บทที่ 9 ซาดิสม์

2219 Words
อาทิตย์ต่อมา... -พิ้งค์พลอย- “...ทางคู่กรณีของคุณพิ้งค์พลอยให้การกับตำรวจแล้วว่า ดาราสาวไม่ได้พูด...เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด จากกรณีคุณพิ้งค์พลอยขับรถชนท้ายรถเก๋งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เรียกได้ว่าเป็นข่าวใหญ่ของปีเลยก็ว่าได้ แต่ว่าเรื่องมันกลับพลิกไปมาสิครับท่านผู้ชม...” “ห้ะ...ทำไมฉันไม่รู้เรื่อง” ฉันมองหน้าจอโทรศัพท์ด้วยความสับสน เมื่อลิงค์ข่าวที่พี่ก้อยส่งมาให้นั้นกำลังรายงานข่าวสดเกี่ยวกับข่าวของฉันอยู่ อยู่ดี ๆ ผู้ชายคนนั้นก็กลับคำให้การกับตำรวจ ทั้ง ๆ ที่ฉันยังไม่ได้ทำอะไร แถมในเนื้อขาวยังยอมความและขอโทษฉันผ่านทีวีอีกด้วย “นั่นสิ...คุณอาช่วยหรือเปล่า” คุณแม่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ฉันเอ่ยพูดขึ้น ทำให้ฉันรีบลุกขึ้นยืน ก่อนจะวิ่งไปหาคุณอาที่อยู่กับภรรยาของเขาที่ห้องนั่งเล่นอีกฝั่งหนึ่งของบ้าน “คุณอาช่วยแก้ข่าวให้ฉันเหรอคะ” ฉันว่าขณะที่คุณอากำลังนั่งจิบกาแฟอยู่ ก่อนที่ท่านจะส่ายหน้าเบา ๆ ให้กับฉัน “ข่าวอะไร...” “ดูนี่สิคะ ฉันไม่ได้ผิดแล้ว” ฉันฉีกยิ้มกว้างออกมาพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้กับคุณอาด้วย ซึ่งท่านก็รับไป “ไม่...อายังไม่ได้ทำอะไรนะ” ฉันขมวดคิ้วที่ได้ยินอย่างนั้น ถ้าไม่ใช่คุณอาแล้วจะเป็นใครที่สามารถทำให้อีกฝ่ายเปลี่ยนใจได้ หรือจะเป็นคุณตรัยคุณ แต่ว่าบอส...ไม่ได้ไยดีฉันแล้วนะ ตั้งหน้าตั้งตาปั้นยัยทับทิมขึ้นมาเป็นดาราดาวรุ่งแทนฉันแล้ว ทว่า...พอข่าวมันออกมาแบบนี้แสดงว่าฉันพ้นผิดและก็ไม่ต้องแอบอยู่ในบ้านแล้ว ฉันจะได้ออกไปทำสิ่งที่อยากทำมาตั้งนาน นั่นคือการไปหาเพื่อนพี่เตชินท์! “หนูขอตัวนะคะ...” ฉันว่าพร้อมกับคว้าโทรศัพท์จากมือคุณอา แต่เขาก็ยึดไว้แน่น “คะ? ...มีอะไรหรือเปล่าคะ” “เผื่อว่าหนูเปลี่ยนใจ หวังว่ายังคงอยากช่วยงานครอบครัวอยู่” ฉันเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ยอมรับแบบไม่อายเลยว่าคุณอาอิทธ์โคตรเห็นแก่ตัว แต่สุดท้ายครอบครัวก็ต้องมาก่อน ฉันพยักหน้ารับในที่สุด “แต่ตอนนี้หนูขอตัวก่อนนะคะ” ฉันยิ้มให้กับคุณอาแม้ว่าสิ่งที่เขาทำกับฉันทำให้เขาไม่น่าเคารพแล้วก็ตามแต่ แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าเขานั้นทำเพื่อบริษัท “ไปไหนพลอย ลูกต้องไปแต่งหน้ารอให้สัมภาษณ์สื่อนะ กระแสกำลังดีลูก” เสียงคุณแม่ดังไล่หลังฉัน ก่อนที่ฉันจะชะงักฝ่าเท้าพร้อมกับหันไปหาคุณแม่ “พลอยคิดถึงพี่เตค่ะ เดี๋ยวบอกพี่ก้อยให้รอสัมภาษณ์นักข่าววันพรุ่งนี้นะคะ” ฉันว่าเสร็จก็รีบขึ้นห้องไปเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งหน้าแต่งตาไปหาเพื่อนพี่เตชินท์ที่มีอยู่คนเดียว นั่นคือพี่พายุ ใช้เวลาไม่นานรถคันหรูราคาหลายล้านของฉันก็แล่นมาถึงโรงพยาบาล ฉันไม่ได้ออกจากบ้านเลยหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา งานก็โดนยกเลิกและข่าวของฉันก็ยังถูกเล่นไม่เลิก จนวันนี้ที่ทุกอย่างพลิกจากหลังมือเป็นหน้ามือ ตอนนี้ฉันบอกพี่ก้อยแล้วล่ะว่าพรุ่งนี้จะให้สัมภาษณ์สื่อ แต่วันนี้ฉันขอเวลาหน่อย แค่วันเดียวที่ฉันอยากถามบางอย่างจากพี่พายุ พี่พายุเป็นแพทย์ประจำบ้านอยู่ที่นี่ เขาอายุน้อยกว่าพี่เตชินท์ถึงสามปี และโรงพยาบาลนี้ก็เป็นโรงพยาบาลของครอบครัวพี่พายุที่เป็นพี่ชายของสายฟ้าเพื่อนตัวแสบของฉัน เรารู้จักกันตั้งแต่เด็กด้วยความที่พ่อแม่เป็นเพื่อนกัน พี่พายุเป็นหัวโจกที่ไม่ชอบให้ฉันเล่นด้วย ก็คือกีดกันฉันบอกว่าผู้หญิงไม่ควรมาเล่นกับผู้ชาย ตอนเด็กฉันน่าสงสารมากเพราะไม่มีคนเล่นด้วย มีแค่พี่เตชินท์ที่มาเล่นกับฉัน มันคงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ฉันรักเขานั่นแหละ พ่อพี่เตชินท์แต่งงานใหม่กับคุณอาน้ำชาที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับคุณพ่อ ทำให้เรารู้จักกันและพี่เขาก็เข้ารักษาอาการทางจิตกับพ่อของฉันด้วย พี่เตชินท์น่าสงสารมาก ๆ ตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ ฉันไม่รู้เรื่องอะไรมากนัก แต่แววตาพี่เขาเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง แต่เขากลับไม่ร้องไห้งอแงเหมือนกับฉัน อาจจะเป็นเพราะแม่แท้ ๆ ของพี่เตชินท์ทำร้ายร่างกายพี่เตชินท์ตั้งแต่เด็ก และพี่เขาก็เห็นแม่ตัวเองประสบอุบัติเหตุต่อหน้าต่อตา จนสุดท้ายแล้วแม่ของเขาก็เสียไปก่อนที่เขาจะไปเรียนต่างประเทศแค่วันเดียว มันน่าเศร้ามาก ๆ เลยล่ะ จำได้ว่าตอนนั้นพี่เตชินท์อาการหนักมาก พ่อบอกว่าพี่เขากำลังปฏิเสธความจริงอยู่ ตอนนี้ฉันลงจากรถโดยไม่ต้องพรางตัวแล้ว ผู้คนที่โรงพยาบาลกำลังโบกไม้โบกมือให้กับฉัน บ้างก็ยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายรูปของฉัน “พี่พลอย...พี่สวยมากเลยค่ะ ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ” “ขอบคุณน้า...มา ๆ ถ่ายรวมครั้งเดียวเลยนะ” ฉันยิ้มให้กับกลุ่มผู้หญิงหลายคนที่ยืนออกันรอถ่ายรูปของฉัน ซึ่งฉันก็เรียกมาถ่ายครั้งเดียวจบ “ขอบคุณนะคะ...” “หนูเห็นข่าวแล้วนะคะ หนูก็ว่าพี่ไม่น่าจะเป็นคนแบบนั้น” “ใช่ ๆ พี่คงไม่ฟาดใครด้วยเงินใช่ไหมคะ ฉันน่ะไม่เข้าใจคนที่ด่าพี่เลย เป็นไงล่ะ ข่าวออกมาแบบนี้ก็เงียบกริบเลย” ฉันยิ้มให้กับบทสนทนาที่เด็ก ๆ กำลังพูด ก่อนจะค้อมศีรษะรับ “ขอบคุณน้า เดี๋ยวพี่ขอตัวก่อนนะ” ฉันยิ้มพร้อมกับยกมือขึ้นโบกลาก่อนจะรีบหมุนตัวเดินขึ้นลิฟต์ไปหาพี่พายุ ฉันรู้ว่าพี่เตชินท์ไม่พร้อมเจอฉันและก็คิดว่าสิ่งที่ฉันต้องทำคือการเข้าใจเขาให้ได้มากที่สุด แม้ว่าฉันจะคิดช้าและโง่มาก ๆ ก็ตาม ซึ่งพอออกจากลิฟต์มาก็เห็นพี่พายุกำลังยืนคุยกับพยาบาลอยู่ ร่างสูงหันมามองฉันก่อนที่ฉันจะโบกมือให้ ซึ่งพี่พายุก็รีบยกแฟ้มเอกสารปิดหน้าทันที คงไม่อยากเจอฉัน แต่คนอย่างฉัน...พิ้งค์พลอยยอมได้ที่ไหนล่ะ! “พี่พายุ!!...” ฉันเดินเข้าไปหาเขา ก่อนจะเอ่ยเรียกเสียงดังและแน่นอนว่าฉันสามารถดึงสายตาของผู้คนได้เยอะมาก ๆ พี่พายุก็เลยลากตัวฉันเข้าไปในห้องพักของเขา “เสียงดังทำไมเนี่ย!” “ก็ใครบอกไม่ให้พี่สนใจฉันกันเล่า!” ฉันยกแขนขึ้นกอดอกก่อนที่พี่พายุจะพ่นลมหายใจออกมา เขาถอยหลังอิงกับโต๊ะทำงาน พร้อมกับมองหน้าฉันด้วยแววตามีคำถาม “ถ้าเดาไม่ผิดก็เรื่องไอ้เต?” ฉันเม้มริมฝีปากพร้อมกับพยักหน้าเบา ๆ “ทำไม...ยังไม่เลิกตามมันอีกหรือไง” “ไม่เลิก ยังไงก็ไม่เลิก...และฉันรู้แล้วว่าพี่เต...ยังไม่หายป่วย” ประโยคหลังฉันทำเสียงกระซิบกระซาบแต่มันกลับทำให้พี่พายุตาโต “...อย่าบอกนะว่ามันได้เธอแล้ว?” “ห้ะ?” ฉันชะงักไป ทำไมการที่ฉันตกเป็นของพี่เตชินท์ถึงสามารถบอกได้ว่าพี่เขายังไม่หายป่วย “เธอรู้ว่ามันยังไม่หายป่วยเพราะมัน...รุนแรงใช่ไหมล่ะ” “อะไรนะคะ” “หืม...ไม่ใช่เหรอ” “ฉันไม่เข้าใจที่พี่พูดค่ะ ฉันรู้เพราะเห็นเขาฝันร้ายแล้วก็กินยาแล้วก็...เอ่อ มีอาการแปลก ๆ” ฉันเม้มริมฝีปากเมื่อนึกถึงวันนั้น การที่เราเห็นคนรักมีอาการแบบนั้นมันเจ็บปวดมากเลยล่ะ แม้ว่าเราอยากจะพูดอยากบอกอะไรกับเขาแต่ตอนนั้นเขาไม่รับรู้อะไรแล้ว มัน... “อึก ฉัน...เป็นห่วงเขา” “พี่ว่าเราเลิกยุ่งเถอะนะ มันไม่อยากให้เรายุ่งกับมันแล้ว” “เขาปรึกษาอะไรพี่บ้างคะ พี่เล่าให้ฉันฟังได้ไหม” ฉันลากเก้าอี้มานั่งพร้อมกับมองหน้าพี่พายุ ใบหน้าของพี่พายุนี่เป็นพระเอกละครได้เลย แต่บอกไว้ก่อนว่าพี่เตชินท์หล่อกว่าเยอะ “เฮ้อ...ก็เดี๋ยวมันมาด่าพี่อีกว่าพี่บอกเรา” “ไม่ ๆ ฉันจะไม่มีพิรุธเด็ดขาด ฉันอยากเข้าใจเขา” ฉันว่าเสียงหนักแน่น ก่อนที่พี่พายุจะถอนหายใจอีกครั้ง ดูเหมือนว่าพี่เขาจะเหนื่อยกับฉันมาก ๆ “มันไม่อยากให้เธออยู่กับมันมากพลอย มันไม่อยากเสียเธอไป...” “แต่ที่เขาทำแบบนี้มันก็ไม่ต่างกันเลย เขาไล่ฉันทุกวัน” “หมายถึงมันไม่อยากให้เธอหายไปตลอดกาล มันไม่มั่นใจว่ามันจะไม่คลุ้มคลั่งหรือ...ไม่ทำร้ายเธอ” “ฉันเห็นเขาใช้ชีวิตปกติ พี่ภาพฟ้าที่เป็นพยาบาลก็บอกว่าพี่เตชินท์น่ะเก่งมาก เขาดูแลคนไข้ได้ดีมาก ๆ” “หึ มันมีอาการแค่ตอนตื่นนอนเพราะถูกกระตุ้นจากฝันร้าย แล้วฝันร้ายนั้นก็ไม่เคยหายไป มันเป็นอาการของคนที่ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมา” “_” “อย่างที่รู้ว่าถ้ามันเข้ารักษาตามแผน มันก็คงไม่ได้เป็นหมอ มันอยากเป็นหมอเพราะอยากรักษาแม่ แต่พอสอบติดแล้วกำลังจะได้เรียนแม่ก็มาฆ่าตัวตายไปก่อน” “_” “ฟังพี่นะ...ทุกคนบนโลกนี้ป่วยทางจิตกันทุกคน แต่อยู่ที่ว่าเขาจะสามารถใช้ชีวิตได้ปกติไหม ไอ้เตมันเป็นแบบนั้น” “แล้วทำไมเขาถึงคบกับฉันไม่ได้ ฉันเข้าใจเขา เข้าใจมาก ๆ” “มันกลัว” “_” “กลัวว่าเธอจะไม่รักมัน ถ้าอยู่ด้วยกัน กลัวว่าเธอจะไม่มีความสุข พอเถอะพลอย” “ไม่ ๆ ฉันมั่นใจว่าจะรักเขา” “เชื่อพี่ เธออยู่กับคนอารมณ์ไม่นิ่งไม่ได้หรอก” ฉันมองหน้าพี่พายุนิ่งเลย ภาพของเขาก็พร่าเลือนเพราะฉันกำลังเสียใจอยู่ “ฉันรักเขา...อึก ฉันรักเขาไม่ว่าเขาจะเป็นยังไง” “หึ จริง ๆ แล้วมันบอกกับพี่ว่ามันกำลังซึมเศร้าขั้นรุนแรงนะ แบบไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว มันเหนื่อยเวลาตื่นนอน มันไม่อยากตื่นสักเท่าไร แค่หวังว่าจะหายเพื่อเจอหน้าเธอ” “ฉันอยากให้เขารักษาแบบจริงจัง อึก ไม่อยากให้เขาทำแบบนี้” ให้ตายเถอะฉันร้องไห้อีกแล้ว สิ่งที่ได้ยินมันยากที่จะทำใจ “ไม่รู้สิ มันทำงานได้ดีนะ เห็นพ่อบอกว่าผลงานมันดีมาก ๆ คนไข้ในการดูแลของมันน่ะ ดีขึ้นทุกคนเลย” ฉันเม้มริมฝีปากพร้อมกับพยักหน้าเข้าใจ พ่อของพี่พายุเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชนนี้ เขารู้ว่าคุณหมอคนไหนทำงานยังไง รวมถึงรู้เรื่องของพี่เตชินท์ “_” “อาจจะเข้าใจคนไข้มากมั้ง มันยังอยากเป็นหมอ ถ้ามันเข้ารักษามันก็จะไม่ได้เป็นหมอ...พลอย ชีวิตมันไม่เหลืออะไรให้ภูมิใจเลยนะ” “อึก...เขายังมีฉัน” “ทำไมล่ะ เธอจะให้มันนอนรักษาตัวโดยมีเธอออกไปทำงานเลี้ยงมันว่างั้นเถอะ” “ไม่ใช่ อึก ฉันแค่...” “ถ้าเธออยากช่วยมัน เป็นกำลังใจให้มันจะดีกว่านะ ถ้าเลิกรักไม่ได้ ก็ค่อย ๆ ทำความเข้าใจดีกว่า เพราะตอนนี้เธอไม่เข้าใจมันเลย” ฉันก้มหน้าลงมองฝ่ามือของตัวเอง รู้สึกเสียใจที่ทำอะไรไม่ได้ “...ฉันจะพยายามเข้าใจเขา” “หึ อ้อ...เธอรู้ใช่ไหมว่ามันมีรสนิยมทางเพศยังไง” “ห้ะ...” “ยังไม่รู้สินะ หึ มันเป็นซาดิสม์” ฉันขมวดคิ้วที่ได้ยินอย่างนั้น ไม่ใช่ไม่ตกใจ...แค่ไม่เคยรู้มาก่อน เขาไม่บอกฉันและไม่มีวี่แววว่าจะเป็นอย่างที่พี่พายุพูด “ทำไม ทำไมล่ะ” “พฤติกรรมเลียนแบบมั้ง มันบอกว่ามันรู้ตอนที่มันเริ่มมีเซ็กซ์ครั้งแรกตอนเรียนนอก อาจจะเคยชินที่โดนทำร้ายบ่อย ๆ เคยชินจนคิดว่าคนอื่นคงไม่เจ็บและมีความสุขเวลาถูกทำร้าย...” “_” ฉันกลืนน้ำลายลงคอพร้อมกับเม้มริมฝีปากด้วยความสับสน ฉันรู้ว่าพี่เขาเคยโดนทำร้ายมาแต่ไม่คิดว่าจะมีพฤติกรรมเลียนแบบแบบนั้น “และสิ่งที่น่ากลัวคือการพลั้งมือพลอย เธออาจจะเคยได้ยินข่าว ผู้หญิงที่ตายคาเตียงเพราะเจอผู้ชายแบบนี้ พี่ถามเธอตรง ๆ เธอกล้าเสี่ยงไหม” ฉันไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้เพราะยังคงช็อกอยู่ มันไม่แปลกที่คนเราจะมีรสนิยมแบบนี้ ถ้าเราเจอคู่ที่เหมือนกัน เขาชอบทำร้าย และมีคนชอบการถูกทำร้าย แต่ฉัน...ไม่ใช่แบบนั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD