ตอนที่ 7

1417 Words
บทที่ 7 อลินดาก้าวออกมาจากห้องน้ำในชุดนอนของนารีรัตน์ผู้เป็นเจ้าสาวตัวจริง หล่อนกระชับเสื้อคลุมเนื้อเนียนแน่น ขณะก้าวเท้าเดินกลับมายังเตียงนอน ผู้ชายตัวโตยืนหันหลังอยู่ที่หน้าต่าง หล่อนได้ยินเขาพูดโทรศัพท์กับใครบางคนด้วยน้ำเสียงระรัวเร็ว ไม่นานเขาก็ตัดสายสนทนา และหันขวับมามองหล่อนที่กำลังจะก้าวเท้าขึ้นไปบนเตียง “เธอจะทำอะไรน่ะ” คนที่นั่งลงบนเตียงชะงัก หันไปมองคนใจร้ายอย่างไม่เข้าใจ แซคคารีย์เดินมาหยุดข้างเตียง และกระชากแขนของหล่อนให้ลงมาจากเตียงอย่างไม่ปรานีปราศรัย “คุณแซคจะทำอะไรคะ” ร่างของหล่อนถูกเหวี่ยงแรงๆ จนล้มลงไปกับพื้นพรม หล่อนช้อนตามองเขาด้วยความไม่พอใจ “เธอไม่มีสิทธิ์ขึ้นไปนอนบนเตียงกับฉัน” สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด “ที่ข้างตัวฉันคือที่สำหรับนารีคนเดียวเท่านั้น จำเอาไว้ด้วย” คนฟังหัวใจปวดร้าวแสนสาหัส แต่ก็พยายามที่จะสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้ “งั้นฉันนอนที่โซฟาก็ได้ค่ะ” “ไม่ได้” หล่อนได้ยินคำพูดของเขาก็เม้มปากแน่น ก่อนจะกัดฟันลุกขึ้นยืนแต่ก็โซเซนักเพราะสองขาอ่อนแรงเหลือเกิน “งั้นฉันนอนกับพื้นห้อง หน้าเตียงของคุณแซคก็ได้” เขายิ้มเลือดเย็น เดินเข้ามาหยุดตรงหน้าของหล่อน กลิ่นกายที่เต็มไปด้วยความเซ็กซี่ของแซคคารีย์ทำให้หล่อนมึนเมาและลุ่มหลงได้เสมอไม่เคยเปลี่ยน แต่ก็จำต้องเก็บซ่อนเอาไว้ให้ลึกสุดใจ “เธอนอนในห้องนอนกับฉันไม่ได้หรอก เพราะฉันไม่มั่นใจว่าเธอจะหน้าด้านขึ้นมานอนบนเตียงกลางดึกหรือเปล่า” “ฉันมีศักดิ์ศรีพอค่ะ สาบานว่าจะไม่ทำแบบนั้น” “ผู้หญิงอย่างเธอเชื่อถือได้ที่ไหนกัน” เขาย้อนกลับมาอย่างเจ็บแสบ และก็ยิ่งตอกย้ำให้หล่อนทุกข์ทรมานเหลือเกิน “งั้นฉันจะไปนอนข้างนอกห้องค่ะ” “ไม่ได้ เดี๋ยวคนใช้เห็น แล้วจะเอาไปนินทา ฉันไม่ชอบเป็นขี้ปากของคนใช้” อลินดากระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ มองเขาอย่างหมดความอดทน “แล้วสรุปจะให้ฉันนอนตรงไหนคะ หรือว่าจะให้ขึ้นไปนอนบนฝ้าเพดาน” แซคคารีย์ไม่สนใจคำพูดประชดประชันของหล่อนเลย เขาหัวเราะเหยียดหยัน “ห้องน้ำ” “คะ?” “เธอฟังไม่ผิดหรอก เธอต้องเข้าไปนอนในห้องน้ำ และห้ามออกมาจนกว่าจะเช้า” อลินดาช็อกอ้าปากค้าง นี่มันอะไรกัน ศักดิ์ศรีของหล่อนยังถูกเขาเหยียบขยี้ด้วยฝ่าเท้าไม่สาแก่ใจอีกหรือไง “คุณแซคต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ใครจะไปนอนในห้องน้ำได้คะ” “ก็เธอยังไงล่ะ” เขายิ้มเยาะ และเดินไปหยิบหมอนโยนหายเข้าไปในห้องน้ำ “เข้าไปได้แล้ว และอย่าโผล่หน้าออกมาให้ฉันเห็น จนกว่าจะเช้า เข้าใจไหม” “ไม่ค่ะ ฉันไม่ทำแบบนั้นหรอก” หล่อนปฏิเสธทั้งน้ำตา เกลียดเขานักที่ย่ำยีความเป็นคนของหล่อนแบบนี้ แต่แรงของหล่อนหรือจะสู้ผู้ชายร่างยักษ์อย่างแซคคารีย์ได้ สุดท้าย เขาก็ผลักหล่อนเข้าไปในห้องน้ำได้สำเร็จ “คุณแซค... ทำอย่างนี้ไม่ได้นะคะ” “อย่าโวยวายน่า ห้องน้ำฉันออกจะสะอาด ความจริงน่าจะสะอาดและกว้างกว่าห้องนอนของเธอที่บ้านเสียอีก” เขาปิดประตูใส่หน้าหล่อนอย่างเลือดเย็น และเมื่อหล่อนพยายามจะหมุนลูกบิดเปิดประตูก็พบว่าเขาเอาแม่กุญแจมาล็อกประตูด้านนอกเอาไว้เสียแล้ว “คุณแซค ล็อกประตูทำไมคะ เปิดสิคะ” “ถ้าฉันไม่ล็อกประตู ผู้หญิงแพศยาอย่างเธอก็จะย่องออกมากลางดึกน่ะสิ อย่าคิดว่าฉันรู้ไม่เท่าทันเธอนะ อลินดา” อลินดาทั้งทุบบานประตู ทั้งร้องตะโกนให้เขาเปิด แต่เขาก็ใจดำราวกับอีกา สุดท้ายแล้ว หล่อนก็อ่อนแรง ทรุดกายนั่งลงกับพื้นห้องน้ำ และร่ำไห้เงียบๆ ยอมรับชะตากรรมของตัวเองอย่างไร้ทางเลือก “คนใจร้าย...” มือเล็กขาวสะอาดยกขึ้นปิดหน้า และก็ปลดปล่อยให้ความโศกเศร้าเสียใจที่อัดแน่นอยู่ภายในหัวใจสำแดงฤทธิ์เดชออกมาอย่างเต็มที่ ร้องไห้ให้สาสมกับความใจร้ายของแซคคารีย์ที่สาดซัดเข้าใส่หล่อนอย่างไร้ความปรานี เช้าวันต่อมา... อลินดารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความเมื่อยขบ เพราะตัวเองนั่งหลับพิงอยู่กับขอบประตูห้องน้ำ ไม่ได้นอนอย่างที่ควรจะเป็น ร่างเล็กขยับตัวลุกขึ้นยืนด้วยความอ่อนแรง เลื่อนตัวตรงไปที่กระจกเงาเหนืออ่างล้างหน้า มองภาพสะท้อนของผู้หญิงหน้าตาเสื่อมโทรมในนั้นด้วยความเวทนา ตาบวมเป่ง ใต้ตาก็คล้ำราวกับเป็นญาติสนิทกับหลิงฮุ้ย ช่างน่าเกลียดเหลือเกิน กลีบปากอิ่มเม้มแน่นเป็นเส้นตรง เมื่อคืนที่ผ่านมามันเป็นยิ่งกว่าฝันร้ายสำหรับหล่อน หล่อนถูกขอร้องแกมบังคับให้สวมรอยเป็นนารีรัตน์ สวมรอยเป็นพี่สาวฝาแฝดของตัวเองอย่างไม่มีทางเลือก และเมื่องานเลี้ยงจบสิ้นลง ก็หวังว่าละครฉากนั้นจะจบลงไปด้วย แต่มันกลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิดฝันเอาไว้ เมื่อแซคคารีย์บอกให้หล่อนทนอยู่กับเขาในฐานะเมียคั่นเวลาจนกว่าจะตามหานารีรัตน์ที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเจอ หล่อนพยายามที่จะโต้แย้ง พยายามที่จะทัดท้านแล้ว แต่ผู้ชาย เผด็จการอย่างแซคคารีย์ก็เอาเหตุผลของตัวเองเป็นใหญ่เสมอ แต่การสวมรอยเป็นนารีรัตน์ก็ยังไม่ทุกข์ทรมานแสนสาหัส เท่ากับการถูกแซคคารีย์แสดงความเกลียดชังขยะแขยง จนต้องโยนหล่อนเข้าไปนอนในห้องน้ำ น้ำตาไหลพรากออกมาไม่หยุด และหล่อนก็ยังยืนร่ำไห้อยู่หน้ากระจกอีกนาน หากประตูห้องน้ำไม่เปิดออกกะทันหันเสียก่อน พร้อมกับร่างของแซคคารีย์ในชุดทำงานเรียบหรูปรากฏขึ้น “อาบน้ำแต่งตัว เธอจะต้องไปทำงาน” “แต่ฉันอยากกลับบ้าน” หล่อนรีบก้าวเท้าถอยออกห่าง เมื่อแซคคารีย์ก้าวเข้ามาใกล้ มองเขาอย่างขมขื่น “นะคะ ให้ฉันกลับบ้านเถอะ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่” “เราตกลงกันเมื่อคืนแล้วไม่ใช่หรือ อย่าลืมง่ายนักสิ” “แต่ฉัน... คิดว่าฉันคงสวมรอยเป็นพี่นารีต่อไปไม่ได้ และฉันก็ไม่ต้องการที่จะนอนในห้องน้ำบ้าๆ นี่อีก” แทนที่เขาจะเห็นใจกลับยิ้มเยาะหยัน “เธอเลือกไม่ได้หรอกอลินดา หน้าที่ของเธอถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ดังนั้นตราบใดที่ฉันยังตามหานารีไม่เจอ เธอก็ต้องเล่นละครเป็นเมียของฉันไปก่อน” หล่อนมองหน้าหล่อเหลาของแซคคารีย์ทั้งน้ำตา เกลียดตัวเองนักที่ยังรักเขา รักทั้งๆ ที่เขาแสนจะร้ายกาจ “ก็ได้ค่ะ แต่ฉันจะอยู่ที่นี่ ไม่ไปทำงานที่โรงแรมแล้ว” “ถ้าเธอไม่ไปทำงาน แล้วฉันจะตอบเพื่อนร่วมงานของเธอว่ายังไงล่ะ เวลามีคนมาถามหาอลินดาน่ะ” “ก็บอกว่าหนีตามผู้ชายไปก็ได้ค่ะ” หล่อนเชิดหน้าสูง “อย่ามาประชดประชัน เธอก็รู้ว่าฉันไม่มีทางใส่ร้ายผู้หญิงคนไหนได้ แม้แต่น้องสะใภ้ชื่อเสียงฉาวโฉ่อย่างเธอ” ในที่สุดหล่อนก็ต้องเจ็บจนจุกเมื่อเขาเอาสิ่งที่หล่อนเป็นฝ่ายเริ่มต้นพูดมาขว้างใส่หน้า “ดังนั้นเธอต้องออกไปทำงานพร้อมกับฉัน แสดงตัวเป็นอลินดาเมื่ออยู่ที่ทำงาน ส่วนตอนกลับมาที่บ้าน เธอต้องสวมรอยเป็นนารีภรรยาตัวจริงของฉัน” แซคคารีย์ตวัดตามองหล่อนอย่างไร้ความรู้สึก “หวังว่าเรื่องง่ายๆ แบบนี้ เธอคงทำได้นะ อลินดา” “แล้วฉันมีทางเลือกเหรอคะ” หล่อนเม้มปากและตอบประชดเขาออกไป “ใช่ เพราะเธอไม่มีทางเลือก” เขายิ้มเลือดเย็น “รีบแต่งตัวได้แล้ว ฉันมีประชุมตอนเช้า” “ค่ะ” หล่อนตอบรับ และเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก นอกจากก้าวหายออกไปจากห้องน้ำ พออยู่ตามลำพัง น้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลรินออกมาราวกับสายน้ำ “พี่นารี... พี่หายไปไหนกันนะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD