บทที่ 10 อันนา

2303 Words
อีกด้านหนึ่ง... -Other- “จริง ๆ แล้ว อันแค่เป็นห่วงน่ะค่ะ เห็นว่าคุณหมอไม่สบาย” ดวงตากลมโตหลุบมองต่ำเมื่อพูดเสร็จ อันนายกมือขึ้นทัดผม เธอเขินอายสายตาคมที่มองมา “ครับ ขอบคุณนะครับ” ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณตามมารยาท เขารู้ว่าเธอผู้นี้กำลังรู้สึกอะไรกับเขา ชายหนุ่มยังไม่อยากปฏิเสธออกไปโดยตรง เพราะว่าเธอกำลังป่วยซึมเศร้า “ว่าแต่ว่าคุณหมอไม่สบายเป็นอะไรเหรอคะ” เตชินท์ชะงักเล็กน้อย เขาลางานไปหนึ่งวันซึ่งตรงกับวันนัดดูอาการของเธอหลังจากรับยา ก็เลยถูกเลื่อนนัดมาวันนี้แทน “กรดไหลย้อนครับ” เขาโกหก เตชินท์แค่รู้สึกไม่ไหวเลยขอนอนพักที่ห้อง มีความกังวลมากมายเมื่ออยู่ ๆ พิ้งค์พลอยก็ไม่โผล่มาให้เขาเห็นเหมือนกับทุกวัน เธอหายไปตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา ชายหนุ่มพล่ามคิดว่าที่เธอหายไปเป็นเพราะกระแสข่าวที่ยังมีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งวันนี้มันกำลังดีขึ้นด้วยฝีมือของเขาเอง “อ้อค่ะ คุณหมอทานยาหรือยังคะ” “ครับ ขอบคุณนะครับ” ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากเล็กน้อย เกิดความลำบากใจขึ้นกับเขา เตชินท์เข้าใจเธอ มีคนตกหลุมรักเขาหลายคนเพียงเพราะเขาเป็นคนหน้าตาดี หากเป็นคนอื่นก็คงพูดโต้ง ๆ ออกไปได้ว่าตนไม่ชอบและไม่อยากให้เข้ามายุ่งเรื่องส่วนตัว แต่สำหรับอันนาเขาต้องมีวิธีพูดที่ดีกว่าถ้อยคำทำร้ายจิตใจเหล่านั้น “หลังจากรับยาไปแล้วหนึ่งอาทิตย์อาการเป็นยังไงบ้างครับ” เตชินท์เปลี่ยนเรื่องคุย เข้าก้มมองแบบสอบถามที่ให้ผู้ป่วยกรอก เธอยิ้มรับคำถามของเขา “จะว่าดีขึ้นก็ได้นะคะ ฉันนอนหลับและก็กินได้เยอะ อันนี้ไม่รู้ว่าเพราะยาหรือเพราะอาหารอร่อย” เตชินท์ยิ้มรับคำตอบของเธอ เขาเงยหน้ามองใบหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่นี้ “แสดงว่ายาได้ผลดีนะครับ เดี๋ยวผมจะจ่ายยาตัวนี้ให้เหมือนเดิมนะครับ” “ค่ะ...ขอบคุณนะคะคุณหมอ” “อีกสองอาทิตย์ผมจะนัดอีกทีนะครับ เป็นวันที่เก้า สะดวกไหมครับ” “อีกสองอาทิตย์เลยเหรอคะ” “ครับ ติดตามอาการอีกที ถ้าให้ผลดีอาจจะลดยาลงครับ ยาค่อนข้างมีผลข้างเคียงเยอะน่ะครับ” “แล้วถ้าจะมาหาคุณหมอก่อนได้ไหมคะ...” “อะไรนะครับ” “หมายถึงมาในฐานะ เอ่อ...ไม่ใช่คนไข้” ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากด้วยความชั่งใจ ก่อนที่เขาจะพยักหน้าให้กับเธอ “ครับ ได้ครับ แต่ผมอาจจะไม่ว่างสักเท่าไร ช่วงนี้งานเยอะน่ะครับ” “เหรอคะ งั้น...ฉัน เอ่อ ขอเบอร์ติดต่อเผื่อได้โทรมาถามว่าคุณหมอว่างหรือเปล่าได้ไหมคะ จะได้ไม่รบกวนคุณหมอด้วย” เตชินท์ยกยิ้มให้กับเธอ เขารู้ว่าเธอหมายถึงอะไร “เดี๋ยวคุณอันนาโทรถามผ่านพยาบาลได้เลยครับ ตารางงานผมอยู่กับเธอ ภาพฟ้าน่าจะให้คำตอบได้ดีกว่าผม” หญิงสาวหน้าเศร้าหมองทันที เขาพูดอย่างนี้ก็รู้แล้วว่าคุณหมอหนุ่มตรงหน้าพยายามปฏิเสธเธอมากแค่ไหน "ขอบคุณนะคะ..." แต่เพื่อไม่ให้เขารำคาญมากเกินไป หญิงสาวรีบตอบรับทันที “งั้นฉันไปรับยาก่อนนะคะ” “เชิญครับ” เตชินท์ผายมือให้กับคนไข้สาว ก่อนที่เขาจะเอนตัวลงพิงพนักพิงเก้าอี้ ช่วงนี้ชีวิตของเขาช่างไร้สีสัน ไร้ที่ยึดเหนี่ยวราวกับกำลังใช้ชีวิตไปวัน ๆ บิดาของเขาท่านก็มีครอบครัวดี น้องสาวคนละแม่ของเขากำลังเรียนหนังสืออย่างหนัก เช่นเดียวกับแม่เลี้ยงของเขา ทุกคนมีความสุขดีไม่มีอะไรน่าห่วง คงมีแค่คนไข้หลายคนที่เขากำลังดูแลอยู่กระมังที่ทำให้เขาตื่นนอนในทุกวัน ชายหนุ่มไม่รู้ว่าที่พิ้งค์พลอยหายไปตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เธอหายไปเพราะกระแสข่าว หรือหายไปเพราะกลัวเขากันแน่ หากเป็นอันหลัง...เธอคงกลัวเขาไปแล้ว ขณะเดียวกันร่างบางที่นั่งอยู่กับภาพฟ้าเรียกสายตาของอันนาให้หันไปสนใจ เธอผู้นี้มาที่นี่อีกแล้ว แม้ว่าคุณหมอหนุ่มจะไม่ได้บอกว่ากำลังคบกับดาราสาว แต่เธอมาหาเขาบ่อยเช่นนี้ มันไม่ดีแน่ “อ้าว เรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะคุณอันนา...” ภาพฟ้าที่เห็นคนไข้สาวเดินออกมาจากห้องตรวจ เธอก็ลุกพรวดขึ้นทันที “ค่ะ ว่าแต่นั่นใช่คุณพิ้งค์พลอยไหมคะ” “อ้อ ใช่ค่ะ” “ฉันขอไปทักทายได้ไหมคะ พอดีเป็นแฟนคลับของเธอน่ะค่ะ” อันนามองเห็นว่าพิ้งค์พลอยกำลังจะลุกขึ้นไปเปิดประตูห้องตรวจราวกับว่าจะเข้าไปหาคุณหมอหนุ่ม เธอจึงรีบเอ่ยถามภาพฟ้า “อ้อ...คุณพิ้งค์พลอยคะ คุณอันนาเป็นแฟนคลับคุณน่ะค่ะ” พิ้งค์พลอยชะงักฝ่ามือไว้ เธอกำลังจะผลักประตูเข้าไปแต่ก็ต้องหันกลับมาสนใจเสียงเรียกของพยาบาลสาว “อ้อ...สวัสดีค่ะ” หญิงสาวเดินเข้าไปร่วมบทสนทนา เธอยิ้มให้กับอันนาด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจฉบับดาราสาวทรงเสน่ห์ “ตัวจริงคุณสวยกว่าในทีวีอีกนะคะ” “ขอบคุณนะคะ จริง ๆ ก็รู้ตัวอยู่แต่พอโดนชมแบบนี้ก็เขินเหมือนกันนะคะ แฮะ ๆ แต่คุณก็สวยมากเลย นึกว่าดาราที่ไหน” อันนายิ้มรับคำพูดของดาราสาว พิ้งค์พลอยสดใสร่าเริง เธออยากสดใสได้เหมือนกับเธอผู้นี้ แต่โรคที่เป็นอยู่กลับทำให้เธอเศร้าหมองตลอด “ขอบคุณนะคะ ฉันดูละครของคุณแล้วอาการซึมเศร้าของฉันดีขึ้นมาก ๆ เลยค่ะ ชอบละครที่คุณเล่นนะคะ” “จริงเหรอคะ ว้าว...ไม่คิดว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้ ยินดีนะคะ ฉันจะตั้งใจทำงานค่ะ” พิ้งค์พลอยยิ้มกว้าง เธอบิดตัวไปมาด้วยความเขินอาย ไม่คิดว่าละครที่เล่นจะสามารถบำบัดจิตใจผู้ป่วยได้ “ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ หรือว่าคุณรีบ...” “อ้อ ได้ค่ะ” อันนาหยิบโทรศัพท์ออกมากดชัตเตอร์ถ่ายรูปเซลฟี่กับดาราสาว “ขอบคุณนะคะ...ฉันขอตัวก่อนนะคะ” พิ้งค์พลอยฉีกยิ้ม ก่อนที่เธอจะหันกลับไปคว้าลูกบิดประตู ทว่า “ช่วงนี้คุณหมอไม่ค่อยสบายเหรอคะ ฉันเห็นเขาบอกว่าจะของีบสักหน่อย” พิ้งค์พลอยชะงักมืออีกครั้ง เธอหันไปมองอันนาที่กำลังคุยกับภาพฟ้า “อ้อ คุณหมอเพิ่งลาป่วยไปเมื่อวานน่ะค่ะ สงสัยคงอยากพัก” คำพูดตอบกลับของภาพฟ้าทำให้พิ้งค์พลอยตัดสินใจไม่เปิดประตูเข้าไป เธอเกรงว่าเจ้าของห้องอาจจะกำลังนอนอยู่ “อ้อ เขาควรพักผ่อนหน่อยนะคะ” “ค่ะ...ฉันก็คิดว่างั้น” ภาพฟ้ายิ้มให้กับคนไข้สาว เธอรู้สึกได้ว่าอันนากำลังคิดอะไรกับคุณหมอของเธอ แต่ก็รับรู้ว่าคุณหมอหนุ่มคงมีทางออกของเขา “ยังไงคุณอันนาเชิญไปรอรับยาได้ที่ห้องจ่ายยาได้เลยนะคะ” “โอเคค่ะ ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวค้อมศีรษะให้กับพยาบาลสาว ก่อนจะเดินจากไปโดยไม่ลืมที่จะหันไปมองแผ่นหลังของพิ้งค์พลอยที่ออกตัวเดินจากไปแล้ว เธอยกยิ้มมุมปากบาง ๆ เมื่อเห็นว่าพิ้งค์พลอยหลงกลเธอเสียแล้ว... เวลาต่อมา... -พิ้งค์พลอย- จะว่าไปแล้วฉันไม่ได้กดเปิดคอมพิวเตอร์แบบนี้นานแค่ไหนกันนะ ตอนนี้ฉันเข้ามาใช้คอมพิวเตอร์ที่ห้องของลูกพี่ลูกน้องฉัน ซึ่งเป็นลูกคุณอา นานทีปีหนลูกของคุณอาจะกลับจากต่างประเทศ เราไม่ค่อยได้เจอกันหรอกแม้ว่าจะอยู่บ้านหลังเดียวกัน ฉันอยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับพี่เตชินท์ เพื่อจะได้เข้าใจเขาให้ได้มากที่สุด วันนี้ก็เลยอยากให้เขาพักผ่อนหลังจากที่ได้ยินว่าเขาไม่สบาย และคิดว่าเดี๋ยวตอนเย็นฉันจะไปหาเขาที่ห้องอีกที อยากปรึกษาเพื่อนของตัวเองมาก ๆ เรื่องพี่เตชินท์ เรื่องที่เขาป่วยฉันรู้ว่าไม่ควรนำไปพูดที่ไหน แต่เรื่องที่ฉันอยากปรึกษาคือเรื่องเซ็กซ์ของเขาต่างหาก ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องนี้สำคัญกับชีวิตคู่ ฉันไม่คิดจะทิ้งเขาแม้ว่าเขาจะป่วย แต่ฉันจะอยู่กับเขายังไงให้เข้าใจที่สุด มันยากก็ตรงนี้แหละ ตื๊ดด~ “ติดแล้วแฮะ...” ฉันยิ้มรับหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่กำลังโชว์หน้าจออยู่ ซึ่งฉันไม่อยากค้นในโทรศัพท์เพราะมันเล็กไปยังไงล่ะ “ซาดิสม์ เป็นยังไง” ฉันพิมพ์ข้อความลงเข้าไปในช่องค้นหาผ่านเว็บไซต์กูเกิ้ล ก่อนจะมีเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องเด้งขึ้นมาเต็มไปหมด รวมถึงรูปภาพต่าง ๆ ให้ตายเถอะ...ฉันกดปิดแทบไม่ทัน ใจของฉันเต้นระรัว ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาพร้อมกับหันกลับไปเปิดอ่านข้อความต่าง ๆ นานาอีกครั้ง “อึก...รุนแรง เจ็บ ถ้าชอบก็จะไม่เจ็บแถมยังเสียวอีกต่างหาก” “คนที่ชอบอะไรแบบนี้เป็นพวกวิปริต ไม่เข้าใจว่าชอบได้ยังไง” “บ้าน่า ยังมีพวกบ้าที่ทำอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ” “คนที่รับได้ก็บ้าพอ ๆ กัน” “แค่คุณเข้ามาอ่านข้อความพวกนี้ ก็แปลว่าคุณสนใจแล้ว! แถมยังมาแสดงความคิดเห็นอีก บอกได้เลยว่าคุณก็อยากโดน!” ฉันอ่านข้อความที่มีคนมาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมากนี้ด้วยใจที่กระหน่ำเต้นแรง ก่อนจะกดเปิดเว็บอื่น ๆ เพื่อไล่สายตาอ่านอีก “กลุ่มคนที่มีพฤติกรรมซาดิสม์ เป็นกลุ่มคนที่มักใช้กำลัง ใช้ความรุนแรงในแบบที่คนทั่วไปไม่ทำกัน ซึ่งพฤติกรรมซาดิสม์ส่วนใหญ่เกิดจากการก่อตัวของ ‘ปมด้อย’ หรือการเก็บกด อาจจะเกิดจากการที่เคยถูกทำร้ายร่างกายมาตั้งแต่เด็ก ถูกดุบังคับด้วยการทุบตี แรงกดดันทำให้เขาทนไม่ไหวจนเกิดการปลดปล่อยออกมาในรูปแบบของความรุนแรง...” ฉันเม้มริมฝีปากไปด้วยระหว่างที่อ่านบทความตามเว็บไซต์ ความกังวลต่าง ๆ นานาทำให้ฉันกดปิดหน้าต่างเว็บไซต์นี้ไป พฤติกรรมของเขาไม่ใช่แค่การกระทำแต่เป็นคำพูดด้วย ตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่เตชินท์พูดจาแรง ๆ ใส่ฉัน แน่นอนว่าตอนนี้ฉันเข้าใจเขาแล้ว แต่... “เฮ้อ...” ฉันข่มเปลือกตาปิดลง ไม่มั่นใจว่าเรื่องมันจะเป็นยังไงต่อ ฉันรู้สึกสับสนและไม่กล้า กลัวไปเสียหมดทุกอย่าง และก็ไม่มั่นใจว่าถ้าฉันพยายามแล้วเขาจะไม่ผลักไส ฉันเอนตัวลงพิงพนักพิงด้วยความสับสน ทว่า ครืด ครืดด~ เสียงโทรศัพท์ของฉันกลับดังขึ้น แต่พอคว้ามันมาดูใจของฉันก็หล่นตุบลงพื้น รีบกดปิดคอมพิวเตอร์ด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะกดรับสายในทันที ติ๊ด! “ว่าไง วินท์...” ฉันกรอกเสียงใส่โทรศัพท์เมื่อคนที่โทรมาคือพาวินท์ ลูกชายของคุณอา ที่เป็นเจ้าของคอมฯเครื่องนี้ [ไม่ว่าไงอ่ะ พี่เป็นซาดิสม์เหรอ] “อะไรนะ! ทำไมนายรู้ ทำไม นะ…นายรู้ ไม่ใช่ ฉันหมายถึงทำไมนายถามพี่แบบนี้” ฉันว่าเสียงตะกุกตะกัก ใจก็สั่นราวกับว่าทำอะไรผิดมาแล้วพ่อแม่จับได้ยังไงยังงั้น ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลย [หึ พี่แอบใช้คอมฯ ผมใช่ไหม การค้นหามันถึงมีประวัติค้นอะไรแบบนี้...] “อะไรนะ!” [หึ...ผมว่าแล้วไง มันแปลก ๆ ผมไม่เคยค้นอะไรแบบนี้นะ] “วินท์ นะ นายอย่าบอกใครนะ” [หืม ไม่บอกหรอกแต่พี่โอนเงินมาให้หน่อยสิ] “ว่าแล้วไง…เออ ๆ เดี๋ยวโอนให้] [ล้านนึง...] “อะไรนะ...” [โห่ พี่น่ะมีเงินจากละครตั้งเยอะ แบ่งให้น้องบ้าง พี่ก็รู้ว่าพ่อไม่สปอยผมเลย ไม่งั้นผมจะปล่อยข่าวว่าพี่น่ะ...ซาดิสม์!] “อย่านะ ฉันไม่ได้ซาดิสม์ พี่เตต่างหาก” [อะไรนะ...] โอ๊ย! ให้ตายเถอะ ฉันหลุดปากพูดจนได้ บางทีฉันก็เหนื่อยกับความโง่ของตัวเองเหมือนกัน “เฮ้อ...ก็ตามที่ได้ยิน เดี๋ยวมีเงินแล้วจะโอนให้ ได้เงินแล้วก็หุบปากด้วย” [เดี๋ยวนะ พี่เตชินท์น่ะเหรอ...ว้าว] “ไม่ต้องวงต้องว้าว แล้วไม่เรียนหรือไง” ฉันยกมือขึ้นกุมขมับ ภัยอันตรายที่น่ากลัวคือความฉลาดน้อยของฉันนี่แหละ “ไม่มีเรียนวันนี้ งั้นที่พี่ค้นข้อมูลก็เพราะว่าพี่เตใช่ไหมล่ะ” “อืม...แค่นี้แหละ พูดมาก” ฉันเตรียมจะกดวางสาย ทว่า [ผมจะบอกอะไรให้ อย่ามัวแต่ค้นข้อมูลมันได้เรื่องหรอก สิ่งที่พี่ควรทำคือ...ลองเลยต่างหาก] “ลองเลย? พูดอย่างกับว่านายเคยลอง” [ใช่ เคยลองไง เลยอยากบอกให้ลองเลย จะได้รู้ว่าชอบไหม มัวแต่ค้นแบบนี้ พี่ไม่มีทางรู้หรอก] “เอางั้นเหรอ...” [ใช่ ลองแล้วมาบอกด้วยก็แล้วกัน หึ] ฉันอยากจะบ้าตายที่พาวินท์หัวเราะออกมาจากโทรศัพท์ ก่อนที่ฉันจะกดตัดสายทิ้งไป ลองเลยอย่างนั้นเหรอ...คืนนี้เลยก็แล้วกัน!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD