ตอนที่ 11

1390 Words
บทที่ 11 “ลินดาไม่สบายหรือเปล่าครับ ตาแดงเชียว” แฮรี่อดเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ เมื่อมานั่งรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน “นั่นสิ จมูกก็แดงด้วย เหมือนคนร้องไห้มาอย่างหนักเลย” หทัยชนกที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วยอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นบ้าง และก็ทำให้ อลินดาถึงกับต้องก้มหน้าหลบสายตาสงสัยของทุกคน “คือ... มาสคาร่าที่ปัดมามันเข้าตาน่ะจ้ะ แล้วลินดาก็ลืมตัวขยี้หนักมือไปหน่อย ตาก็เลยแดง” หล่อนแก้ตัว แต่ดูเหมือนว่าผู้ร่วมสนทนาจะไม่ค่อยเชื่อนัก โดยเฉพาะหทัยชนก “แหม อย่ามาพูดดี เธอเคยปัดมาสคาร่าที่ไหนกันยายลินดา เห็นหน้าสดมาทำงานตลอด” “อ๋อ พอดีเมื่อเช้าลองปัดมาน่ะจ้ะพี่นก” อลินดารีบแก้ตัวขึ้นอีก ระบายยิ้มเจื่อนๆ ออกมา “ผมว่าเรากินข้าวกันเถอะครับ กับข้าวเย็นหมดแล้ว” อลินดากล่าวขอบคุณแฮรี่อยู่ภายในอกเงียบๆ เมื่อเขาช่วยทำให้หล่อนหลุดพ้นจากหัวข้อสนทนานั้นอย่างหวุดหวิด “ลินดาลองกินนี่สิครับ ไก่ทอดอร่อยมาก ผมกินมาสองสามครั้งแล้ว” “ขอบคุณค่ะ คุณแฮรี่” อลินดาระบายยิ้มหวานให้กับแฮรี่อย่างซาบซึ้งในน้ำใจ และกำลังจะตักอาหารใส่ปาก แต่สายตาไม่รักดีดันมองข้ามศีรษะของแฮรี่ไปยังร่างสูงใหญ่ของใครบางคนเข้าพอดี ดวงตาของหล่อนติดแหงกอยู่กับร่างของแซคคารีย์จนขยับไปไหนไม่ได้ หล่อนจ้องมองแซคคารีย์ที่ยืนคุยอยู่กับผู้ชายรูปร่างหน้าตาดีคนหนึ่ง ซึ่งถ้าเดาไม่ผิดน่าจะเป็นลูกค้ารายใหญ่ของโรงแรมอยู่นานจนแฮรี่ผิดสังเกต ต้องเอี้ยวตัวไปมองข้างหลังเช่นกัน “แปลกนะที่ท่านประธานมากินข้าวในโรงอาหารนี้ด้วย เห็นปกติให้คนยกขึ้นไปให้ที่ห้องอาหารชั้นบนตลอด” หทัยชนกพูดขึ้นด้วยความสงสัย “คงเป็นเพราะมีคุณกฤติชัยมาด้วยมั้งครับ” แฮรี่รู้จักผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ แซคคารีย์ “คุณแฮรี่รู้จักผู้ชายคนนั้นด้วยเหรอคะ” อลินดาที่สามารถหยุดมองแซคคารีย์ได้แล้ว รีบกลบเกลื่อนด้วยการถามออกไป “รู้จักสิครับลินดา คุณกฤติชัยนะเป็นเจ้าของบริษัททัวร์ใหญ่ พาลูกค้ากระเป๋าหนักมาพักโรงแรมของเราเป็นประจำเลย” “เพราะอย่างนี้ท่านประธานถึงต้องลงมาเทคแคร์ด้วยตัวเองใช่ไหมคะ” คราวนี้หทัยชนกเป็นฝ่ายถามขึ้นบ้าง แต่แฮรี่ยังไม่ทันได้ตอบ หทัยชนกก็พูดขึ้นมาอีกครั้งด้วยความสงสัย “นี่ถ้านกตาไม่ฝาด นกเห็นคุณกฤติชัยมองมาที่โต๊ะเราตาไม่กะพริบเลยนะคะเนี่ย” อลินดาก็เห็นเช่นนั้นเหมือนกัน แต่คิดว่าที่กฤติชัยมองมาคงเป็นเพราะจำแฮรี่ได้ “คงมองคุณแฮรี่น่ะพี่นก” อลินดาตอบออกไป ก่อนที่จะก้มหน้าตักข้าวใส่ปากเงียบๆ จิตใจของหล่อนไม่เคยอยู่กับเนื้อกับตัวเลย ยามที่สมองรับรู้ว่าแซคคารีย์มาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ เมื่อไหร่กันนะ เมื่อไหร่หล่อนถึงจะหลุดพ้นจากบ่วงรักที่แสนทรมานนี้สักที หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อยแล้ว หล่อนและแฮรี่ รวมถึงหทัยชนกก็แยกย้ายกันกลับเข้าไปทำงานของตัวเอง แต่หล่อนเกิดปวดท้องจึงแวะเข้าห้องน้ำระหว่างทาง พอก้าวออกมาก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นผู้ชายที่ยืนเคียงข้างกับแซคคารีย์ที่โรงอาหารระบายยิ้มโปรยมาให้ เพราะรู้จักแฮรี่มาว่าเขาคือกฤติชัย เจ้าของทัวร์ใหญ่ที่เป็นลูกค้าคนสำคัญของโรงแรมที่ตัวเองทำงานอยู่ ดังนั้นหล่อนจึงต้องระบายยิ้มตอบกลับไปให้ตามมารยาท “สวัสดีครับ” “สะ... สวัสดีค่ะ” หล่อนรีบยกมือไหว้ เมื่อลูกค้าคนสำคัญของโรงแรมกล่าวทักทาย “ไม่ทราบว่าคุณ... อลินดาใช่ไหมครับ” “ค่ะ แต่ว่า... คุณรู้ชื่อของฉันได้ยังไงกันคะ” หล่อนเต็มไปด้วยความแปลกใจ แต่คู่สนทนไม่ยอมตอบ กลับระบายยิ้มให้แทน “ไปคุยกันสักประเดี๋ยวได้ไหมครับ” “แต่ว่า... ถึงเวลาทำงานแล้วน่ะค่ะ” “ผมขออนุญาตคุณแซคแล้วล่ะครับ” คำตอบของผู้ชายหน้าตาดีตรงหน้าทำให้หล่อนไม่มีทางเลือก “ก็... ได้ค่ะ” “งั้นเชิญทางนี้ครับ” ร่างสูงเพรียวของกฤติชัยนำหน้าหล่อนออกไปยังด้านนอกของตัวโรงแรม และไปหยุดที่สวนหย่อมแสนสวย “พี่สาวของคุณหายตัวไปเหรอครับ” ทันทีที่หยุดเดิน คำถามของกฤติชัยก็ดังออกมาจากปากของเขา อลินดามองชายหนุ่มที่น่าจะวัยไล่เลี่ยกับแซคคารีย์ด้วยความประหลาดใจ “คุณ... ทราบได้ยังไงคะ” สีหน้าของกฤติชัยยังคงเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้ม “ผมทราบจากคุณแซคน่ะครับ” หล่อนชะงักไปเล็กน้อย และก็อดโมโหแซคคารีย์ไม่ได้ ไหนเขาบอกว่าเรื่องที่นารีรัตน์หายตัวไปมันคือความลับระหว่างสองครอบครัวยังไงล่ะ แต่ทำไมเขาเอามาบอกกฤติชัย “ค่ะ” หล่อนจำต้องตอบรับออกไป “แต่ฉันอยากขอร้องให้คุณ กฤติชัยเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับได้ไหมคะ คือถ้าเรื่องนี้มันมีคนอื่นที่รู้เพิ่มขึ้นอีก ฉันเกรงว่าชื่อเสียงของคุณแซคจะเสียหาย รวมถึงชื่อเสียงของพี่นารีด้วยน่ะค่ะ” หล่อนไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าใต้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มละไมของ กฤติชัยกำลังคิดอะไรอยู่ แต่สุดท้ายเขาก็รับปากออกมาจนได้ และก็ทำให้หล่อนสบายใจขึ้น “ไว้ใจผมเถอะครับ คุณอลินดา” “ขอบคุณมากนะคะ คุณกฤติชัย” อลินดายกมือขึ้นไหว้ขอบคุณบุรุษตรงหน้าอย่างซาบซึ้งในน้ำใจของเขา “ด้วยความยินดีครับ ว่าแต่... เย็นนี้พอจะมีเวลาว่างไปรับประทานมื้อค่ำกับผมสักมื้อได้ไหมครับ” “คุณกฤติชัยชวน... ฉันเหรอคะ” หล่อนเอานิ้วจิ้มเข้ามาที่ร่างของตัวเอง มองคู่สทนาอย่างแปลกประหลาดใจ “ใช่ครับ พอดีผมนัดกินข้าวกับคุณแซคเอาไว้นะครับ ก็เลยอยากจะชวนคุณอลินดาไปด้วย” หล่อนคงตอบตกลงได้ไม่ยากเย็นนัก หากไม่รู้ว่ามี แซคคารีย์รวมอยู่ด้วย “คือเย็นนี้ฉันต้องรีบกลับบ้านน่ะค่ะ ต้องกราบขออภัยคุณกฤติชัยด้วยนะคะ” “ถือว่าเห็นกับผมไม่ได้เหรอครับ ผมอยากชวนคุณไปกินข้าวด้วยจริงๆ” “แต่ว่า... คุณกฤติชัยก็มีคุณแซคไปด้วยแล้วทั้งคนนี่คะ” “ก็ผมอยากให้คุณอลินดาไปด้วยนี่ครับ” น้ำเสียงของกฤติชัยแม้จะนุ่มนวลแต่ก็หนักแน่นและจริงจังจน อลินดาอดหวาดหวั่นไม่ได้ “คือว่า...” “อาทิตย์หน้าจะมีทัวร์จากยุโรปเดินทางมาเมืองไทยอีกหลายสิบชีวิต และผมก็สัญญาว่าจะนำมาลงที่โรงแรมนี้” กฤติชัยคงกำลังจะบอกหล่อนเป็นนัยๆ ว่าเขาคือลูกค้าใหญ่นะ ห้ามขัดใจเขานะ อย่างแน่นอน “ก็ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวคุณกฤติชัยบอกชื่อร้านมานะคะ เลิกงานแล้วฉันจะรีบนั่งแท็กซี่ไปหาเลยค่ะ” คำตอบของหล่อนไม่ถูกใจเขาอีกแล้วใช่ไหม เพราะกฤติชัยส่ายศีรษะไปมา “เดี๋ยวไปพร้อมผมครับ” “ไปพร้อมคุณกฤติชัยเหรอคะ” เจ้าของชื่อพยักหน้ารับน้อยๆ “ใช่ครับ เพราะกว่าผมจะคุยธุระกับคุณแซคเสร็จก็คงอีกหลายชั่วโมง” “แต่ฉันเลิกงานห้าโมงเย็นนะคะ” หล่อนยังคงเกรงใจและเป็นกังวล แต่สีหน้าของกฤติชัยไม่มีร่องรอยความทุกข์ร้อนใดๆ เลย “ผมรอได้ครับ” หล่อนไม่รู้จะปฏิเสธยังไงก็เลยต้องตอบตกลงออกไป และเดินกลับไปยังแผนกบัญชีด้วยความมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันน่าแปลกใจไม่น้อย ที่จู่ๆ ลูกค้ารายใหญ่ของแซคคารีย์มาตีสนิทกับพนักงานบัญชีต๊อกต๋อยเช่นหล่อน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD