Secret to be
:: 9 ::
ความห่างเหินที่ไม่ควรเกิดขึ้น
“วันนี้ขอบใจมากเลยนะอิฐ อิ่มมาก”
“ยินดีเลยครับ”
“งั้นคราวหน้าถึงตาที่พี่เลี้ยงนายบ้างนะ”
“ผมจะรอเลยครับ ล้างท้องรอเลย” ฉันกับอิฐกินอาหารกันเสร็จจนเวลานี้ล่วงเลยมาสองทุ่มกว่าแล้ว ออกมารับลมที่หน้าร้านก็แยกย้ายกันมาอยู่ตรงตำแหน่งรถของเรา กดรีโมทเพื่อเปิดประตูรถแต่ไม่วายก็หันไปมองอิฐที่ยังคงยืนเอาแขนเท้าบนหลังคารถของตัวเองและโบกมือให้ฉันพลางฉีกยิ้มกว้าง “อยากคุยอะไรกับผม โทรหาได้ตลอดนะครับ”
“แฟนนายจะไม่หึงเอาเหรอ”
“ผมยังโสดครับ พี่มองยังไงว่าผมมีแฟน”
“หล่อๆ แบบนายคงไม่เหลือ”
“เหลือครับ ไม่งั้นจะเหลือมาถึงพี่เหรอ” คำตอบของเขาทำให้ฉันส่ายหน้าไปมาพลางโบกมือให้เขา “กลับดีๆ นะครับ ถึงบ้านก็ส่งข้อความบอกผมหน่อยก็ดีนะ”
“โอเค พี่จะส่ง”
“เจอกันที่มหาลัยครับ”
ฉันพยักหน้าและขึ้นประจำตำแหน่ง ไม่วายมองกระจกหลังก็เห็นอิฐยังคงมองฉันอยู่ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ทันทีที่รถของฉันออกตัวแล่นบนท้องถนน อิฐก็ขึ้นรถและขับตามหลังมาจากนั้นก็เลี้ยวไปอีกทาง ฉันเอื้อมมือไปเปิดเพลงสากลฟัง เป็นเพลงของฉันเลยเลยล่ะ
I only wanna do bad things to you
So good, that you can't explain it
What can I say? It's complicated
(ฉันแค่อยากทำสิ่งเลวร้ายกับคุณ
ดีจนคุณอธิบายไม่ได้
ฉันจะพูดอะไรได้ มันซับซ้อน)
*Bad Things - Machine Gun Kelly, Camila Cabello*
ท่อนนี้กลับทำให้ฉันกำพวงมาลัยรถแน่นขึ้น... ทำไมภาพวันนั้นถึงยังวนเวียนเข้ามาไม่จบไม่สิ้นสักทีกันนะ
กึก!
“เอ๊ะ? เดี๋ยวนะ รถเป็นอะไรเนี่ย”
อีกแค่ไม่กี่ช่วงถนน ก็จะถึงซอยเข้าบ้านแล้วนะ ทันทีที่รถกระตุกฉันก็รีบเปิดไฟขอทางทันทีเพื่อหักเลี้ยวรถเข้ามาจอดริมฟุตบาทตรงที่มันค่อนข้างมืดเล็กน้อย ฉันรีบลงจากรถเพื่อเปิดกระโปรงรถแน่นอนว่าฉันดูมันไม่เป็นเลยล่ะว่ามันเสียหรือมันพังตรงไหน ดังนั้นในหัวตอนนี้มีทางเดียวก็โน้มตัวเข้าไปหยิบมือถือเพื่อส่งข้อความหาใครบางคน
Pangram : ซัน ช่วยด้วยรถฉันเป็นอะไรไม่รู้ จู่ๆ มันก็ดับไปเลย
พอมาคิดได้เมื่อส่งข้อความไปแล้ว ก็พบว่าซันแทบไม่ได้อ่านข้อความที่ฉันส่งไปเลย ดังนั้นตอนนี้เขาจึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ฉันจะขอความช่วยเหลือได้อีกต่อไป กดออกและมองกล่องข้อความของอิฐที่ส่งตุ๊กตาสติ๊กเกอร์กอดหัวใจมาให้ ถึงยังไงตอนนี้หวังแค่ว่าอิฐจะยังไม่ถึงห้องของเขานะ
Pangram : อิฐ นายถึงห้องหรือยัง พี่รถเสียน่ะ
รอไม่ถึงหนึ่งวินาทีด้วยซ้ำ อิฐก็ส่งข้อความกลับมาทันทีอย่างรวดเร็ว
Aid : ที่ไหนครับ? ส่งโลเคชั่นมาครับ เดี๋ยวผมไปหา
Pangram : ขอบคุณนะ พี่รบกวนนายอีกแล้ว
Aid : อย่าคิดมากสิครับ ผมเต็มใจ ส่งมาเลยครับ
ฉันส่งโลเคชั่นให้กับอิฐ จากนั้นก็เอามือถือใส่กระเป๋าตามเดิมปิดประตูรถเพื่อยืนรออิฐ ตอนนี้บอกก่อนนะว่าถึงจะมีรถสัญจรไปมาฉันก็แอบกลัวเหมือนกันเพราะตรงนี้มันมืดมาก แถมฉันยังอยู่ในชุดนักศึกษาที่เซ็กซี่สุดๆ มาเร็วกว่านี้ได้ไหมอิฐ ฉันภาวนาและชะโงกมองรถของอิฐ รอเขาเกือบสิบห้านาทีได้รถหรูคุ้นตาก็จอดต่อท้าย ทำให้ฉันยิ้มออกมาด้วยความโล่งอก
“ขอบคุณนะอิฐ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ ดีนะที่ผมยังไม่ถึงห้อง แวะซื้อของที่มินิมาร์ทอยู่”
“อืม”
“ผมดูให้นะครับ” คงเป็นเวรกรรมปะ เพราะฉันดันเคยโกหกไปว่ารถเสียและมันดันเสียจริงๆ ฉันขยับมายืนข้างอิฐที่พับแขนเสื้อเชิ้ตสีขาวถึงข้อศอกและให้ฉันช่วยเปิดแฟลชจากมือถือของเขาให้ อิฐโน้มตัวไปจับสายตรงนั้นตรงนี้อยู่ประมาณห้านาที เขาก็หันมามองฉันพลางยิ้มขำ “น้ำกลั่นแบตเตอรี่หมดน่ะครับ พี่มีไหม?”
“น่าจะไม่มีนะ” ลืมพกมันเอาไว้ตลอดเวลาไง เพราะว่าฉันไม่ได้ขับรถนานแล้วด้วย
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวเอาของผมมาเติมให้พี่ก่อน” อิฐเดินกลับไปที่รถของตัวเองและกลับมาพร้อมขวดน้ำกลั่น เขาเทน้ำกลั่นลงแบตเตอรี่ “หลังจากนี้พกติดรถไว้ด้วยนะครับ ถ้าเติมแล้วยังสตาร์ทไม่ติดโทรเรียกช่างอย่างเดียวเลยครับ อ่า เรียบร้อย”
“ขอบคุณนะอิฐ ไม่ได้นายพี่แย่แน่เลย”
“ยินดีครับ” เขาฉีกยิ้มกว้างและปิดฝากระโปรงรถให้กับฉันเรียบร้อย พลางรับมือถือของตัวเองจากมือฉันไปปิดแฟลช “ทีนี้ก็กลับบ้านได้แล้วครับ”
“งั้นพี่กลับก่อนนะ นายเองก็กลับห้องเถอะ”
“ครับ”
ฉันขึ้นรถและสตาร์ทรถที่ติดอย่างง่ายดาย ก่อนจะสบตากับอิฐที่โบกมือให้ฉันผ่านกระจกรถ จากนั้นก็ขับรถแล่นสู่ท้องถนนอีกครั้ง พอเห็นว่าฉันสามารถขอความช่วยเหลือจากคนอื่นได้นอกจากซัน มันก็ทำให้ฉันยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เพราะการที่ซันต้องช่วยฉันทุกครั้งมันก็จะมาพร้อมกับความรำคาญใจของเขา เอาเป็นว่าถ้าไม่เดือดร้อนจริงๆ คงไม่รบกวนอิฐอีกแล้วล่ะ
กลับมาถึงบ้านในเวลาต่อมา เสียเวลาไปจนเกือบสามทุ่มกว่า ฉันก็ตรงเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำให้รู้สึกสบายขึ้น สวมชุดนอนเดรสสายเดี่ยวสีดำทิ้งตัวลงนอนคว่ำบนเตียง เปิดโน้ตบุ๊กเพื่อทำรายงานส่งอีเมลให้กับอาจารย์ ส่วนที่เขียนก็เอามาเขียนต่อจนเวลาล่วงเลยมาถึงเที่ยงคืน
จริงสิ ฉันลืมส่งข้อความบอกอิฐ! ป่านนี้เด็กคนนั้นเป็นห่วงฉันแย่
คิดได้แบบนั้นก็ควานหามือถือในกระเป๋ามาเปิดหน้าจอ เพื่อกดเข้ากล่องข้อความแล้วก็จริงนะ อิฐส่งมารัวๆ เลยจนฉันต้องขอโทษขอโพยเขาใหญ่ แต่เขาก็ไม่อ่านสงสัยคงจะนอนไปแล้วล่ะมั้ง หากแต่ว่าพอมองข้อความใต้แชทของอิฐก็พบว่ามีอีกหนึ่งข้อความที่ส่งมา
Sun : อยู่ที่ไหน?
เมื่อหลายชั่วโมงช่วงที่รถฉันเสีย เขาอ่านหลังจากที่ฉันส่งไปประมาณครึ่งชั่วโมงและโทรมาหาหนึ่งสายถ้วน ปกติของซันคือไม่ค่อยส่งข้อความมาซ้ำหรือโทรจิก ปกติมันเป็นฉันเองไงที่ทั้งโทรจิกและส่งข้อความถี่ๆ เพื่อบังคับเขา แต่รอบนี้ฉันข้อความช่วยเหลือแบบไม่บังคับเขาด้วย ยังไงก็ลองโทรกลับก็แล้วกัน มีเรื่องจะคุยก็คือเรื่องนี้ไง ไม่มีอย่างอื่นเพราะฉันเองก็ไม่รู้จะคุยอะไรกับฉัน มันตะขิดตะขวงใจแปลกๆ
“ฮัลโหล”
(“โทรหาพี่ซันเหรอคะ”)
“!”
(“รอแปบหนึ่งนะคะ พี่ซันเข้าห้องน้ำอยู่น่ะค่ะ”) เสียงปลายสายไม่ใช่คนที่ฉันต้องการได้ยิน หากแต่ว่ากลับเป็นเสียงของผู้หญิงที่คนเป็นหนึ่งในสต็อกที่ซันหว่านเสน่ห์ใส่สินะ ฉันถึงกับกัดผนังในปากจนเจ็บหนึบ มือกำโทรศัพท์แน่นจนแทบจะแตกคามือ (“พี่ซันคะ มีคนโทรมาค่ะ”)
“...”
(“เธอโทรมามีอะไร”) น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยถาม จนฉันหลับตาลงสูดลมหายใจเข้าเพื่อระงับอารมณ์ของตัวเอง
“นายโทรมาหา ฉันก็เลยโทรกลับว่านายมีอะไร”
(“เธอส่งข้อความมาบอกว่ารถเสีย ไม่อ่านข้อความ ฉันก็เลยโทร ตอนนี้ใครไปช่วยหรือยัง?”)
“ถ้ายังป่านนี้ฉันคงโดนลากเข้าข้างทาง ไม่ได้มานั่งโทรหานายหรอกซัน” อดไม่ได้ที่จะไม่ประชดประชันเขา ที่ไม่ยอมมาคงเพราะกำลังอยู่กับผู้หญิงอื่นสินะ “แค่นี้นะ ไม่อยากรบกวนเวลาส่วนตัว”
(“เดี๋ยว แล้วให้ใครไปช่วย”)
“รุ่นน้องที่คณะ”
(“...”) ซันเงียบ
“น้องกับฉันไปกินข้าวด้วยกัน ก็เลยโทรให้น้องมาช่วย” ฉันไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรเยอะหรอกนะ “เอาเป็นว่าถ้าฉันเดือดร้อนหรือมีปัญหาอะไร คงไม่ต้องพึ่งพานายให้นายหงุดหงิดใจเล่นอีกแล้วล่ะ”
พูดจบฉันก็วางสายโยนมือถือไปให้ไกลจากความหงุดหงิดของตัวเอง ฉันจะช่างทุกอย่างแล้วจริงๆ ฉันเองก็เหนื่อยเหมือนกันที่จะต้องทำให้ซันรับรู้เรื่องความรู้สึกของฉัน อย่างที่สองบอกปล่อยให้เขาโง่ต่อไปเหอะ อย่างที่เฮียไนท์บอกถ้าคิดว่ากำลังจะเสียฉันไปเขาอาจจะคิดได้หรือไม่ได้เลยก็ได้มั้ง
[50%]
*---------------------------------------------*