แรงฉุดที่ข้อมือทำเอาฉันแหวเกือบไม่จบและรีบลุกพรวดตามอัสทันควัน เพราะดูเหมือนบอสสาวกำลังตกใจกับเสียงสิบแปดหลอดของฉันที่พ่นหมาในปากไปกัดกับอัสเมื่อกี้ แต่แค่พริบตาคนนั้นก็ผุดลุกพรวด พร้อมกับที่ฉันได้ยินเสียงอัสสบถในคอ ก่อนเหวี่ยงตัวฉันจนล้มโครมลงมาทางกองฟางขนาดใหญ่ฝั่งหนึ่งของผนังห้อง
เจ็บ! T^T
พอตั้งตัวได้และกำลังจะอ้าปากแหวใส่คนที่ไม่รู้ว่าตกลงจะช่วยหรือจะฆ่าฉัน ก็เป็นอันได้แต่อ้าปากพะงาบๆ เพราะภาพที่เห็นนั่นมัน... ไม่จริงอะ นั่นอัสเหรอ >_@ พัทยาใต้, 00.02 a.m.
“โย่! ปิยอง! ข่าวว่าเธอกำลังคั่วหนุ่มฮอตของโรงเรียนเลยเหรอ เจ๋งอะ >_เพียวยิ้มนิดๆ อย่างติดจะขันกับอากัปกิริยาของฉันที่เห็นชัดเลยสินะว่ายังหวั่นไหว T^T ทำไมเลิกกันไปตั้งปีกว่าแล้วแต่ฉันยังใจเต้นแรงกับคนๆ นี้อยู่อีกนะ! ฮึบ! หายใจเข้า... หายใจออก... ใจเย็นไว้ปิยอง -0- ร่างกายไม่ใช่ของเรา หัวใจไม่ใช่ของเรา ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอนัตตา~
พระเอกนักบู๊อันดับหนึ่งในดวงใจตลอดกาลของฉันแน่ะ ♥_♥ จากนั้นอะไรต่อมิอะไรก็อิรุงตุงนังขลุกขลัก แต่สุดท้ายอัสก็จับตัวผู้หญิงคนนั้นล็อคกุญแจมือแบบไขว้มือไว้ทางด้านหลังสำเร็จจนได้
โดยที่ลูกสมุนทั้งสองแค่คุมเชิงอยู่หน้าประตูทางออกโดยไม่เข้ามาช่วยบอสตัวเองด้วยซ้ำ หรืออาจต้องรอคำสั่ง?
“ปิยอง!”
เรียกพร้อมยื่นมือมาหาฉัน ด้วยสีหน้าจริงจังแบบว่าพระเอ๊กพระเอก ฉันเลยรีบลุกพรวดและวิ่งลัลล้าไปหาพร้อมกับวางมือลงบนมือนั้นด้วยหัวใจพองโต แม้ว่าสมุนสองคนของ MG จะกำลังวิ่งมาทางนี้เหมือนกันแต่ฉันก็ บ่ยั่น ก็ถ้านอกจากเทพทางบุ๋นแล้วอัสยังเอาดีทางบู๊ได้ขนาดนี้
ฉันคงรอดแล้วแน่ละ!
“อ... เอ๋? =[]=”
อุทานได้ไม่ทันขาดคำ หลังจากวางมือลงบนมืออัสได้ไม่ถึง 0.001 วินาที ร่างกายบอบบางน่าทะนุถนอมของฉันก็รับรู้ได้ถึงแรงเหวี่ยงอีกครั้ง T_T ก่อนที่ตัวฉันจะลอยละลิ่วปลิวลมมากระแทกลูกกระจ๊อกทั้งสองดังอั่ก และล้มลงไปทับบอสที่ยืนออกคำสั่งอะไรสักอย่างที่ฉันไม่ทันฟังอยู่ทาง ด้านหลังอีกคน
ถึงพวกเราจะล้มลงมาทางกองฟางอีกฝั่ง และตัวฉันมีคนตั้งสามคนรับไว้ (ถ้าเรียกให้ถูกคือโดนตัวฉันกระแทกล้มลงไป) แต่... แต่... แต่...
“ทำบ้าอะไรของนายยะ!”
พอผุดลุกพรวดขึ้นมองไปทางที่อัสยืนอยู่โดยมีมือหลายมือจับตัวฉันกันไว้หนุบหนับ ก็กลับพบแค่ความว่างเปล่าและสายลมพัดเศษฟางปลิวเท่านั้น หากแต่เงาทอดยาวจากทางหน้าประตูก็ดึงดูดสายตาให้ฉันมองไป และเห็นร่างสูงยืนตัวตรงล้วงกระเป๋านิ่งๆ อยู่ตรงกลางประตูพอดี
แม้ว่าแสงไฟจะสาดมาจากทางด้านหลังหมอนั่น แต่ฉันสาบานได้! ว่าเห็นอัสเหยียดยิ้มมุมปากเล็กๆ ก่อนยกปลายนิ้วขึ้นแตะหางคิ้วเป็นเชิงลา แล้วเอ่ยบอกสั้นๆ เสียงเรียบสนิท... แต่สำหรับฉัน นั่นคือการกระทำที่กวนคอนเวิร์สเป็นอย่างมาก T_T^
“See ya, baby”
บอกจบก็เลื่อนประตูปิด โดยไม่สนใจสายตาอ้อนวอนและปากที่อ้าพะงาบๆ พูดไม่ออกบอกไม่เป็นของฉันเลยสักนิด โฮกกก!
“เฮ้! อย่าทิ้งกันแบบนี้เซ่! อัส! อัส! กลับมาเดี๋ยวนี้นะ! อย่าทิ้งช้าน!! อ๊าส!!! Help me ด้วยสิฟะ Please! กลับม๊า! T[]T”
และแล้วเสียงคร่ำครวญโหยหวนของฉันในคืนนั้น ก็มีเพียงกองฟางที่ร่วมรับฟังอย่างเห็นใจ (มั้ง) ฮือๆ
ทำไมถึงทำกับฉันด้ายย... TOT~
ปัจจุบัน...
“แล้วเธอรอดมาได้ไงอะปิยอง O.O”
ฉันไม่ได้สนใจคำถามนั้น แต่สนใจก๋วยเตี๋ยวชามใหญ่ที่เคนตะเพิ่งยกมาเสิร์ฟให้มากกว่า ฉันหิวจนจะกินก็อตซิลลาทั้งตัวได้อยู่แล้วนะ T^T อา... น้ำซุบก๋วยเตี๋ยวของโรงอาหารทำไมมันหอมหวนชวนน้ำลายสอแบบนี้ล่ะเนี่ยยยย
“เออ! ฉันก็อยากรู้” เคนตะถามพร้อมมุ่นคิ้ว “ทำไมฉันต้องเป็นคนไปซื้อก๋วยเตี๋ยวให้เธอด้วยวะ ขนาดแม่ยังไม่เคยใช้ฉันมาก่อนเลยนะ -_-^”
ค่า... คุณชายเทวดา!
ฉันไม่ตอบคำถามใครทั้งนั้นเพราะวินาทีนี้การสวาปามทั้งเส้นทั้งผักทั้งน้ำซุบคือสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขที่สุดในโลก~ เมื่อกี้ฉันจัดการโยนรองเท้าเน่าลงถังขยะไปพร้อมถุงมือยางเรียบร้อยแล้ว และจิกหัวใช้หนุ่มฮอตของโรงเรียนอย่างเคนตะไปซื้อก๋วยเตี๋ยวให้โดยอ้างว่า ‘แล้วจะเล่าเรื่องเมื่อคืนให้ฟัง!’ มาล่อได้ เจ๋งปะล่ะ -v-
“นายมาช้าอะเคนตะ เมื่อกี้ปิยองเล่าจะจบอยู่แล้ว” มินิว่า
“อ้าว เฮ้ย ไรวะ”
“มาๆ ฉันจะเล่าให้นายฟังเอง >_ครืด!
“อะ น้ำ”
อัสบอกเรียบๆ หลังจากเลื่อนแก้วน้ำเปล่าตรงหน้าตัวเองมาวางข้างชามก๋วยเตี๋ยวฉัน พอเหลือบมองไป คนที่นั่งอยู่ข้างๆ นี่ก็มองมาเช่นกัน ด้วยสีหน้านิ่งสนิท แต่นัยน์ตาฉายแววระริกขันอย่างปิดไม่มิด
“ไม่เอา” ฉันพาล และงอนบ้างอะไรบ้าง -_-
คนเฮงซวย! ทิ้งกันได้ลงคอ TOT
อัสยักไหล่ ก่อนเอื้อมมือมาเหมือนจะเลื่อนแก้วน้ำกลับไป แต่ฉันจับแก้วไว้หมับ! เพราะกลัวอด นั่นทำให้มือทั้งสองของฉันวางทับมืออัสบนแก้ว และกว่าจะรู้สึกตัว ทุกคนในโรงอาหารรวมถึงเคนตะกับมินิก็มองเราเป็นตาเดียวกันอีกครั้ง... ก่อนที่ทุกคนจะหลบตาฉันพรึบแล้วซุบซิบๆ อะไรบางอย่างกันอย่างสนุกปาก
เฮ้! มันไม่ใช่อย่างที่พวกเธอคิดกันนะ! TT^TT