียนรู้นิสัยเขาไปด้วย ตอนนี้ในหมู่บ้านมีเรื่องเล่าใหม่แล้ว
น้องนีลูกสาวคุณนายชไมพรกำลังคบหาดูใจกับพ่อปิน ตอนเย็นพวกเขาเดินเวียนเทียนด้วยกัน เหมาะสมกันมาก นี่เป็นข่าวใหม่ข่าวแทนข่าวของปลายฟ้า
นายก้างดูออกว่าตั้งแต่วันออกพรรษาวันนั้นลูกสาวพูดน้อยลง เขาเชื่อว่าลูกสาวจะผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ สักพักเธอน่าจะทำใจได้
วันนี้สองพ่อลูกไปที่เถียงนาเพื่อเตรียมวัสดุที่ใช้ในการซ่อมแซมหลังคา ทั้งสองช่วยกันเอาใบหญ้าคาที่ตากแห้งก่อนหน้านั้นมารวมกันไว้ เพื่อจะนำมามุงหลังคาเถียงนาที่ไม่ได้ซ่อมแซมหลายปีแล้ว แต่ก่อนที่นะนำมามุง พวกเขาต้องถักหรือไพหญ้าคาก่อน
“แก้ม ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า” ฉันยิ้มให้พ่อ “หนูสบายดีจ้ะพ่อ” เธอก้มหน้าเก็บหญ้าคาไป ตอนนี้เรื่องที่พี่ปินกำลังปลูกต้นรักกลายเป็นข่าวให้ทุกคนพูดถึง ว่าพวกเขาเหมาะสมกันมาก เธอท่องคำว่าต้องยินดีกับพี่เขาถึงจะถูกสิแก้มใส