เล่นน้ำคลายร้อน

2770 Words
ฮ่องเต้หยางหมิงหลงอยู่กับสนมคนโปรดของเขา แม้นางอยู่ในวัยใกล้สี่สิบแต่นางก็รู้ใจเขาที่สุด “ทรงเหน็ดเหนื่อยอีกแล้วหรือเพคะ อย่าหักโหมเกินไป ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น” “เจ้าต่างหากล่ะฟางเออร์ เจ้าต้องพักบ้าง เจิ้นรู้ว่าเจ้าคิดมากอีกแล้ว ปีนี้หย่งเออร์ก็เติบใหญ่ เขามีความสามารถ ควรได้รับตำแหน่งที่เหมาะสม ข้าจะหาโอกาสให้เขาได้สร้างผลงาน” เขาประคองสนมรักเข้าไปในห้องบรรทม แม้เขาจะมีอายุมากแล้วแต่ฮ่องเต้หยางหมิงหลงก็มีความปรารถนาต่อเรื่องนี้ไม่คลาย “ใครกันแน่ที่ทรงงานหนักจนไม่ได้พักผ่อน หม่อมฉันทราบว่าทรงมีภาระหน้าที่มากมาย หากแต่พระองค์ต้องถนอมพระวรกายด้วย” นางพูดพร้อมกับเปลื้องชุดคลุมมังกรออกให้เขา “อืม ก็ยังคงเป็นเจ้า ที่ห่วงใยข้าเสมอ” ฮ่องเต้หยางหมิงหลงประคองกุ้ยเฟยลงบนเตียง นางอ้าขาทั้งสองของนางออก ใช้มือทั้งสองจับมันทั้งคู่ไว้แน่น เพื่อไม่ให้เผลอจิกเล็บลงไปยังพระวรกายล้ำค่าของเขา ฮ่องเต้ก็ควักท่อนเอ็นยัดเข้าไปในช่องทางตามที่ได้รับการเรียนรู้ตามตำราการร่วมประเวณีกับเหล่าสนมเช่นที่เคยมา เขาไม่เคยแตะต้องหรือเล้าโลมสนมนางใดไปมากกว่านี้ เขากระแทกอยู่ท่าเดียวจนเสร็จกิจ จึงผละออก กุ้ยเฟยรู้หน้าที่ รีบลุกมาแต่งกายให้เขาและปรนนิบัติฮ่องเต้เข้านอนตามหน้าที่เช่นเคย ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องที่นางคุ้นชิน นางยังคงดีต่อเขาเสมอมา แม้นางจะไม่มีอำนาจในวังหลังแห่งนี้ แต่นางก็ไม่เคยทำให้เขาลำบากใจ ที่ผ่านมาเรื่องใดที่นางพอจะแบ่งเบาเขาได้ นางยินดีทำเสมอ กระทั่งการรับสนมนางในมาเพื่อเพิ่มอำนาจให้เขา นางก็ทำหน้าที่ได้ไม่บกพร่อง กุ้ยเฟยแม้ใจอาจเจ็บปวดที่เห็นเขามีสตรีอื่น แต่นางก็ไม่เคยหึงหวงให้เขาลำบากใจ เขาจึงให้ความพิเศษ ให้กำลังใจนางสองแม่ลูก ว่าได้โปรดเข้มแข็งอยู่ข้างกายเขาไปก่อน อย่าพึ่งท้อ เขาจะพยายามปกป้องครอบครัวของเขาให้ดีที่สุด ********* ค่ำคืนอากาศกำลังอบอุ่นสบาย คู่ยวนยางในตำหนักสนมประคองกันเข้านอนอย่างอบอุ่น แต่ตำหนักหงส์กลับเงียบและเดียวดาย เป็นเช่นนี้มาตลอดหลายปีแล้ว ครั้งเดียวที่ฮ่องเต้เสด็จมาเยือนตำหนักฮองเฮา ก็เป็นที่ตอนองค์ชายรองป่วย เขาคงมาดูกระมังว่าจะรอดหรือไม่ เมื่อรอดแน่แล้ว เขาก็ไม่เคยย่างกรายมาอีกเลย การที่องค์ชายรองยังมีชีวิตอยู่ คงขัดใจเขามากกระมัง องค์ชายรองเป็นโอรสที่ใครก็รู้ว่าบิดารังเกียจ เขาเพียงได้เข้าเฝ้าที่ตำหนักมังกรพร้อมกับผู้อื่น ไม่มีสิทธิพิเศษใดใดนอกเหนือจากนั้น สิ่งที่ฝ่าบาททำกับบุตรชายของนาง ทำให้นางโกรธนัก ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ดี เรื่องมันจะได้ง่ายขึ้น ความรักไม่เคยมีปรากฏตั้งแต่แรก เมื่อแต่งเข้ามาตามหน้าที่ นางก็เพียงทำตามหน้าที่ เมื่อมีบุตรชายสมใจแล้ว นางก็ไม่อยากจะพบหน้าของเขาอีก เกลียดสายตาดูแคลนของเขา ฝ่าบาทเองก็คงจะเจ็บปวดไม่น้อย ที่ไม่มีอำนาจพอจะรังแกนางได้ ฮองไทเฮามอบอำนาจทั้งหมดในวังหลังให้นาง นางจึงแข็งแกร่งมีอำนาจมากพอ โดยที่นางไม่ต้องไขว่คว้าสิ่งใดเพิ่มเติม หยางหมิงหลง! บุตรชายของท่าน คงมิอาจสู้บุตรชายของข้าได้ บัลลังก็ต้องเป็นของบุตรชายข้าเท่านั้น ท่านก็รู้อยู่เต็มอก ว่าบัลลังนี้เพียงให้ท่านยืมเล่น รอคนสกุลเฟิงมารับคืนเท่านั้น ปีนี้บุตรชายของนางพร้อมแล้ว นางจะให้เขาแต่งชายาเอกที่สมศักดิ์นางหงส์ เมื่อนั้น ท่านก็รีบคืนบัลลังค์ของตระกูลข้ามาเถอะ! เฟิงฮองเฮายืนชมจันทร์นึกถึงก้าวต่อไป ที่นางปูทางไว้ให้บุตรชายเพียงคนเดียวเงียบๆ ก่อนกลับเข้าห้องบรรทมเพียงลำพัง เมื่อรู้สึกได้ว่าน้ำค้างเริ่มลงมากแล้ว ************ หลังจากเดินทางได้หลายวัน ขบวนเสด็จจึงหยุดพักบริเวณน้ำตกท่ามกลางป่าไม้ร่มรื่น ยามแล้งเช่นนี้ ยากนักที่จะพบแหล่งน้ำขนาดใหญ่ นี่เป็นโอกาสดีที่ทุกคนจะได้พักผ่อนให้คลายจากความร้อนและเหนื่อยล้า แม่น้ำสายนี้เป็นลำน้ำที่ใหญ่ที่สุดในป่าเขตนี้ มีน้ำไหลอยู่ตลอดทั้งปี เหล่าทหารนำม้าไปผูกไว้บริเวณหนึ่ง พร้อมทั้งหาน้ำหาหญ้าสดมาให้ม้าได้กินเพื่อเป็นรางวัล กระโจมหลายหลังตั้งเรียงอย่างเป็นระเบียบอยู่บริเวณที่โล่งกว้าง พรั่งพร้อมไปด้วยข้ารับใช้และทหารองครักษ์เดินตรวจตราอย่างแข็งขัน วันพรุ่งนี้จึงจะมีกำหนดออกเดินทางอีกครั้ง นี่จึงเป็นโอกาสให้ผู้ร่วมขบวนเดินทางได้พักผ่อน คนที่แย้มยิ้มมีความสุขเต็มใบหน้ายิ่งกว่าใคร คงไม่พ้นคุณหนูใหญ่เฟิงอวี้หยวน นางทนนั่งอยู่ในรถม้ามาหลายวัน ด้วยต้องเร่งเดินทางจึงไม่อาจพักได้นาน ต้องทานอาหารและทำธุระส่วนตัวในรถม้าเท่านั้น การได้ออกมายืดเส้นยืดสายเดินเล่นชมน้ำตก จึงเป็นสวรรค์น้อยๆสำหรับนางในขณะนี้ ทหารได้กั้นบริเวณส่วนตัวให้เหล่าคุณหนูและเชื้อพระวงศ์ไว้คนละด้าน ส่วนเหล่าขุนนางนั้นแยกไปยังอีกจุดหนึ่ง เมื่อไปถึงริมน้ำตก ที่นั่นมีเหล่าคุณหนูและผู้ติดตามบางส่วนนั่งพักผ่อนอยู่ก่อนแล้ว เหลียวชิงเหลียนยกมือโบกให้เป็นสัญญาณ นางจึงเดินไปทางทิศนั้น “หยวนเออร์ เจ้ามาพอดี ข้ากำลังรอเจ้าอยู่ เดินทางมาก็หลายวัน ข้าเหนื่อยมากๆ ได้พักผ่อนเช่นนี้ ช่างดีนัก” “เป็นเช่นนั้น ข้าก็รู้สึกเพลียยิ่งนัก ได้พักวันนี้ คงหายเหนื่อยไม่น้อย” นางกล่าวกับคุณหนูเหลียวผู้กำลังหน้างอด้วยความร้อนและเหนื่อย นางในชุดสบายๆเช่นนี้ค่อนข้างแปลกตาไปสักหน่อย แต่ก็เหมาะสมดี “หยวนเออร์ อย่ามัวชักช้าอยู่เลย ข้าว่าเราลงไปเล่นน้ำกันเถอะ น้ำนี่ทั้งใส ทั้งเย็นสดชื่น หากได้นั่งแช่เสียหน่อยคงดีนัก” เหลียวชิงเหลียนหันมาชวนด้วยสายตาเร่งเร้าว่าต้องตามใจนางให้ได้ เมื่อเห็นอาการของนาง กลับรู้สึกว่า เช่นนี้ค่อยสมเป็นเด็กสาวหน่อย “ก็ดีเหมือนกัน ข้าก็อยากแช่น้ำ เราไปเล่นตรงด้านนู้นกันเถอะ น้ำไม่ค่อยแรงเท่าไหร่ คงจะไม่ลึกเกินไป” ที่จริงบริเวณรอบๆนี้ ก็สามารถลงเล่นน้ำได้ แต่นางต้องการหาที่เหมาะสักหน่อย น้ำบริเวณนี้เป็นน้ำตื้น ใสจนเห็นพื้นด้านล่าง “ตกลง พวกเจ้าก็มาเล่นน้ำกับพวกข้าด้วยสิ” นางหันไปกล่าวกับสาวใช้ทั้งสองของนาง ดังนั้นขบวนของคุณหนูเฟิงและคุณหนูเหลียวพร้อมสาวใช้ ก็มุ่งตรงไปยังพื้นที่ที่หมายตาไว้ แต่เมื่อไปถึงก็พบว่าคุณหนูไป๋และคุณหนูฉีก็มาถึงด้วยเช่นกัน ช่างบังเอิญที่ทั้งหมดหมายตาที่เดียวกัน “คุณหนูเฟิง คุณหนูเหลียว” ไป๋ซูฮวา นางเอกของเรื่องทักขึ้นก่อนอย่างเป็นมิตร อวี้หยวนไม่ค่อยอยากสุงสิงกับพระเอกและนางเอกมากนัก นางกลัวการข้องเกี่ยวกับพวกเขาที่สุด แต่ในเมื่อต้องร่วมขบวนกัน ก็คงต้องได้พบเจอกันบ้าง “พวกท่านก็คงตั้งใจมาเล่นน้ำตรงนี้สินะ พวกข้าเห็นว่าน้ำตรงนี้ไม่แรงมาก และยังเงียบสงบน่าแช่น้ำที่สุด ขอพวกข้าเล่นน้ำกับพวกท่านด้วยได้รึไม่” เมื่อเห็นว่าคุณหนูเฟิงทำท่ากระอักกระอ่วนยามพบหน้านาง ไป๋ซูฮวาจึงโปรยยิ้มสดใสถามอย่างกระตือรือร้น หากปฏิเสธก็คงได้ชื่อว่าสตรีที่ใจแคบที่สุดแล้ว “ย่อมได้ ไหนๆเราก็เดินทางเหนื่อยมาด้วยกัน เราก็มาพักผ่อนกันให้เต็มที่เถอะ การเดินทางยังอีกยาวไกล ผูกสัมพันธ์กันไว้ย่อมดี อย่าชักช้าเลย เริ่มเลยเถอะ เดี๋ยวจะค่ำซะก่อน” เฟิงอวี้หยวนเอ่ยตอบอย่างเป็นมิตรไม่แพ้กัน รอยยิ้มการค้าที่นางถนัดถูกส่งไปเชื่อมสัมพันธ์ในครั้งนี้ ส่งผลให้สองดรุณีที่รออยู่ยิ้มขอบคุณอย่างดีอกดีใจ ผิดกับเหลียวชิงเหลียนที่ทำท่าไม่สบอารมณ์อย่างไม่เก็บอาการ ในลำน้ำกลางป่า ยามนี้มีดรุณีวัยสาวสะพรั่งกลุ่มหนึ่ง พวกนางล้วนเป็นคุณหนูในห้องหอผู้สูงศักดิ์ ผิวพรรณขาวผุดผ่อง เนื้อนวลอมชมพูไร้รอยดำด่าง รูปร่างงดงามเย้ายวนอย่างสาวแรกรุ่น เสื้อคลุมที่พวกนางสวมใส่ยามแช่น้ำ บางใสจนแทบจะไม่ช่วยปกปิดสิ่งใดได้เลย เสียงพูดคุยหยอกล้อดังแว่วมาเป็นระยะ สร้างสุนทรียะให้บรรยากาศยามนี้ยิ่งนัก หากบุรุษใดได้มาเห็น คงนึกว่าตนเป็นองค์เทพเที่ยวชมความงามแห่งสวรรค์ “หยวนเออร์ เจ้ารู้รึไม่ นั่นคือไป๋ซูฮวาหนึ่งในหญิงงามแห่งเมืองหลวง บิดานางตั้งใจจะมอบนางให้จวิ้นอ๋อง เจ้ารู้เช่นนี้ ยังจะสนทนากับนางอยู่อีกหรือ” เหลียวชิงเหลียนที่เล่นน้ำผ่านไปสักพัก ก็กลับเข้าเรื่องที่นางคาใจ จึงโยนไพ่ออกไปถามทาง นางอยากดูกิริยาของเฟิงอวี้หยวน คาดว่าคงจะต้องเสียใจและไม่พอใจคุณหนูไป๋แน่นอน “หือ? ทำไมข้าต้องไม่สนทนากับนางด้วยล่ะ นางทั้งงดงาม ทั้งมากความสามารถ แต่งให้จวิ้นอ๋องไม่คู่ควรตรงไหนกัน” เฟิงอวี้หยวนเอ่ยชมคุณหนูไป๋อย่างจริงใจ ทำให้เหลียวชิงเหลียนแปลกใจยิ่งนัก นี่เหมือนไม่ใช่คุณหนูเฟิงที่นางรู้จักเลย “หยวนเออร์!! เจ้ากล่าวสิ่งใดออกมา เจ้ารู้ตัวหรือไม่ ไม่ใช่ว่าเจ้า......” ไม่คิดว่านางจะตอบแบบนี้ ตกใจจนเผลอหลุดปาก “ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด ข้าไม่ได้คิดสิ่งใดกับจวิ้นอ๋อง เจ้าอย่าคิดเหลวไหล” นางยังคงยืนยันคำเดิม หากสตรีน้อยนางนี้อยากเห็นคนอกแตก ก็คงต้องผิดหวังแล้ว ไม่มีเหตุผลใดที่นางต้องหลงใหลในตัวจวิ้นอ๋องอีกต่อไป “……...” นี่คงเป็นเสนาบดีเฟิงพูดสิ่งใดกับเฟิงอวี้หยวนใช่หรือไม่ ทำไมนางที่หลงใหลจวิ้นอ๋องมาตลอดถึงได้เปลี่ยนใจไวขนาดนี้ หรือนางจะแกล้งพูดไปอย่างนั้น เพื่อให้ตนหลงเชื่อ แต่ใจจริงเจ็บร้าวแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวกันแน่ “เอาเถอะ เมื่อเจ้าคิดได้ก็ดีแล้ว จวิ้นอ๋องนั้นทั้งรูปงาม ทั้งเก่งกาจ คุณหนูจวนใดจะหลงใหลก็ไม่แปลก ว่าแต่เจ้าเถอะ องค์ชายรองมาพบเจ้าบ้างรึไม่ มีโอกาสร่วมทางขนาดนี้ คงต้องมีเกี้ยวเจ้าบ้างใช่หรือไม่” นางจึงแกล้งแซะถามถึงองค์ชายรองอย่างหยอกเย้า “เจ้าถามสิ่งใดเนี่ย ข้าไม่คุยด้วยแล้ว” นางแกล้งเขินอาย วักน้ำเย็นไปมาแก้เขิน กิริยานี้ทำเอาคุณหนูเหลียวหน้าดำทันที นี่เฟิงอวี้หยวนมีใจให้องค์ชายรองอย่างนั้นหรือ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หรือระหว่างเดินทางมีสิ่งใดเกิดขึ้น? แต่ไม่ว่าอย่างไร นางก็ไม่ได้คำตอบใดเพิ่ม เมื่อทุกอย่างผิดไปจากที่นางคิด หญิงสาวก็รู้สึกไม่อยากเล่นน้ำอีกต่อไป นางจึงขอตัวกลับ โดยอ้างว่ารู้สึกหนาว อยากกลับไปพักผ่อน เฟิงอวี้หยวนมองหญิงสาวที่แม้เยาว์วัยแต่ความคิดไม่สมเป็นผู้เยาว์ก็ได้แต่ส่ายหัว พวกคุณหนูสมัยนี้นี่ยังไง วันวันหาแต่เรื่องราวน่าปวดหัว สู้เอาเวลามาพักผ่อนคิดเรื่องดีๆดีกว่า บริเวณที่นางเล่นน้ำนั้นใกล้ชายป่า มีโขดหินขนาดใหญ่ปิดบังพื้นที่ด้านชายป่าไว้มิดชิด บรรยากาศที่เคยเงียบสงบ ยามนี้มีเสียงสตรีพูดคุยหยอกล้อกันครึกครื้น หญิงสาวตั้งใจแช่น้ำอีกหน่อยก็จะขึ้นแล้ว เฟิงอวี้หยวนมองเห็นก้อนหินขนาดพอเหมาะ พิงหินใหญ่อยู่จึงว่ายไปนั่งพักตรงนั้น เมื่อเงยหน้าขึ้น บังเอิญพบกับดอกกล้วยไม้สีเหลืองนวลดอกเล็กโผล่ช่อมาเพียงสองดอก อยู่สูงลิ่วบนต้นไม้ใหญ่ที่ยอดสั้นกุด นางนั่งอยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นได้พอดี พลันนึกถึงกล้วยไม้ที่องค์ชายรองให้ทหารนำมามอบให้ นางจึงคิดอยากจะมอบกล้วยไม้ตอบแทนบ้าง “จิวเออร์เราขึ้นจากน้ำกันเถอะ” “เจ้าค่ะ” เมื่อนางกลับมาถึงกระโจม ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว จึงให้สาวใช้เรียกองครักษ์หงเป่ามาพบ หงเป่าเป็นองครักษ์ที่บิดานางมอบให้เพื่อดูแลอารักขามาตั้งแต่เด็ก ทำงานเรียบร้อยและรอบคอบ อีกทั้งเป็นคนไม่ค่อยพูด นางชอบมากจึงเรียกมาอยู่ข้างกาย “คุณหนูมีสิ่งใดให้ข้ารับใช้หรือขอรับ” “ท่านไปที่น้ำตก ตรงโขดหินขนาดใหญ่มีต้นไม้ใหญ่แต่สั้นกุดอยู่ต้นหนึ่ง บนนั้นมีกล้วยไม้ป่าสีเหลืองนวล ข้าอยากได้ เจ้าไปนำมันมาให้ข้าที ระวังให้ดี เก็บมาทั้งรากอย่าให้ตายเด็ดขาด” “ขอรับ” เขาไม่แม้จะถามสิ่งใด ก็ออกไปทำตามคำสั่งของนางทันที ************** อีกด้านหนึ่งของน้ำตก องค์ชายรองกำลังสำราญกับการแช่น้ำ เสียงฝีเท้าหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ เขาจึงหันไปมอง “อ้อ นึกว่าใครมาขัดความสำราญของข้า เป็นพี่ใหญ่นี่เอง” องค์ชายรองกล่าวกับจวิ้นอ๋อง ที่กำลังเดินลงมาแช่น้ำบริเวณในเขตเตรียมไว้สำหรับเชื้อพระวงศ์ ซึ่งเป็นจุดที่ดีที่สุดและอยู่ต้นน้ำ เขาไม่เคยให้ความเกรงใจกับพี่ชายร่วมบิดาผู้นี้อยู่แล้ว ชายผู้ที่ได้รับความรักทั้งหมดของบิดาไป ไร้ค่าทั้งพ่อทั้งลูก เขาไม่อยากมองให้เสียสายตาด้วยซ้ำ “น้องรองเจ้าก็โตแล้ว ควรหัดมีมารยาทซะบ้าง กิริยาเช่นนี้ยังจะคู่ควรกับตำแหน่งรัชทายาทอยู่หรือ” จวิ้นอ๋องก็ตอบโต้ออกไปไม่แพ้กัน เขาอึดอัดใจทุกครั้งที่ต้องเสวนากับองค์ชายเกเรผู้นี้ ตั้งแต่ถือกำเนิดก็เย่อหยิ่งไม่เห็นหัวผู้ใด แม้กระทั่งผู้เป็นบิดา ผู้ที่เขาจะยอมเชื่อฟัง คงมีเพียงแต่เฟิงฮองเฮากับอัครเสนาบดีเฟิงผู้เป็นตาเท่านั้นกระมัง หากมีโอกาสเขาต้องสั่งสอนน้องชายผู้นี้ให้หลาบจำแน่! “ถึงข้าจะคู่ควรหรือไม่ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ท่านต้องกังวล อย่างไรตำแหน่งนั้นก็ต้องเป็นของข้าอยู่วันยังค่ำ ผู้ที่ไม่คู่ควร ก็ควรเจียมตนไว้ให้ดีก็พอ” จวิ้นอ๋องกำหมัดแน่นกับวาจาสามหาว ไร้ความยำเกรงไม่เห็นหัวใครเช่นนี้ เขาแค้นแทบกระอักเลือด เขาเป็นโอรสองค์โตที่บิดาสนับสนุน จะไม่คู่ควรตำแหน่งหัวมังกรได้อย่างไร หากไม่มีหยางเหวินหลง โอรสที่ถือกำเนิดจากฮองเฮา ตำแหน่งรัชทายาทต้องเป็นของเขาอย่างแน่นอน “ข้าเพียงเตือนเจ้าเท่านั้น อย่างไรผู้จะดำรงตำแหน่งรัชทายาท ควรต้องมีจริยางดงาม มีสัมมาคารวะต่อผู้อาวุโส แต่นี่เจ้ากลับ......” “หึ หยางหย่งหมิง หนอ หยางหย่งหมิง ข้าจะบอกเจ้าอีกครั้ง จำไว้ให้ดีล่ะ คนอย่างเจ้า อย่ามาสั่งสอนข้า! เพราะคนอย่างเจ้า ไม่มีค่ามากพอจะสั่งสอนข้า! อย่าให้ข้าต้องพูดอีกครั้งล่ะ มันน่ารำคาญ!” องค์ชายรองทำเสียงดูแคลนเต็มที่ มองจวิ้นอ๋องด้วยสายตาเหยียดหยาม ก่อนลุกเดินขึ้นฝั่งไป ไม่ได้สนใจสีหน้าเขียวคล้ำของจวิ้นอ๋องแต่อย่างใด “หยางเหวินหลง!! ข้าอยากจะรู้นัก เมื่อถึงยามนั้น ยามที่เจ้าไร้เงาหัว เจ้ายังจะผยองได้อีกรึไม่!” จวิ้นอ๋องกำมือแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน หายใจเข้าออกลึกอย่างระงับอารมณ์โกรธ เขาอยากจะลงมือให้เร็วที่สุด เมื่อถึงยามนั้นหยางเหวินหลงต้องเสียใจที่เคยพูดเช่นนี้กับเขา!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD