เมธาวินคิดว่าเขาทำงานเร็วกว่าแม่สื่อแต่เขาไม่ใช่คนที่จะไว้ใจคนง่ายๆ แม้จะได้สัญญาจากโยธกาเป็นลายลักษณ์อักษรแล้วเขายังคงให้คนจับตาดูปู่ของตัวเองและเจ้าของร้านแววหวานเอาไว้เผื่อปู่ของเขาอาจจะบ้าจี้เป็นคนจ่ายค่าปรับคืนเข้ากระเป๋าเขาอย่างไม่อินังขังขอบก็ได้
ชายหนุ่มนึกถึงหน้าเจ้าของร้านแววหวาน เธอเป็นหญิงสาววัยเพิ่งพ้นมหาวิทยาลัย หน้าตาและบุคลิกไม่โดดเด่นจนเป็นที่จดจำ การแต่งตัวเรียบร้อยรวมทั้งสีผมและหน้าตาที่ไม่ได้แต่งแต้มทำให้เจ้าตัวดูแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นที่เมธาวินเคยข้องเกี่ยวด้วย แต่มันไม่ได้การันตีว่าเธอจะเป็นคนดีและรักษาสัจจะ
เรื่องที่เธอตกลงเซ็นสัญญานั้นเขาไม่นำมาตัดสินเธอว่าเห็นแก่เงินเพราะตนเสนอไปเอง แต่ถ้าเธอยอมฉีกสัญญาแล้วให้ปู่เขาเป็นคนชดใช้ค่าปรับให้เพราะหวังในสมบัติมากมายที่จะได้ในอนาคต เช่นนั้นเขาคงสามารถพูดได้เต็มปากว่าเธอเห็นแก่เงิน
ครืดดด
เสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้นในวันหนึ่งที่เขาออกมาทำสัญญาร่วมกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สัญชาติสิงคโปร์ ชายหนุ่มกดรับสายตามความเคยชินเพราะคิดว่าคงเป็นเรื่องงานเหมือนทุกเมื่อเชื่อวัน
แต่สายเรียกเข้านี้กลับทำให้ชีวิตแบบเดิมๆ ที่คุ้นเคยของเขาเริ่มเปลี่ยนไป วันนี้มีเรื่องให้เขาต้องลุ้นเสียแล้ว
[คุณมาร์คครับ วันนี้คุณท่านออกไปพบคุณโยที่ร้านแววหวานครับ]
คนที่เขาส่งไปติดตามผู้เป็นปู่โทรมารายงาน
เมธาวินรู้มาว่าก่อนหน้านี้มิ่งขวัญเคยไปเป็นประธานในการเปิดร้านแววหวานทั้งสองสาขา เขาพอจะเข้าใจได้ว่าหญิงสาวคงนับถือปู่เขาเหมือนเป็นผู้หลักผู้ใหญ่เพราะท่านให้ทุนหญิงสาวเรียนและให้ที่อยู่อาศัยมาหลายปี ในตอนที่คุยเรื่องสัญญาเขาดูออกว่าโยธกาไม่ได้คิดอะไรเกินเลยและดูงงมากว่าทำไมเขาไปขอให้เธอสัญญาเช่นนั้น
ชายหนุ่มคิดว่าปู่ของเขาคงเป็นฝ่ายเดียวที่คิดเรื่องแต่งงาน และอีกไม่นานเขาก็คงจะได้รู้ว่าจะออกหัวหรือออกก้อยเพราะปู่กับเขามีนิสัยเหมือนกัน คือคิดแล้วลงมือทำอย่างฉับไว
ผลเป็นอย่างไรเดี๋ยวได้รู้กัน!
โยธกามีโอกาสได้ต้อนรับมิ่งขวัญที่ร้านของตนเอง ท่านบอกว่าแวะมาหาหมอที่โรงพยาบาลใกล้ๆ ร้านแล้วจะแวะเข้ามาเยี่ยมเธอเสียหน่อย หญิงสาวยังตีโจทย์ไม่ออกว่าทำไมเมธาวินถึงเข้ามาตกลงกับเธอด้วยเงื่อนไขแบบนั้น
ตอนที่ปู่ของชายหนุ่มมายืนตรงหน้า แม้คันปากเพียงใดแต่เธอก็ไม่กล้าถามท่านเลยแม้แต่สักครึ่งคำ
จะให้คิดว่าปู่ของเขาชอบเธอ ก็ดูไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะแววตา ท่าทาง และคำพูดที่ท่านแสดงก็ห่างไกลคำว่าชู้สาวมาก ถ้าคิดอะไรคนตรงเผงอย่างท่านคงพูดหรือแสดงออกให้เห็นแล้ว แต่นี่เธอรู้สึกได้ว่าท่านเอ็นดูเธอเหมือนลูกหลาน
การได้พบกับมิ่งขวัญในวันนี้ทำให้โยธกาได้คำตอบว่าเมธาวินอาจจะเข้าใจอะไรผิด เทพเจ้าคงอยากช่วยให้เธอรอดจากหนี้นอกระบบเลยส่งเขามาปล่อยกู้ให้เธอเป็นการชั่วคราว เจ้าของร้านแววหวานยิ้มน้อยๆ แล้วหยิบกล่องขนมที่เตรียมไว้ให้มิ่งขวัญมาเปิดออกให้ผู้สูงวัยได้ยลโฉม
“โยทำขนมกับเครื่องดื่มเพื่อคุณปู่โดยเฉพาะเลยค่ะ”
“ดีเลย ปู่อยู่บ้านต้องงดขนมและของหวาน วันนี้มาเจอหมอแล้วปู่ก็คิดว่าไม่ต้องคุมอาหารแล้ว ควรจะตามใจตัวเองบ้าง” แววตาของท่านหม่นแสงลง โยธกาเห็นใจท่านเป็นอย่างมาก เพราะปัญหาสุขภาพของมิ่งขวัญทำให้เธอได้ไอเดียในการทำขนมเพื่อท่านโดยเฉพาะ
“คุณปู่ทานได้พอประมาณค่ะ มันเป็นเมนูเพื่อสุขภาพ น้ำกระเจี๊ยบที่ใช้น้ำตาลหญ้าหวานผสมหล่อฮั่งก๊วยแทนน้ำตาล ตัวขนมถ้วยลดแป้งและใช้นมอัลมอนด์แทนกะทิ แล้วนี่ก็คือวุ้นนมอัลมอนด์ไข่ขาว มีขนมไข่ฝอยทองที่คุณปู่อยากกินแต่ใช้น้ำตาลอัลลูโลสทำฝอยทองค่ะ คนเป็นเบาหวานทานได้”
ดวงตาของมิ่งขวัญเป็นประกาย ตอนที่พบว่าตัวเองเป็นโรคเบาหวาน เขาต้องปรับอาหารใหม่ทั้งหมด เชฟที่บ้านเองก็ถูกจ้างมาเพื่อทำอาหารให้ถูกโภชนาการและมีความอร่อย ตอนนี้มีขนมหวานที่ตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพของเขาเพิ่มขึ้นมาอีก คนสูงวัยยิ้มให้กับความใส่ใจของโยธกายิ่งนัก
“รสชาติมันอาจจะแตกต่างจากน้ำตาลปกติแต่โยพยายามปรับสูตรจนคิดว่าพอดีแล้ว หวังว่าคุณปู่จะชอบนะคะ”
มิ่งขวัญชิมขนมไปทีละอย่าง เขานึกเทียบกับขนมเวอร์ชั่นปกติของร้านที่ตนเคยชิมแล้วก็คิดว่ามันอร่อยดี
“ปู่ว่าความหวานพอดีแล้ว หน้าตาและเนื้อสัมผัสของขนมก็ดีมาก หนูทำขาย ก็น่าจะขายดีเพราะคนป่วยแบบปู่มีอีกหลายคน”
“โยก็จะลองทำแน่นอนค่ะ ตอนที่ทำคิดไว้เหมือนกันว่านอกจากคนป่วยแล้วอาจจะขายขนมเหล่านี้เป็นทางเลือกเพื่อสุขภาพ”
“เรื่องสุขภาพค่อนข้างอ่อนไหวสำหรับคนในยุคนี้ อานัสเองก็มาขอชวนปู่เข้าหุ้นเพราะมีโครงการทำพวกเครื่องดื่มผสมวิตามินแบบไม่มีน้ำตาลขายในคลินิกของมันเหมือนกัน” ท่านเอ่ยถึงลูกชายที่เลือกจะดำเนินธุรกิจคลินิกเสริมความงามที่กรุงเทพฯ แล้วให้ลูกชายอย่างเมธาวินมาช่วยงานคนเป็นปู่แทน
“น่าสนใจดีนะคะ ถ้าคุณอานัสทำโยจะสั่งมาวางในร้านทุกสาขาเลย ลูกค้าต้องชอบแน่นอน”
“ไม่รู้มันจะรีบทำไหม เจอแต่ละทีมีโครงการเยอะแยะแล้วต้องใช้ทุนสูงด้วย เผลอๆ ขนมคลีนของหนูโยคงวางขายก่อน จะว่าไปแล้วถ้าร้านแววหวานอยู่ใกล้ๆ คงดี ปู่จะได้กินทุกวัน”
“โยทำขนมส่งให้คุณปู่ได้ตลอดนะคะ แต่ว่าที่จัดเสิร์ฟในทุกวันต้องให้นักโภชนาการจัดขึ้นโต๊ะให้อีกที”
โยธกาเป็นแม่ค้าขนมหวานที่เป็นสายรักสุขภาพ หญิงสาวตั้งใจจะลบภาพจำที่ว่ากินขนมหวานและน้ำหวานแล้วจะอ้วน แม้จะเพิ่มทางเลือกให้คนที่รักสุขภาพ แต่เธอก็รู้ว่าอะไรที่มากไปก็ไม่ดี โดยเฉพาะกับปู่มิ่งขวัญหากท่านน้ำตาลขึ้นเพราะกินขนมคลีนเยอะเกินไป หลานชายท่านอาจจะมาบีบคอเธอได้...
“ปู่อาจจะอยู่ได้อีกไม่นาน ตอนนี้อยากทำอะไรปู่ก็จะทำ ก่อนจะไม่มีโอกาส”
โยธกาเห็นท่าทางหม่นเศร้าของคนตรงหน้าแล้วหัวคิ้วของเธอก็ย่นเข้าหากัน
“ทำไมคุณปู่พูดแบบนั้นล่ะคะ”
“หนูโยเก็บความลับได้ไหม”
“...”
“ถ้าหนูสัญญาว่าจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง ปู่จะเล่า แค่หนูสัญญากับปู่ว่าจะเก็บความลับนี้ไว้กับตัวเองคนเดียว”
แม้สัญญาหนนี้จะไม่มีเงินมาเกี่ยวข้องแต่สัญชาติญาณบอกเธอว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เมธาวินมาตกลงกับเธอก่อนหน้านี้ ความอยากรู้ทำให้หญิงสาวรับปากท่านว่าจะเก็บไว้เป็นความลับ
จากนั้นปู่มิ่งขวัญก็เล่าเรื่องราวที่ท่านคิดจะทำให้เธอฟัง หัวใจของเธอปั่นป่วนไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลายจากเรื่องที่ได้ยิน การตัดสินใจที่แปลกกว่าคนทั่วไปของท่านทำให้เธอทัดทานและเสนอแนวทางที่น่าจะดีกว่า และแล้วหญิงสาวก็ได้กลายเป็นตัวแปร
“วิธีของหนูก็น่าสนใจ แม้มันยากไปสำหรับปู่ แต่ถ้าหลานๆ ของปู่เป็นฝั่งเป็นฝาปู่จะเปลี่ยนใจอยู่ที่นี่เพื่อรอเฝ้าดูพวกเขา”
“ใช่ค่ะ คุณปู่เปลี่ยนใจเถอะนะคะ คุณมาร์คกับคุณมิงค์ยังต้องแต่งงานมีลูกมีเต้า พวกเขาคงอยากให้คุณปู่อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรไปนานๆ”
“มันก็ใช่ ว่าแต่หนูโยจะช่วยปู่ได้ไหม ปู่อยากให้หนูหมั้นกับเจ้ามาร์คมัน ถ้าหนูยอมหมั้น ปู่จะทำตามแนะนำของหนู”
“คุณปู่ว่ายังไงนะคะ”
โยธกาชะงักงัน เธอคิดว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดตรงไหนสักอย่างแล้วล่ะ...
หญิงสาวคุยกับปู่มิ่งขวัญอยู่อีกเป็นชั่วโมง ตอนแรกเธอนึกว่าท่านล้อเล่น แต่เมื่อท่านพูดเรื่องเดิมอย่างจริงจังแล้วนำเอกสารหลักฐานต่างๆ มาให้ดูเพื่อให้เธอรู้ว่าท่านไม่ได้โกหก หญิงสาวหัวหมุนไปหมดเพราะว่าเธอกลายเป็นตัวแปรในการตัดสินใจของชายชราไปเสียแล้ว