Secret to be
:: 7 ::
ก็แค่ทำให้เขาไม่ต้องซื่อสัตย์กับตัวเอง
ชุดเดรสคอวีควานร่องลึกสีดำเป็นแบบกระดุมด้านหน้าที่ถูกปลดตรงช่วงระหว่างอกพอดีทรงบอดึ้คอนรัดรูปแขนสั้น ถูกสวมใส่อยู่บนเรือนร่างที่เพอร์เฟกของฉัน ขณะที่กำลังยืนดัดผมเป็นลอนปล่อยสยายกลางแผ่นหลัง แต่งหน้าโฉบเฉี่ยวและปาดลิปสติกสีชมพูฉ่ำเป็นอันเสร็จเรียบร้อย ส่วนเพนนีก็สวมชุดเดรสเกาะอกซีทรูสีน้ำเงิน ผมสีดำยาวมัดรวบเป็นหางม้าและปล่อยผมที่ตัดสั้นระดับปลายคางแถมยังตัดหน้าม้าให้ความรู้สึกเหมือนสาวญี่ปุ่นในอนิเมะเลยล่ะ
“พร้อมนะ”
“แน่นอน เพื่อนรัก”
ฉันฉีกยิ้มให้กับเพนนีจับมือกันเดินออกจากห้อง เพื่อไปยังผับเฮียไนท์ตอนสามทุ่ม ก่อนหน้านั้นโทรหาลูกกวาดแล้วรายนั้นปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ขอไปด้วย เพราะตอนนี้ได้เวลานอนแล้ว เราสองคนก็เลยต้องมาเที่ยวกับสองคนเท่านั้น อันที่จริงก็ไม่ได้คาดหวังหรอกนะว่าลูกกวาดจะมาด้วย ถ้าเกิดมานั่นเท่ากับว่าฝนถล่มดินทลายแน่นอนที่สาวน้อยแสนใสซื่อเพื่อนรักฉันจะมาเที่ยวผับน่ะ แค่เครื่องดื่มมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ยังไม่กล้าจะดื่มคิดดูนะ
รถมินิคูเปอร์ของเพนนีจอดที่หน้าผับของเฮียไนท์ในเวลาต่อมา ตอนนี้นักท่องเที่ยวกำลังพากันทยอยเข้าไปด้านใน ฉันกับเพนนีก็เลยพากันเข้าไปในผับที่เปิดเพลงเสียงดัง ส่งผลให้นักท่องราตรีที่นั่งดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน โยกย้ายส่ายสะโพกกันไปมาตรงพื้นที่สำหรับให้คนมาเต้นหน้าดีเจที่กำลังเล่นแผ่นเสียงอย่างเมามัน เราสองคนเลือกนั่งโต๊ะใกล้กับเวทีที่ดีเจกำลังเล่นเพลง เป็นดีเจที่หล่อเหลาโด่งดังมากๆ เห็นว่ามีคิวงานแน่นเวอร์ ฉันเคยเห็นตามตารางงานของเขานะ ไม่ใช่อะไรก็ติดตามไอจีของเขาอยู่ จะไม่รู้ได้ยังไงกันล่ะ
“ดราย มาร์ตินี่สองค่ะ”
“เอามาอย่างละสามเลย จะได้ทีเดียว” ฉันสั่งพนักงานให้เอาดราย มาร์ตินี่มาอย่างละสามแก้ว
“แกจะบ้าเหรอ เดี๋ยวก็เมาหรอกมาร์ตินี่มันแรงมากเลยนะ ปกติแกกินแค่แก้วเดียวเอง”
“ก็อยากกินนี่นา แกอย่าห้ามฉันดิ”
“ฉันไม่ได้ห้ามนะแป้ง แต่แกแพ้เหล้าแรงนี่นา แก้วเดียวก็พอ” เพนนีเป็นห่วงฉัน ไม่ใช่ว่าคออ่อนนะ ฉันดื่มเหล้าได้ทุกชนิดเพียงแต่ว่าฉันแพ้เหล้าที่เพียวๆ และแรงก็เท่านั้น ซึ่งดราย มาร์ตินี่เป็นเหล้าเพียวและรสชาติแรงมาก
“ถ้าฉันเมา แกก็หิ้วฉันกลับไง” เพราะเพนนีไม่แพ้เหล้าแรง ฉันแค่อยากดื่มเหล้าแรงๆ เพื่อปลดปล่อยความรู้สึกที่อึดอัดของตัวเองต่างหาก พนักงานสาวมองฉันที่ฉีกยิ้มให้และหมุนตัวไปทำออร์เดอร์เหล้าให้กับเราสองคน
“แกดูไม่อยู่กับตัวเลยนะแป้ง ตั้งแต่ทะเลาะกับซัน”
“หมอนั่นทำอะไรให้แก ทำไมถึงดูแปลกไปแบบนี้อะ”
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่อยากดื่มเหล้าแรงๆ บ้างไง” ก็แค่อยากดื่มให้ลืมแค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น พนักงานกลับมาพร้อมกับดราย มาร์ตินี่ ไม่รีรอที่จะกระดกดื่มรวดเดียวหมดแก้ว เพนนีถึงกับมองฉันที่กระดกแก้วที่สองต่อ คือแบบดื่มปุ๊บร้อนคอปั๊บ รู้สึกร่างกายร้อนรุ่มจนปลดกระดุมเดรสลงอีกหนึ่งเม็ด จนตอนนี้หน้าอกขึ้นเป็นร่องรูปสวยงามล้นทะลักออกมา “ฉันอยากไปเต้นอะเพนนี ไปกัน”
“แกเมาแล้วปะแป้ง”
“เมาที่ไหน ไปเร็ว!” จูงมือเพื่อนออกมายืนเต้นโยกย้ายไปกับเสียงเพลงที่เข้ามาในโสตประสาท ฉันเงยหน้ามองแสงไฟที่สาดส่องลงมาเป็นแบบสีๆ มองเพนนีที่ดูเหมือนจะเป็นห่วงฉัน พอมีหนุ่มเข้ามาทักทายฉันก็โบกมือให้เพื่อนไปนั่งคุยที่โต๊ะ มือขวาถือแก้วดราย มาร์ตินี่แก้วที่สามดื่มจนหมดแก้ว
กระทั่งฉันรับรู้ถึงฝ่ามือหนาที่วางบนเอว จำต้องหันไปมองก็พบว่าเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งที่ยกยิ้มมุมปากพลางกระซิบมายังข้างใบหูอันเนื่องจากเพลงมันเสียงดังเกินกว่าจะได้ยินว่าเขาพูดอะไร
“ถ้าไม่รังเกียจ คุณดื่มมันจากมือผมดีไหม?” ขวดเตกีล่าถูกส่งมาให้ฉันที่รับมาดื่มทันทีโดยไม่คิดจะลังเล สมองของฉันเวลานี้มันค่อนข้างมึนเล็กน้อย แต่ใช่ว่าจะไม่มีสตินะ สติของฉันครบถ้วนเพียงแต่ว่าเหล้าที่ดื่มทำให้ร่างกายร้อนวูบวาบ บั้นท้ายของฉันขยับเสียดสีตรงช่วงท่อนล่างของเขา ขณะที่มือหนาลากไล้ตรงเอวคอดกิ่วและค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาถึงหน้าท้องแบนราบ ยามที่มือหนาลูบไล้มันทำให้ฉันรู้สึกร้อนไปทั้งตัว ยิ่งตอนนี้มือหนากำลังลากขึ้นมาถึงหน้าอกใหญ่โตของฉัน ก็ไม่ได้คิดจะขัดขืนแม้แต่นิด เพราะแววตาคมกำลังสะกดให้ฉันจมดิ่งความมึนเมา
หมับ
“!”
“มึงจะทำอะไร?”
“อะไรของคุณ ผมก็แค่สนุกกับเธอแค่นั้น” ฉันถึงกับผละใบหน้าจากผู้ชายคนนั้นมามองคนตรงหน้าที่คว้ามือหนาของผู้ชายคนนั้นเอาไว้ อีกนิดเดียวก็คือตะปบหน้าอกฉันแล้ว “คุณเป็นใคร”
“กูเป็นพี่ชายเธอ เพราะงั้นมึงอย่าคิดลามปามน้องสาวกู” เฮียไนท์คว้าข้อมือฉันและกระตุกเล็กน้อยร่างก็เซเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาทันที “อย่าสันดานหมาให้มากนะมึง น้องกูเมาใช่ว่าจะยอมให้มึงทำระยำอะไรก็ได้”
“เฮีย”
“เฮียจะพาไปพัก มากับใคร?”
“มากับเพนเองค่ะเฮียไนท์” เพนนีเดินมาทักทายเฮียไนท์ “แกเมาแล้ว กลับกันดีกว่า”
“ไม่ๆ ฉันไม่กลับ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเฮียจัดการเอง เพนนั่งดื่มกับหมอนั่นไปเถอะ”
“เอ่อ จะดีเหรอคะแป้งมากับเพน แล้วเพนจะทิ้งเพื่อนไปมันก็ยังไงอยู่”
“เชื่อเฮียสิ”
“ใช่ๆ เพน แกต้องเชื่อเฮียไนท์นะ เฮียน่ะเป็นพี่ชายของฉัน เอิ๊ก!”
“ดื่มดราย มาร์ตินี่ไปสามแก้วค่ะ”
“เตกีล่าจากไอ้เวรนั่นด้วย” เฮียไนท์บ่นกับเพนนีที่มองฉันกำลังโบกมือให้เพื่อน จากนั้นเฮียไนท์ก็ประคองฉันมายังห้องทำงานของเฮียเอง ค่อยๆ ให้ฉันกึ่งนั่งกึ่งนอนบนโซฟาสีดำสุดหรู “รออยู่ที่นี่ เฮียโทรหาไอ้ซันแล้ว”
“ทำไมเฮียต้องโทรหาซันด้วยคะ แป้งจะไปกับใครก็ได้นี่นา”
“ทะเลาะกับมันมาสินะ”
“หมอนั่นมันโง่นี่คะ” ฉันเอามือนวดคลึงตรงระหว่างหัวคิ้ว สบตากับเฮียไนท์ที่ยืนเท้าเอวราวกับรอฟังฉันบ่น “ไม่เคยรู้อะไรเลย ขนาดแป้งแสดงออกก็ยังโง่บรรลัย”
“ก็จับมันรวบหัวรวบหางไปเลยจบๆ ถ้าชอบมันมากขนาดนั้นน่ะ”
“ได้ไงคะ แป้งเป็นผู้หญิงนะ เกิดทำขึ้นมาซันไม่ได้รู้สึกด้วย แป้งไม่เสียตัวฟรีเหรอ?”
“กับคนที่ตัวเองชอบหรือรัก ไม่มีคำว่าเสียดายหรอกแป้ง”
“...”
“มันอยู่ที่ว่าถ้าแป้งยังลังเลอยู่ แสดงว่ามันคงไม่ใช่”
“แป้งไม่ได้ลังเลนะคะ แป้งแค่กลัวมากกว่า” ฉันตอบเฮียไนท์พลางสบตากับเขา “แค่กลัวว่าแป้งจะไม่แม้แต่จะอยู่ในชีวิตของซัน ถ้าหากแป้งบอกเขา”
“เฮียเข้าใจ ว่าแป้งกลัวเสียความสัมพันธ์ของคำว่าเพื่อน ถ้าหากไอ้ซันไม่ได้คิดกับแป้งเหมือนที่แป้งคิด”
“ใช่ค่ะ”
“แป้งฟังเฮียนะ” ร่างสูงเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ฉัน จากนั้นก็วางมือลงบนบ่าบีบกระชับราวกับกำลังให้กำลังใจฉัน แหงสิ เฮียไนท์เองก็เป็นคนที่เข้าใจเรื่องพวกนี้ดีที่สุด กว่าเขาจะผ่านปัญหาเรื่องเกี๊ยวได้ก็เล่นเอาหนักพอควร แต่เฮียไนท์ฉลาดไงเขารู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงกับเกี๊ยว แต่สำหรับซันเขาไม่ได้ฉลาดเหมือนเฮียไนท์แถมยังโง่มากๆ ด้วยซ้ำที่มองไม่ออกว่าฉันรู้สึกยังไงกับเขา “ไม่ต้องคิดอะไรให้มันยุ่งยากหรอกนะ แป้งแค่ทำในสิ่งที่แป้งอยากจะทำ อยากกินอะไรก็ได้กิน อยากจะคุยกับใครก็คุยไปเถอะ”
“...”
“แล้วก็ชอบคนที่แป้งชอบ แค่นั้นก็พอแล้ว” ดวงตาของฉันเบิกกว้างขึ้นทันทีที่สบเข้ากับนัยน์ตาคมสีดำสนิทราวกับมหาสมุทรยามค่ำคืน รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาทำให้ฉันถึงกับสร่างเมานิดนึง แค่นิดเดียวเท่านั้นนะ “แล้ววันหนึ่งแป้งจะเด็ดขาดกับเรื่องที่แป้งลังเลมันมาตลอด”
“เฮีย”
“ไม่ว่าแป้งจะคิดหรือทำอะไร ขอแค่แป้งอย่าลังเลมัน แป้งแค่ทำตามที่หัวใจของแป้งเรียกร้องก็พอ อย่าเพิ่งไปคิดถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง แค่แป้งทำให้ไอ้ซันมันรู้ว่าแป้งรู้สึกยังไงก็พอ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดนี่นา”
“เพราะแบบนี้แป้งถึงได้เกลียดคำว่าเพื่อน” ยกมือลูบไล้ใบหน้าตัวเองพลางยิ้มอย่างสมเพชตัวเอง “เฮียรู้ไหม ถ้าเราสองคนไม่เจอกันตอนนั้น มันคงจะดีนะคะ”
“แป้ง”
“แต่ทำยังไงได้ล่ะคะ ก็โชคชะตากำหนดให้เราต้องเป็นเพื่อนกันนี่นา”
“โชคชะตาก็ส่วนหนึ่ง แต่คนที่จะกำหนดมันได้ก็คือ... ตัวของแป้งเอง” นิ้วชี้จิ้มลงมาตำแหน่งอกซ้าย คำพูดของเฮียไนท์ราวกับดึงสติของฉันให้กลับมาได้เลยนะ ฉันท้อแท้และสิ้นหวังกับความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อซัน พอเฮียไนท์บอกว่าตลอดเวลาที่ฉันชอบซัน ฉันลังเลที่จะทำเรื่องที่อยากทำมาตลอด “ไม่ต้องไปสนใจว่าไอ้ซันจะรู้ตัวหรือหายโง่ตอนไหน แป้งแค่ทำในสิ่งที่อยากทำกับมันก็พอ”
“แล้วมันจะดีใช่ไหม?”
“ดีสิ” เฮียไนท์อมยิ้ม “เฮียเชื่อว่าคนเราไม่ได้โง่ตลอดไปหรอก”
“ยกเว้นซันไงคะ”
“มันซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองก็จริง แต่ใช่ว่าแป้งจะทำให้มันไม่ซื่อสัตย์ก็ได้นี่นา”
“...”
[50%]
*-----------------------------------------------------*