เฟยหลิงตะแคงตัวหันไปทางคนที่เขาเพิ่งทำให้นางเคลื่อนไหวไม่ได้ด้วยดวงตาทอประกาย เห็นแววตาจ้องจะกินเลือดกินเนื้อแล้วก็ได้แต่เลิกคิ้วถามขึ้น
“เจ้าคงอยากรู้ว่าทำไมข้าถึงทำกับเจ้าแบบนี้”
ลู่เพ่ยพยายามกลอกตาตอบเขา นางก็อยากรู้จริงๆ นั่นแหละ แต่ปากพูดไม่ได้นี่สิ จึงได้แต่ส่งเสียงครางอ้อแอ้
“และคงอยากรู้ว่าเมื่อไรข้าจะปล่อยเจ้า”
“อือ...อือๆ”
เห็นท่าทางครางเป็นลูกหมาของนางแล้ว เฟยหลิงก็พลันอารมณ์ดี เขาขยับนิ้วแตะจุดบนร่างกายของนางไม่กี่ครั้งก็ได้ยินเสียงสูดหายใจเข้าปอดลึก คล้ายรวบรวมสติให้เข้าที่เข้าทาง พอนางจะเอ่ยปากเขาจึงโพล่งขึ้น “ถ้าเจ้ายังพยศให้ข้าต้องลงมืออีกละก็ ข้าจะทำให้เจ้าแข็งจนกลายเป็นหินไปเลย แถมยังจะยกหินอย่างเจ้าไปประดับหน้าจวนของตาเฒ่าลู่อีกด้วย”
“องค์ชายหกช่างรังแกสตรีไม่มีทางสู้ได้เก่งนัก”
“สตรีไม่มีทางสู้หรือ”
ทั้งหน้าทั้งตาของเฟยหลิงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเพ่ยเอ๋อของข้าเรียกว่าไม่มีทางสู้ เกรงว่าคงไม่มีสตรีคนใดบนแคว้นนี้มีทางสู้กระมัง”
แม้จะไม่ชอบใจกับคำว่า เพ่ยเอ๋อของข้า แต่นางคร้านจะใส่ใจ จากเรื่องที่นางอ่านมา องค์ชายหกผู้นี้เป็นสุภาพชนคนหนึ่ง อ่อนโยนกับสตรียิ่งไม่ใช่หรือ เหตุใดพอมาเจอตัวเป็นๆ กลายเป็นคนกะล่อนร้ายกาจไปเสียได้ คิดแล้วก็น่าเสียดาย สงสัยนิยายเล่มนั้นคงจะมีอะไรผิดพลาดเสียแล้ว อย่างน้อยๆ คนเขียนก็พรรณนานิสัยใจคอของอีตานี่ได้ตรงกันข้ามกับความเป็นจริงมาก
“เจ้าคิดอะไรอยู่” เห็นนางเงียบไป เขาก็อดถามขึ้นไม่ได้ คิ้วตาของนางงดงามเสียจนเผลอเข้าใกล้ “บอกข้าได้หรือไม่”
“มีบุรุษแปลกหน้ามาอยู่บนเตียงด้วย องค์ชายจะให้หม่อมฉันคิดอะไรเพคะ”
“หรือว่าเจ้าคิดอยากเป็นหนึ่งในสนมของข้า”
“เป็นสนมขององค์ชายหม่อมฉันไม่อาจเอื้อมหรอกเพคะ หม่อมฉันว่าองค์ชายพูดมาตรงๆ ดีกว่า บุกรุกมาหาหม่อมฉันถึงเรือน มีอะไรรับสั่งกับหม่อมฉันกันแน่ ถ้า องค์ชายไม่พูดก็เชิญเสด็จกลับไปเถิด อีกไม่นานคนของหม่อมฉันก็จะเข้ามาแล้ว”
“คนของเจ้าหรือ ไม่มีใครเข้ามารบกวนหรอก”
“องค์ชายทรงหมายความว่าอะไรเพคะ”
“ในเมื่อข้าเข้ามาหาเจ้าถึงในนี้ ยังคิดว่าจะมีคนอื่นเข้ามาอีกหรือ” เห็นแววตาวับวาวคล้ายมีดของนางแล้ว เฟยหลิงก็ได้แต่ถอนหายใจออกมายืดยาว “วางใจเถอะ ข้าแค่ให้พวกเขาหลับไปชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น พอข้ากลับออกไปเดี๋ยวก็ตื่นขึ้นมากันเอง”
“องค์ชายช่าง...” เลวนัก แน่นอนท้ายประโยคนางเพียงคิดในใจ แม้จะไม่พอใจแค่ไหน ก็ยังยิ้มถามอย่างเป็นงานเป็นการ “บอกความต้องการขององค์ชายมาเถิดเพคะ รั้งอยู่ที่นี่นานไม่ดีนักหรอก”
“เจ้าเป็นห่วงข้าหรือ”
“หม่อมฉันเป็นเพียงสตรีผู้ต่ำต้อย ไม่อาจเอื้อมเป็นห่วงองค์ชายหรอกเพคะ”
“สตรีผู้ต่ำต้อย”
เฟยหลิงทวนคำแล้วอดกลอกตามองออกไปนอกม่านมุ้งไม่ได้จริงๆ ถ้านางต่ำต้อยอย่างที่ปากว่า เขาจะลักลอบเข้ามาหาอย่างนั้นหรือ ถ้านางต่ำต้อยจริงๆ ตาเฒ่าเซินจะกล้าขอเลือดที่กลั่นจากอกของนางไปทำยาแก้พิษร้ายได้เช่นไร แต่ตาเฒ่านี่ก็พิลึกนัก รู้ได้อย่างไรว่านางเคยไปร้านเยว่ซิน แถมยังรู้ด้วยว่าที่เขาต้องการหายจากอาการป่วยก็ล้วนมีสาเหตุมาจากนาง
“ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าต่ำต้อย”
“แต่ก็ไม่สูงศักดิ์เทียบเท่าองค์ชายใช่ไหมเพคะ”
“เรื่องนั้นก็ใช่ แต่ก็เอาเถอะ ข้าเองก็เป็นเพียง องค์ชายที่ถูกเสด็จพ่อทอดทิ้ง ถูกราชสำนักตราหน้า แล้วก็เป็นองค์ชายใกล้ตาย ในเมื่อเจ้าคิดว่าตัวเองต่ำต้อย ตัวข้าก็ไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไร อีกอย่างข้ามาถึงที่นี่แล้ว ข้าก็ต้องการบางอย่างจากเจ้า”
“องค์ชายทรงปรารถนาอะไรจากหม่อมฉันหรือเพคะ”
“นอกจากขอให้เจ้าปิดความลับนั่นแล้ว ในวันใดที่ข้าทำให้เจ้าไม่ต้องเข้าวังไปเป็นสนมปรนนิบัติเสด็จพ่อ เจ้าให้เลือดที่กลั่นจากอกแก่ข้าสักเล็กน้อยได้หรือไม่ ข้ารับรองว่าจะไม่มีวันปล่อยให้เจ้าต้องตายแน่นอน”
“เลือดกลั่นจากอก...” นั่นมันไม่ใช่ น้ำนม หรอกหรือ นางคิดในใจ แต่ดูเหมือนอีตานี่จะไม่เข้าใจเลยว่าหมายถึงอะไร
“องค์ชายบอกหม่อมฉันได้หรือไม่ ว่าทรงต้องการไปทำอะไร”
ในเมื่อนางอยากรู้ เขาก็ได้แต่บอกนางตามตรง “ไปทำยาแก้พิษ”
ถ้าเป็นลู่เพ่ยคนก่อนคงไม่รู้หรอกว่าองค์ชายหกต้องการเลือดนางไปทำยาแก้พิษให้ใคร แต่ตัวนางรู้ดีจึงได้แต่พยักหน้าอย่างง่ายดาย “ได้เพคะ วันใดที่หม่อมฉันไม่ต้องเข้าวัง หม่อมฉันจะให้สิ่งที่พระองค์ต้องการ องค์ชายจะเอาไปเท่าไรแค่ไหนก็ได้ ขอแค่หม่อมฉันมีชีวิตรอดก็พอ” แต่ต้องหลังจากที่นางมีสามี มีลูกซะก่อนนะ ถึงจะมีน้ำนมได้
ถึงแม้จะคาดคิดไว้แล้วว่านางต้องตอบตกลง แต่พอนางตอบรับง่ายดายโดยไม่ถามหาเหตุผลหรือแสดงท่าทีประหลาดใจเช่นนี้ เขาก็ได้แต่ต้องพิจารณานางให้มากกว่าเดิม แต่เมื่อไม่มีสิ่งใดผิดปกติก็ได้แต่ตกปากให้คำมั่น
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอแค่ข้ามีชีวิตอยู่ เจ้าไม่มีวันตาย”
“ขอบพระทัยเพคะ”
เฟยหลิงมองคนพูดนานขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย เวลานางเป็นแบบนี้ดูเรียบร้อยและจริงใจขึ้น เขาจึงอดยิ้มไม่ได้ สุดท้ายก่อนที่ความรู้สึกบางอย่างจะก่อตัวขึ้นมากกว่านี้ ก็ได้แต่ก้าวลงจากเตียงด้วยความระมัดระวัง “เจ้านอนอีกหน่อยเถอะ ข้าต้องกลับแล้ว”
“องค์ชายอย่าลืมสัญญาที่ให้ไว้กับหม่อมฉันนะเพคะ”
เฟยหลิงชะงักฝีเท้าที่มุ่งไปยังหน้าต่าง แล้วก็ตอบโดยไม่ได้หันกลับมา “เจ้าไม่มีวันได้เป็นสนมของเสด็จพ่อแน่นอน” เขาทิ้งคำมั่นไว้แค่นั้นก็กระโดดออกนอกหน้าต่าง ลู่เพ่ยจึงเห็นเพียงเงาดำสายหนึ่งที่พุ่งผ่านกำแพงไป เหลือทิ้งไว้เพียงกลิ่นเหอฮวาอ่อนจางตามม่านมุ้งและที่นอนเท่านั้น