พอซันพูดมาซะขนาดนี้ ฉันก็ทำได้เพียงลุกขึ้นหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายข้าง เดินออกจากร้านทันทีจนซันโวยวายตามหลัง คิดว่าเขาคงจะตามมาสุดท้ายรอบนี้ซันไม่ได้ตามมา เขาจะปล่อยให้ฉันกลับแบบนี้จริงๆ ใช่ไหม?
อาจจะดูงี่เง่า แต่ฉันหึงเขา หวงเขาแทบบ้าอะ ฉันผิดเหรอที่รู้สึกแบบนั้นแต่ซันไม่เคยรับรู้ แถมยังย้ำว่าเป็นแค่เพื่อน โอเค ใครรู้สึกก่อนคนนั้นแพ้ ฉันยังไม่ยอมแพ้นี่นา อยากทำให้ซันเข้าใจและถ้าถึงตอนนั้นเขาไม่ได้คิดกับฉันเกินกว่านั้น ฉันจะยอมกลับมาซับน้ำตาเอง
“แป้ง”
“ฉลาม” โคตรซวย! ทำไมฉันต้องมาซวยเพราะเจอกับฉลามด้วยเนี่ย หมอนี่ก็ตามตื้อฉันไม่เลิกจริงๆ
“มาด้วยกันหน่อยสิ ฉันอยากคุยกับเธอ”
หมับ
“ปะ ปล่อยนะฉลาม!”
เขาคว้าข้อมือฉันและกระชากลากถูฉัน ผลักประตูบันไดฉุกเฉินที่เงียบสงบและค่อนข้างทึบเนื่องจากมีเพียงบานหน้าต่างเล็กๆ ให้แสงสว่างอยู่ ฉลามเอาท่อนแขนกักกันไม่ให้ฉันขยับหนีไปไหน ยิ่งตอนนี้ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้ามาใกล้จำต้องเอามือยันแผงอกเขาให้ออกห่าง
“ขอถามเหตุผลหน่อยได้ปะ”
“อะไร?”
“ฉันตามตื้อเธอมาหนึ่งปี เธอไม่สนใจฉัน ทั้งที่ผู้หญิงมากมายต้องการฉัน มันหมายความว่ายังไง?”
“ไม่หมายความว่ายังไง ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ”
“หรือจริงๆ แล้วที่เธอไม่ชอบฉัน ในใจของเธอมีใครบางคนอยู่แป้ง” นิ้วชี้จิ้มลงบนตำแหน่งอกซ้ายฉัน เสื้อนักศึกษาตัวเล็กจิ๋วกระดุมแทบปริแตกอันเนื่องจากหน้าอกที่ใหญ่เกินตัวมันชนกับเขาแผงอกของฉลาม “ไอ้เหี้ยคนนั้นมันเป็นใคร?”
“นายอย่ามามัว ฉันไม่สนใจนายใช่ว่าฉันจะมีใครในใจ”
“โกหก” ฉลามบีบปลายคางฉันให้หันมาจ้องตากับเขา “เธอกำลังโกหกฉัน เพราะถ้ามันจริง เธอจะสบตากับฉันตรงๆ แต่นี่.. เธอพยายามหลบตาฉันเพราะเธอรู้ไง ว่าคำตอบในใจกับที่พูดออกมา มันไม่เหมือนกัน”
“เกี่ยวอะไรกับนายด้วย เลิกยุ่งกับฉันสักที นายควรไปยุ่งกับคนอื่น”
“แล้วทำไมฉันจะยุ่งกับเธอไม่ได้ ในเมื่อเธอไม่ได้มีใครเป็นตัวเป็นตน” ลมหายใจอุ่นร้อนรดรินบนกลีบปากฉัน รับรู้ถึงกลิ่นขมของบุหรี่ “อย่าให้ฉันต้องหมดความอดทนนะแป้ง ฉันทำได้ทุกอย่างโดยที่เธอก็รู้ผลลัพธ์ของมันดี”
“นายกำลังขู่ฉัน”
“หึ ฉันไม่ได้ขู่ ฉันแค่อธิบาย” อธิบายบ้าอะไรแบบนี้! มันคือการข่มขู่ชัดๆ “อย่าคิดว่าไอ้ซันมันจะปกป้องเธอได้ตลอดนะ ฉันไม่สนหรอกว่ามันจะเป็นเพื่อนของเธอ ถ้ามาขัดขวางฉันก็ไม่ปล่อยมันเอาไว้แน่”
“อย่าคิดจะทำอะไรซัน” พอเขาเอาซันมาอ้างฉันก็ของขึ้นทันที “ซันไม่เกี่ยว เขาปกป้องฉันเพราะเขาเป็นห่วง”
“ฐานะเพื่อน?”
“ใช่น่ะสิ” ดูเหมือนฉลามจะไม่เชื่อสักเท่าไหร่ เขาหรี่สายตามองฉัน ไม่ได้นะความลับที่เก็บเอาไว้ห้ามให้ใครรู้เด็ดขาด เพราะมีแค่คนสองคนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ก็คือสองกับเฮียไนท์ เพราะเขาทั้งสองเป็นคนที่ฉันไว้ใจมากที่สุดถึงได้กล้าบอกว่ารู้สึกยังไงกับซัน “รู้เรื่องที่อยากรู้แล้วใช่ไหม ปล่อยฉันไปสักที”
“คิดว่าฉันจะปล่อยเธอไปง่ายๆ เหรอแป้ง”
พลั่ก
“แล้วคิดว่าฉันจะให้นายจับหรือไง ฝันไปก่อนเถอะ” ผลักร่างสูงจนเซไปกระแทกกับขอบบันได ฉันก็รีบวิ่งหนีเขาออกจากประตูฉุกเฉินเพื่อหนีฉลามออกมายังหน้าห้างสรรพสินค้า ระหว่างนั้นก็เดินไปเรื่อยเปื่อยราวกับคนไร้จุดหมายปลายทาง ตราบใดที่ฉันเต็มที่กับความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับซันแล้ว ก็ไม่มีอไรให้ต้องเสียดายหรือเสียใจแน่นอน เพราะตัวของฉันมั่นใจแล้วว่าซันคือคนที่ใช่ของฉัน ยกเว้นก็แต่สำหรับซัน ฉันจะไม่ใช่ก็เท่านั้น
“พี่แป้ง” เสียงเรียกทำให้ฉันหันกลับไปมองก็ต้องพบกับร่างสูงใหญ่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนถึงข้อศอก ใบหน้าหล่อเหลาแลดูเกลี้ยงเกลา กำลังฉีกยิ้มกว้างให้เมื่อมาหยุดตรงหน้า ทรงผมที่ตัดโดยไถข้างและด้านหลังเพื่อไว้ด้านบนสำหรับเสยขึ้น รอยสักตรงหลังมือขวาที่คุ้นตาทำให้ฉันขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“นายเป็นใคร?”
“พี่จำผมไม่ได้เหรอครับ”
“ถ้าได้จะถามไหมล่ะ”
“ผมอิฐไงครับ รุ่นน้องพี่คณะนิเทศฯ สาขาศิลปะการแสดง” พอเขาแนะนำตัวฉันก็นึกไปถึงใบหน้าหล่อๆ แบบนี้ ถ้าจำไม่ผิดเขาเคยมาทักทายฉันตอนอยู่ปีหนึ่งเพราะดันจับพี่รหัสได้คือฉันคนนี้
“อ๋อ จำได้แล้ว”
“คิดว่าพี่จะลืมผมซะอีก”
“โทษทีนะ พอดีพี่ลืมหน้าคนง่ายมาก”
“พี่จะไปไหนเหรอครับ แล้วพี่เพนนีกับพี่ลูกกวาดไม่มาด้วยเหรอ?”
“เปล่าหรอก กำลังจะกลับน่ะ”
“ให้ผมไปส่งไหมครับ” คำถามแรกเลยคือรุ่นน้องคนนี้โด่งดังในคณะของเราอย่างมาก เพราะเขาได้ไปถ่ายแบบโฆษณาดังด้วยนะ แต่เพราะแม่ของเขาอยากให้เรียนก่อนก็เลยไม่ได้รับงานด้านนี้ รู้แค่ว่าแม่ของเขาอยู่เบื้องหลังวงการบันเทิงยักษ์ใหญ่ “หมายถึงว่าถ้าพี่ต้องการนะ ผมแค่เสนอ”
“เอางั้นก็ได้ ช่วยไปส่งพี่ที่คอนโดเพนนีก็แล้วกัน”
“ยินดีเลยครับ”
ฉันเดินเคียงคู่ไปกับอิฐที่พูดจาน้อยอกน้อยใจว่าลืมน้องรหัสคนนี้ไปได้ยังไง เอาจริงปะ ฉันน่ะก็จำไม่ได้จริงๆ ไง เราเรียนคณะเดียวกันก็จริงแต่คนละสาขาการจะเจอกันมันก็ไม่ได้เจอกันได้ง่ายขนาดนั้นอะ อิฐขับรถสปอร์ต BWM สีดำเงาราคาแพงหูฉีก ขับพาฉันไปส่งที่คอนโดเพนนีแทน อันที่จริงฉันไม่ค่อยอยากให้คนที่ไม่รู้จักไปส่งที่บ้านสักเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจอิฐนะ เขาดูเป็นเด็กที่น่ารักมากๆ แล้วก็คุยเก่ง แค่ไม่อยากผูกพันกันก็เท่านั้นถ้าหากเขาคิดกับฉันมากเกินกว่าพี่รหัสที่ควรเคารพนับถืออะนะ
“ขอบใจนะที่มาส่ง”
“ผมดีใจนะครับที่ได้เจอกับพี่แป้ง” เขาเรียกรั้งฉันไว้พลางระบายยิ้มอ่อนโยนราวกับเขินอาย “คือผมคุยกับพี่ได้ตลอดไหมครับ”
“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”
“พี่พูดเองนะ” ฉันพยักหน้ารับ อิฐก็ยกยิ้มมุมปากพลางจ้องหน้าฉันนิ่งๆ “ผมถือว่าพี่อนุญาตผมแล้ว”
“อืม”
“แล้วเจอกันนะครับ”
อิฐโบกมือให้ฉันก่อนจะลงจากรถและมองท้ายรถที่ขับเคลื่อนออกไปไกล ฉันไม่ได้คิดตะขิดตะขวงใจอะไรกับคำพูดของเขาหรอกนะ อันที่จริงน้อยมากที่จะมีผู้ชายมาขออนุญาตทำความรู้จักหรือพูดคุยด้วย ปกติจะมาแบบฉลามเลยที่แบบพุ่งชนไม่สนใจใดๆ ถึงได้บอกไงว่าเขาขอมาแบบนี้ ฉันจะปฏิเสธได้ยังไงกัน อีกอย่างเขาเป็นรุ่นน้องที่ตอนเจอกันเขาก็นิสัยดี น่ารักมากและที่สำคัญสุภาพมาก หาจากที่ไหนได้ล่ะฉันเพิ่งจะเจอกับฉลามบทห่าม ดิบเถื่อน มาเจออิฐที่อ่อนโยนขนาดนี้มีเหรอจะไม่ให้เขาทำความรู้จัก
“อ้าว ทำไมมาหาฉันที่ห้องเลยอะ ไหนบอกจะให้ไปรับที่บ้าน”
“ไม่มีอะไร”
“มีแน่นอน สีหน้าแกบอก ทะเลาะกับซันมาอีกหรือไง?” ฉันไม่ตอบอะไรเพนนีกลับเดินสวนเพื่อนเข้ามาในห้องสุดหรูของคอนโดริมน้ำสายสำคัญ ฉันทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตวัดขาไขว่ห้างและมองวิวตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์
“หมอนั่นน่ะงี่เง่า”
“ปกติปะ”
“ใช่ฉันรู้ แต่...” อึดอัดอยากจะบอกเพื่อนให้รู้แล้วรู้รอด แต่มันก็ยังไม่กล้าพอที่จะเล่าออกไป “ช่างเถอะ ฉันมีชุดที่ห้องแก เดี๋ยวอาบน้ำแต่งตัวไปผับเฮียไนท์พร้อมกันเลย ลูกกวาดล่ะ?”
“แกคิดว่าลูกกวาดจะไปเหรอ ป่านนี้คงนั่งทำสมาธิที่บ้านอยู่แน่ๆ โทรไปหาบอกว่าเดี๋ยวโทรกลับ ได้ยินเสียงเปิดเพลงธรรมมะดังเข้ามาในโสตประสาท”
“ยัยนั่นน่ะน่ารักเป็นบ้า”
“จริง เห็นแล้วอยากฟัด ไม่รู้คบกับพวกเราได้ยังไง”
“ก็คบได้มาถึงสี่ปี ถึงจะแตกต่างก็ใช่ว่าจะไปด้วยกันไม่ได้นี่นา” ฉันส่งยิ้มให้กับเพนนีที่ยืนหยิบชายามบ่ายแก่ เพื่อเตรียมตัวไปผับดื่มเพื่อลืมทุกอย่างไปให้หมด ลืมเรื่องวันนี้ด้วยที่ซันทำเจ้าชู้กับผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าฉัน อีกอย่างไม่คิดจะโทรหรือตามด้วย คงจะโกรธฉันจริงๆ มั้ง ก็ช่างดิ ถึงเวลาที่เขาควรตามฉันบ้างเพราะฉันตามเขามาตลอดหลายปี ในแบบที่เขาไม่เคยจะรู้ตัวอะไรเลยอะนะ
“แล้วไงแก เห็นดีใจซันมารับไปกินข้าว ไหงทำหน้าบูดขนาดนี้อะ?” เพนนีจิบชาพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสงสัย ก่อนจะเดินมานั่งข้างๆ ฉันและวางแก้วชาลงบนโต๊ะกระจก
“ไม่มีอะไร หมอนั่นแค่ทำเรื่องที่ทำให้ฉันหงุดหงิด”
“เอาจริงปะ ถ้าไม่ติดว่าฉันรู้ว่าแกกับซันเป็นเพื่อนรักกัน คงคิดว่าแกสองคนเป็นผัวเมียกันแน่ๆ”
“ทำไม?”
“ดูดิ แกงอนหมอนั่นเหมือนงอนผัวอะ แถมหมอนั่นก็ต้องมาง้อแก มันแบบให้ความรู้สึกเหมือนผัวเมียมากกว่าเพื่อน” ขนาดเพนนีเองยังคิดแบบนั้นใช่ปะ สำหรับซันเหรอ ไม่เลยสักนิดเขาก็จะคิดว่าเป็นเพราะห่วงฉัน เป็นเพื่อนรักกันชนิดที่ว่าตามใจฉันทุกอย่าง ไม่ว่าฉันจะพูดหรือสั่งอะไร เขาก็ทำให้ได้หมดทุกอย่าง ยกเว้นก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว โอเค ตรงนี้ฉันไม่ควรไปยุ่ง แต่อย่างน้อยช่วยทำมันลับหลังฉันได้ไหมล่ะ ทำต่อหน้ากันวันนี้ คนที่ชอบเขาอย่างฉันเห็น... มันเจ็บนะ เขาน่ะไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไอ้บ้า! เจ้าโง่เต่าตุ่น “ไหนๆ แกสองคนก็โสด ทำไมไม่ตกลงคบกันไปเลย”
“จะบ้าหรือไง เพื่อนกัน” ถึงจะแอบใจเต้นแรงที่เพนนีพูดแบบนี้ ก็ต้องคีฟลุคว่าเป็นไปไม่ได้ก่อนปะ เกิดความลับแตกขึ้นมาจะซวยเอา “สัญญากันไว้แล้ว”
“ก็แค่คำสัญญา คิดว่ามันจะไม่มีวันเปลี่ยนเหรอ?”
“...” ฉันขมวดคิ้วสบตากับเพนนีที่ยักไหล่ไหว
“ดูอย่างฉันดิ ไอ้เวรตะไลแฟนเก่าสัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันไปตลอด สุดท้ายเป็นไงมันก็ทิ้งฉันไป ตอแหลว่าเข้ากันไม่ได้ จริงๆ แล้วมันชั่วไปคบกับอีตัวคนใหม่” ทั้งที่เพื่อนฉันสวยแซ่บขนาดนี้ ยังโดนนอกใจเลย เฮ้อ ดีนะที่เพนนีโคตรจะเข้มแข็ง “คำสัญญามันก็เป็นเพียงแค่คำพูด ลมปากของคนๆ หนึ่งก็เท่านั้น”
“ยกเว้นซัน” ฉันดักคอเพื่อนที่เลิกคิ้วขึ้น “หมอนั่นจริงจังกับคำสัญญามาก”
“จริงเหรอ?”
“บอกว่าจะดูแลฉันไปตลอดจนกว่าจะหาผัวได้ เขาก็ทำ”
“อือ”
“บอกจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป เขาก็ทำมัน” ทั้งที่ฉันไม่เคยอยากได้มันด้วยซ้ำ “ซันเป็นผู้ชายที่ซื่อตรงกับคำพูดของตัวเองมากๆ แกไม่เห็นเหรอเขาทำทุกอย่างให้ฉัน ก็เพราะคำสัญญาเมื่อหลายปีก่อน”
“...”
“อาจดูเหมือนโง่นะที่รักษาคำพูดของตัวเองแบบนั้น แต่มันก็ดูเป็นเขาดี” ฉันพูดพลางอมยิ้ม “หมอนั่นนะถึงจะซื่อบื้อและโง่เป็นบางเรื่อง มันก็ดูน่ารักดีนะ”
“น่ารัก?”
“เอ่อ หมายถึงดูน่ารักที่เป็นผู้ชายรักษาคำสัญญาไง”
“แปลกแหะ แกชมซันให้ฉันฟังแบบดูหน้าตาปลื้มปริ่ม” เพนนีขมวดคิ้วมองฉันที่กลบเกลื่อนด้วยเสียงหัวเราะ ที่ฟังก็ดูรู้ว่าหัวเราะได้ตอแหลมากตัวฉัน
“ฮ่าๆ ก็ชมเพื่อนไง ไม่เห็นจะแปลก”
“เหรอ”
“ฉันว่าเตรียมตัวสวยไปดื่มกันดีกว่า ไม่ได้ดื่มนานแล้วด้วย”
พูดจบฉันก็ลุกขึ้นเดินเข้าห้องเพนนีเพื่อไปเปิดตู้เสื้อผ้าหาชุดที่ตัวเองต้องการ อยากจะบ้า ฉันหลุดอะไรออกไปหรือเปล่านะเพนนีถึงได้มองหน้าฉันแบบนั้น แต่ก็นะหมอนั่นมันน่ารักจริงๆ นี่นา ถึงจะโง่มากก็เถอะ เขาก็น่ารักสำหรับฉันอยู่ดี แต่ก็น่าตบในเวลาเดียวกันด้วย จนถึงตอนนี้ยังไม่ติดต่อหาฉันเลย เหอะ คอยดูนะวันนี้ฉันจะไปเมาให้ลืมเขาไปเลย
*--------------------------------------------*