ตอนที่ 10

1243 Words
บทที่ 10 ทันทีที่หล่อนก้าวออกมาจากลิฟต์ตัวใหญ่ที่มีเอาไว้สำหรับผู้บริหารระดับสูงเท่านั้น วาเนสซ่าก็รีบเดินเข้ามาหา และกล่าวเร่งเร้าให้หล่อนรีบเดินตาม “ท่านประธานรอเธอนานแล้ว เร็วเข้า” “ค่ะ” วาเนสซ่าพาหล่อนมาหยุดที่หน้าห้องทำงานของแซคคารีย์ ก่อนจะยกมือขึ้นเคาะประตูไม้หนึ่งครั้ง “ท่านประธานคะ อลินดาพนักงานบัญชีมาแล้วค่ะ” “ให้เข้ามา” “ค่ะ” เลขาสาวตอบรับคำสั่งของเจ้านาย ก่อนจะหันมามองหล่อนที่ยืนหน้าซีดอยู่ใกล้ๆ “ท่านประธานอนุญาตแล้ว เข้าไปได้” ประตูห้องทำงานของแซคคารีย์เปิดกว้างออกด้วยมือของวาเนสซ่า “เข้าไปสิ เร็วเข้า” “ค่ะ” หล่อนที่ยืนลังเลอยู่ไม่มีทางเลือก จำต้องก้าวเท้าเข้าไปภายในห้องทำงานกว้างขวางของแซคคารีย์อย่างไม่มีทางเลือก บานประตูไม้แกะสลักถูกดึงให้ปิดสนิทจากด้านนอก แซคคารีย์นั่งตระหง่านอยู่หลังโต๊ะทำงานไม้ สีหน้าของเขาเคร่งเครียดดุดัน และน่ากลัวยิ่งนัก หล่อนพยายามตั้งสติ แต่เหงื่อก็ผุดพรายขึ้นมาในอุ้งฝ่ามือจนเปียกชุ่ม หล่อนไม่อยากเผชิญหน้ากับแซคคารีย์เลย... “คุณแซค... มีอะไรจะใช้ฉันเหรอคะ” ดวงตาสีสนิมตวัดจ้องมองมาที่หล่อนเขม็ง และถ้ามองไม่ผิดที่มุมปากของเขามีรอยยิ้มหยัน นี่หล่อนทำอะไรผิดไปอีกล่ะ “ถ้าไม่มี... ฉันขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะคะ” “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ!” เสียงกระด้างดังเล็ดลอดออกมาจากลำคอแกร่ง และแซคคารีย์ก็ลุกขึ้นยืน เดินอ้อมโต๊ะทำงานไม้มาหยุดไม่ไกลจากร่างของหล่อนนัก อลินดาถอยหลังออกห่างอีกหนึ่งก้าวตามสัญชาตญาณ “คุณแซค... มีธุระอะไรกับฉันเหรอคะ” ทำใจกล้าเอ่ยถามออกไป แต่สุ่มเสียงสั่นระริกจนน่าอับอาย หล่อนเห็นกรามแกร่งที่มีเงาของไรหนวดและเคราของแซคคารียร์ขบกันแน่น ก่อนที่เขาจะพูดออกมา “เมื่อเช้าฉันไปสถานีตำรวจมา” อ๋อ ที่ทิ้งหล่อนเอาไว้ที่ปั๊มน้ำมัน ก็เพราะเขารีบไปสถานีตำรวจนี่เอง และก็ไม่ต้องให้ใครบอกหล่อนก็รู้ว่าแซคคารีย์ไปที่สถานีตำรวจทำไม “ค่ะ” เขายิ้มหยัน มองหล่อนด้วยสายตาดุดัน “แล้วเธอรู้ไหมว่าฉันได้รับรู้อะไรจากตำรวจมาบ้าง” “ก็คงจะเป็นเบาะแสของพี่นารีมั้งคะ” “นี่ดูท่าทางเธอไม่ทุกข์ไม่ร้อนเลยนะที่นารีหายตัวไป” เขาก้าวเข้ามาหากระชั้นขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่หล่อนมั่วแต่ตอบโต้เขาจนลืมถอยหลังหนี มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่สองร่างแทบจะไม่เหลือช่องว่างอยู่อีกแล้ว “หรือว่าทุกอย่างมันเป็นการจัดฉากของเธอ” “คะ?” หล่อนตกใจกับสิ่งที่ได้ยินมาก นี่แซคคารีย์ดูละครมากไปหรือเปล่า ถึงได้คิดอะไรบ้าๆ แบบนี้ขึ้นมาได้ “อย่ามาทำหน้าซื่อตาใส ฉันคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน มันอาจจะเป็นเพราะฝีมือของเธอ” “นี่คุณแซคคิดว่าที่พี่นารีหายตัวไป เป็นเพราะฉันเหรอคะ” “ใช่” หล่อนหัวเราะเยาะออกมา มองเขาอย่างเหลือเชื่อ “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยนะคะว่าคุณแซคจะคิดอะไรได้ตลกแบบนี้” “ตลกตรงไหนกัน” เขาเค้นเสียงเดือดดาลถามกลับมา “ก็ตรงที่คิดว่าฉันจะให้คนมาลักพาตัวพี่สาวฝาแฝดไปน่ะสิคะ ฉันจะทำแบบนั้นทำไม มันไม่มีเหตุผลสักนิด” นี่เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่คิดอะไรแบบนี้ “เหตุผลมีแน่นอน” “เหตุผลอะไรคะ” ศีรษะทระนงของผู้ชายจอมบงการโน้มต่ำลงมาหา สายตาของเขาเต็มไปด้วยความดุร้าย “ก็เพราะว่าเธออยากเป็นเมียของฉันแทนนารียังไงล่ะ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ เธอรักฉัน” หล่อนเผยอปากค้างเติ่ง เมื่อคำพูดของแซคคารีย์มันวิ่งเข้าแทงหัวใจของหล่อนอย่างจัง ราวกับลูกธนูเพลิงไม่มีผิด ใช่... หล่อนตกหลุมรักแซคคารีย์จนโงหัวไม่ขึ้น แต่หล่อนไม่ใช่คนที่อยู่เบื้องหลังการหายตัวไปของนารีรัตน์ อลินดาเม้มปากอิ่มแน่นจนเจ็บ รวบรวมสติของตัวเองอย่างสุดความสามารถ และรีบก้าวเท้าถอยหลังห่างออกไปอย่างรวดเร็ว “ฉันไม่ได้คิดอะไรกับคุณค่ะ คุณแซค” “ฉันไม่เชื่อ นารีบอกฉันมาตลอดว่าเธอแอบรักฉันอยู่ และก็เคยขอร้องให้นารียกฉันให้กับเธอ” อลินดาส่ายหน้าไปมาปฏิเสธ คาดไม่ถึงเลยว่าพี่สาวของตัวเองจะเลือกการใส่ร้ายแบบนี้ให้กับหล่อน ทั้งๆ ที่หล่อนก็ยอมเสียสละให้ทุกอย่าง แม้กระทั่งชื่อเสียง “ไม่จริงค่ะ” “กล้าๆ หน่อยสิ กล้ายอมรับออกมา” “ก็บอกแล้วไงคะว่าฉันไม่รู้เรื่องที่พี่นารีหายไป ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ ค่ะ” หล่อนถดถอยหนีไปจนแผ่นหลังชนเข้ากับกำแพงเย็นเฉียบ ในขณะที่แซคคารีย์ย่างสามขุมคุกคามเข้ามาหยุดตรงหน้า หล่อนหมดทางหนี ทำได้แค่ส่ายหน้าปฏิเสธในสิ่งที่เขากล่าวหาเท่านั้น “ฉันไม่รู้เรื่องค่ะ ได้โปรดอย่าปรักปรำฉันเลย” “เอาไว้ไปแก้ตัวกับตำรวจเถอะ” ดวงหน้าของอลินดาซีดเผือด “หมาย... หมายความว่ายังไงเหรอคะ” แซคคารีย์ระบายยิ้มเหี้ยมเกรียม “ฉันบอกกับตำรวจไปว่าฉันสงสัยเธอ” “คุณแซค?” หล่อนตกใจสุดขีด และก็น้ำตาเอ่อล้นขอบตาด้วยความน้อยใจกับสิ่งที่แซคคารีย์กระทำกับตัวเอง “พรุ่งนี้ตำรวจคงจะมาเชิญตัวเธอไปสอบปากคำ เตรียมคำพูดแก้ตัวเอาไว้ให้ดีๆ ก็แล้วกัน อ้อ... แต่ถ้าไม่อยากไปพบตำรวจ ก็บอกความจริงมาว่าเธอเอาคนรักของฉันไปซ่อนไว้ที่ไหน” แซคคารีย์เรียกนารีรัตน์ว่าคนรักเต็มปากเต็มคำ หล่อนเจ็บไปทั้งอกทั้งๆ ที่รู้ดีว่าเขารักพี่สาวของตัวเอง “ฉันไม่รู้เรื่องค่ะ” “ถ้าปากแข็งแบบนี้ ก็ไปคุยกับตำรวจก็แล้วกัน” เขาขยับตัวออกห่างจากร่างที่สั่นเทาของหล่อน สายตาคมกริบที่มองมาเต็มไปด้วยความขยะแขยง “แต่จำเอาไว้นะว่า หากมีหลักฐานโยงมาถึงเธอเมื่อไหร่ ฉันจะเอาเรื่องเธอให้ถึงที่สุด” น้ำตาที่เอ่อล้นอยู่ขอบตาตอนนี้ทะลักไหลออกมาโชว์ความอ่อนแออย่างน่าอับอาย มือเล็กรีบยกขึ้นปาดทิ้ง “ค่ะ” แซคคารีย์หงุดหงิดที่อลินดาไม่ยอมปริปากบอกอะไรเลย ทั้งๆ ที่เขาก็ข่มขู่หล่อนหนักหนาแบบนี้ “ไสหัวไปได้แล้ว ออกไป!” ไม่ต้องรอให้เขาไล่ซ้ำอีก หล่อนก็รีบวิ่งหนีออกไปจากห้องทำงานของเขาอย่างรวดเร็ว ทำไม... ทำไมเขาใจร้ายแบบนี้... อลินดาหนีเข้ามาร้องไห้คร่ำครวญอยู่ในห้องน้ำ น้ำตาไหลรินอาบแก้มจนแทบจะท่วมห้องน้ำอยู่แล้ว แค่เขาไม่รัก แค่เขาไม่ไยดีก็เจ็บปวดทรมานแสนสาหัสแล้ว แต่นี่... เขายังมองหล่อนเลวร้ายแบบนี้อีก หญิงสาวสะอื้นได้ด้วยความทุกข์ทรมานเป็นที่สุด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD