“มึงจะทำอะไรกูวะไอ้แก่”
“กูว่าพวกเราปล่อยผู้หญิงคนนี้ไปเถอะไอ้วิว”
“มึงก็อีกคนไอ้กิจ กูไม่น่ามีเพื่อนขี้ขลาดอย่างมึงกับไอ้ภูมิเลยวะ”
“...” กิจกับภูมิถึงกับเงียบไปเมื่อถูกเพื่อนหาว่าขี้ขลาด ก่อนหันหน้ามามองกันแล้ว ก็หันไปมองผู้ชายที่ลงมาจากรถเบนซ์ ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นอาวุธในมือของเขา
“ถ้าพวกนายอยากตายอยู่ตรงนี้ เดี๋ยวฉันจะสงเคราะห์ให้” จอมพลพูดด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม เมื่อสองในห้ายังปากเก่งไม่เลิก ตอนนี้เขาไม่มีเวลามียืนฟังเรื่องไร้สาระของเด็กเลวๆ พวกนี้ ถ้าอยากมีเรื่องกันนัก เดี๋ยวจะจัดให้หนัก ต่อไปจะได้ไม่ทำเรื่องชั่วๆ อีก
“นั่น...มันปืนนี่หว่าไอ้วิว”
“อะ...เออ” เด็กหนุ่มชื่อ วิว ถึงกับเสียงสั่น มองอาวุธเสียงดำในมือของชายแปลกหน้าอย่างตื่นกลัว แล้วรีบปล่อยมือเด็กผู้หญิงทันที
“ไปขึ้นรถซะ” จอมพลสั่งเด็กผู้หญิงที่วิ่งเข้ามาหาเขาทันที ในขณะที่สายตายังจ้องมองกลุ่มเด็กวัยรุ่นอย่างเดือดดาล ถึงกับต้องให้เขาหยิบปืนขึ้นขู่ ถึงจะยอมปล่อยผู้หญิง ที่แท้ก็กลัวตายเหมือนกัน นึกว่าจะเก่งจนถึงที่สุดเสียอีก ร่างเล็กบอบบางรีบวิ่งไปขึ้นรถตามคำสั่งอย่างตื่นกลัว โดยที่สายตายังจับจ้องอยู่ที่ร่างสูงกำยำที่ยืนเล็งปืนไปยังกลุ่มวัยรุ่น
“พวกนายก็ไปกันได้แล้ว หรืออยากกินลูกปืน...ฉันก่อน”
“…” พอผู้ชายที่ถือปืนพูดจบ วัยรุ่นทั้งห้าคนก็รีบวิ่งไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ แล้วขับออกไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อเห็นกลุ่มวัยรุ่นขับรถหายไปจากสายตา จอมพลก็เดินกลับมาขึ้นรถ ก่อนขับออกมาจากตรงนั้นทันทีเช่นกัน
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา จอมพลก็ขับรถมาจอดหน้าสถานีตำรวจ ก่อนตวัดสายตามองเด็กสาวที่เขาช่วยเหลือเอาไว้
“ในเมื่อเธอไม่ยอมกลับบ้าน ฉันก็ส่งเธอที่นี่แหละ เอาล่ะลงไปได้แล้ว ฉันกำลังรีบ...”
“…” คนถูกสั่งให้ลงจากรถ ยังนั่งเงียบ ก้มหน้ากลั้นเสียงสะอื้น แล้วเขาจะให้เธอไปไหนล่ะ ในเมื่อตอนนี้เธอกลับบ้านไม่ได้แล้ว ถึงกลับไปก็ไม่รู้ว่าจะถูกพ่อแม่บุญธรรมลงโทษอะไรอีก ที่สำคัญไม่รู้ว่าลูกชายของพวกท่านยังมีชีวิตอยู่ไหม!
“ตกลงเธอจะเอายังไงกับฉันกันแน่”
“ฮือๆ”
แทนที่จะได้คำตอบ จอมพลก็ต้องปวดหัวกับเด็กสาวที่เขาให้ความช่วยเหลืออีกครั้ง เพราะเด็กสาวคนนี้เอาแต่ร้องไห้ แล้วก็ร้องมาตลอดทางด้วย “หยุดร้องไห้เดี๋ยวนี้ ฉันเกลียดเด็กขี้แย”
“ขอโทษค่ะ หนูขอไปกับคุณด้วยได้ไหม หนูไม่รู้จะไปที่ไหน ถ้าหนูกลับไปที่บ้านหลังนั้น หนูคงถูกพ่อแม่บุญธรรมตีอีกแน่ ฮือๆ”
“แล้วเธอทำอะไรผิด ทำไมถึงต้องหนีออกมาจากบ้าน อ้อ...ฉันยังไม่รู้เลยว่าเธอชื่ออะไร”
“หนูชื่อ อรพิมล ส่วนนามสกุลเดิมหนูไม่รู้หรอกค่ะ พ่อแม่บุญธรรมของหนูนามสกุล เจริญเดช พ่อแม่บุญธรรมรับหนูมาเลี้ยงตั้งแต่หนูห้าขวบ”
“เธออายุเท่าไร” จอมพลถามต่อเมื่อรู้ว่าเด็กผู้หญิงที่เขาช่วยเอาไว้ชื่ออะไร จะว่าไปเด็กคนนี้ก็หน้าตาน่ารักมาก อยากรู้จริงๆ ว่าบิดามารดาผู้ให้กำเนิดเป็นใคร ทำไมถึงทอดทิ้งลูกตัวเองได้ลงคอแบบนี้
“อาทิตย์หน้า หนูก็สิบห้าปีแล้วค่ะ”
“ทำไมถึงหนีออกจากบ้าน พ่อแม่บุญธรรมรักเธอมาก ไม่ใช่เหรอ?”
“เอ่อ...คือ...หนู...”
“ถ้าเธอไม่บอกความจริงกับฉัน ก็ลงไปจากรถของได้ซะ”
“พี่นพจะปล้ำหนูนะคะ หนูก็เลย...” อรพิมลหยุดคำพูดเอาไว้แค่นั้น แล้วก้มลงมองมือของตัวเอง ที่ตอนนี้ยังมีคราบเลือดติดอยู่ แต่พอได้เห็นเลือดอีกครั้ง มือทั้งสองข้างก็เริ่มสั่นขึ้นอีกครั้ง ก่อนตัดสินใจบอกผู้ชายที่ช่วยเหลือเธอจากกลุ่มวัยรุ่น เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน ด้วยน้ำตานองหน้า “หนูเอามีดปอกผลไม้แทงพี่นพ จากนั้นหนูก็วิ่งออกมาจากบ้าน”
“...” พอได้ฟังคำตอบจากปากของเด็กผู้หญิงที่เขาช่วยเอาไว้ จอมพลถึงกับพูดไม่ออก มองมือเล็กสั่นเทาทั้งสองข้างที่มีรอยเลือดติดอยู่อย่างสงสาร เด็กอายุแค่นี้ ไม่น่าจะมาเจอเรื่องแย่ๆ ขนาดนี้เลย แล้วนี่เขาต้องทำยังไงดีกับเด็กผู้หญิงคนนี้ล่ะ เพราะตัวเขาเองก็มีปัญหาเหมือนกัน ชายหนุ่มยกมือขึ้นนวดขมับอย่างเครียดจัด เรื่องของเขาก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว จะให้ช่วยคนอื่น ก็คงไม่ไหว...
“หนูไม่อยากกลับไปบ้านหลังนั้นอีก คนในบ้านหลังนั้นไม่มีใครรักหนูจริงๆ สักคน พวกเขาทำเหมือนหนูเป็นขี้ข้า เป็นทาสรับใช้ของพวกเขาตลอด ทุกครั้งที่พี่หญิงหรือพี่นพขโมยเงินพ่อแม่บุญธรรม พอแม่บุญธรรมจับได้ พี่หญิงกับพี่นพก็จะโยนความผิดมาให้หนูรับแทนตลอด”
“ฉันจะไปช่วยเธอได้ยังไง ในเมื่อฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ ไม่ใช่แต่เธอหรอกที่มีปัญหา ฉันเองก็มีปัญหาเหมือนกัน อีกอย่าง...เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันเป็นคนดี ฉันอาจเป็นคนชั่วและเลวกว่าคนในครอบครัวของเธอก็ได้” จอมพลย้อนถามเสียงแข็ง มองเด็กสาวข้างกายอย่างไม่สบอารมณ์นัก ก่อนถอนหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด เมื่อเห็นน้ำตาที่เริ่มไหลลงมาอาบแก้ม ตามด้วยเสียงสะอื้นเล็กน้อย แล้วเสียงเล็กๆ ก็ดังขึ้นมา
“หนูรู้ว่าคุณเป็นคนดี ถ้าคุณเป็นคนชั่ว เมื่อกี้คุณคงไม่ลงไปช่วยหนูจากวัยรุ่นกลุ่มนั้นแน่”
“เพราะเรื่องนี้เหรอ เธอถึงบอกว่าฉันเป็นคนดี เฮ้อ...เอาล่ะๆ เลิกร้องไห้ได้แล้ว ฉันไม่ชอบเด็กขี้แย เอาเป็นว่าคืนนี้ฉันจะพาเธอกลับไปบ้านฉันด้วยก็ได้ แล้วพรุ่งนี้ค่อยคุยกันอีกที ว่าจะทำยังไงต่อ...” จอมพลตัดบทพร้อมกับขับรถออกมาจากหน้าสถานีตำรวจ ตอนนี้เขารู้สึกเหนื่อยกับเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเขาหรือเรื่องของเด็กผู้หญิงคนนี้ เห็นทีแผนเดินทางไปหัวหินคงต้องพักเอาไว้ก่อน ว่าแต่เขาจะกลับบ้านหลังไหนดีล่ะ? ในเมื่อบ้านที่เขาซื้อเอาไว้หลังจากแต่งงานกับมรกตก็กลับไปไม่ได้ จะกลับไปคฤหาสน์วรานนท์ก็ยิ่งไม่ได้ใหญ่ ขืนพาเด็กผู้หญิงคนนี้กลับไปด้วย เขาคงต้องตอบคำถามมารดาเป็นกระบุงแน่นอน แต่ก็เอาเถอะ! ...พาเด็กผู้หญิงคนนี้กลับไปด้วย แล้วถูกมารดาบ่นนิดหน่อย ก็ยังดีกว่าพาเด็กผู้หญิงคนนี้ไปพักที่คอนโดส่วนตัวหรือในโรงแรม อาจถูกมองในทางไม่ดีก็เป็นไปได้
//////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...