ตอนที่ 6

1154 Words
บทที่ 6 งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสผ่านพ้นไปอย่างชื่นมื่น ทุกคำอวยพรจากแขกเหรื่อที่มาร่วมงานยังคงดังก้องอยู่ในหูของหล่อนอย่างชัดเจน ไม่มีใครรู้เลยว่าเจ้าสาวที่ยืนยิ้มเจื่อนๆ อยู่ข้างเรือนกายสง่างามของเจ้าบ่าวสุดหล่อคือตัวปลอม ไม่มีใครดูออก! หล่อนยิ้มเศร้าหมองให้กับโชคชะตาของตัวเอง ขณะนั่งตัวเกร็งอยู่บนเตียงเคียงข้างกับแซคคารีย์ เฝ้ารอคอยการลาจากของแขกผู้ใหญ่คนสุดท้ายที่กำลังจะก้าวผ่านพ้นประตูห้องหอออกไป ไม่ช้าบานประตูไม้ก็ปิดสนิทลง ส่งสัญญาณบอกให้หล่อนรู้ว่าทุกอย่างจบสิ้นลงแล้ว เสียงถอดถอนหายใจของหล่อนดังออกมาจากลำคอ และร่างเล็กก็รีบขยับเหยียดสองขาออกไปข้างหน้าเมื่อนั่งพับเพียบอยู่นานจนเมื่อยขบ “ฉันกลับได้แล้วใช่ไหมคะ” หลังจากนั่งบิดตัวไปมาเพราะความเมื่อยขบอยู่นาน ก็หันไปถามผู้ชายที่นั่งนิ่งอยู่ห่างออกไปเพียงแค่คืบเดียว แต่สายตาคมเข้มวาววับที่ตวัดจ้องมองมา ทำให้หล่อนต้องรีบเสหลบสายตาอย่างรวดเร็ว “สมองปลาทองหรือไง จำที่แม่ฉันสั่งไม่ได้หรือไง” “คะ?” กระแสความเกรี้ยวกราดจากดวงตาสีสนิมส่งผ่านมายังหล่อนได้อย่างชัดเจน นี่เขาโกรธบ้าโกรธบออะไรหล่อนอีกล่ะ ทั้งๆ ที่หล่อนก็ช่วยแก้หน้าให้เขาจนจบสิ้นไปแล้ว “นอกจากจะสมองปลาทองแล้ว เธอยังโง่เหมือนลาอีกใช่ไหม อลินดา” หล่อนถูกด่ามากๆ ก็อดที่จะโกรธขึ้นบ้างไม่ได้ กลีบปากอิ่มจึงเม้มแน่น “ใช่ค่ะ ฉันโง่ ก็เพราะถ้าไม่โง่จริง ฉันคงไม่ยอมช่วยปลอมตัวเป็นพี่นารีหรอกค่ะ” “นี่เธอทวงบุญคุณฉันหรือไง” “โอ๊ย... เจ็บนะคะ” หล่อนอุทานด้วยความเจ็บปวด เมื่อแขนเรียวเล็กตกอยู่ในอุ้งมือกระด้างของแซคคารีย์ และเขาก็บีบแรงๆ อย่างไม่ปรานีปราศรัย ก็ใช่สิ หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาจะต้องทะนุถนอมนี่ อลินดาเต็มไปด้วยความปวดร้าว น้ำตาไหลตกในซ้ำแล้วซ้ำเล่า และก็ต้องการออกไปจากห้องหอนี่ให้เร็วที่สุด “ปล่อยแขนฉันเถอะค่ะ ฉันจะกลับบ้านแล้ว” “เธอจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” “เอ๊ะ...” หล่อนมองเขาอย่างไม่พอใจ “แต่ทุกอย่างมันก็จบลงแล้วนะคะ แขกผู้ใหญ่คนสุดท้ายก็กลับไปแล้วด้วย ดังนั้นฉันก็คงไม่จำเป็นต้องเล่นละครเป็นพี่นารีอีกต่อไป” แทนที่เขาจะเห็นด้วยกับคำพูดของหล่อน กลับแสยะยิ้มเลือดเย็น และจ้องหน้าหล่อนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ “แขกผู้ใหญ่กลับไปหมดแล้วก็จริง แต่ที่นี่มีคนรับใช้มากมาย และฉันก็คงไม่สามารถตามปิดปากได้ทุกคน” “คุณแซคหมายถึง...” “เธอต้องอยู่กับฉัน ต้องแสดงละครเป็นนารีจนกว่าฉันจะตามหาผู้หญิงที่ฉันรักพบ แล้วเมื่อนั้นแหละ เธอถึงจะมีสิทธิ์ย่างเท้าออกไปจากที่นี่ได้” อลินดาส่ายหน้าไปมาด้วยความตื่นตกใจระคนเหลือเชื่อ นี่หล่อนอ่านนิยายมากไปหรือเปล่านะ ทำไมสิ่งที่ได้ยินจากปากของแซคคารีย์ถึงเหมือนนิยายน้ำเน่าเรื่องล่าสุดที่อ่านเลยล่ะ “แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราตกลงกันไว้นี่คะ” “หรือว่าเธอจะให้ฉันไปเรียกร้องค่าเสียหายจากพ่อกับแม่ของเธอล่ะ” เขาข่มขู่ และแน่นอนว่าผู้ชายใจเหี้ยมคนนี้พูดจริงทำจริงเสมอ หล่อนมั่นใจเพราะทำงานกับเขามาได้สักพักแล้ว “แต่ฉัน... ไม่ใช่ภรรยาของคุณแซคนะคะ จะให้มาอยู่กับคุณแซคได้ยังไงกัน” “เพื่อรักษาชื่อเสียงของฉันเอาไว้ ยังไงเธอก็ต้องอยู่ให้ได้” หล่อนเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง มองเขาอย่างขอความเห็นใจ “แล้วคุณแซคจะให้ฉันอยู่ที่นี่ในฐานะอะไรเหรอคะ” เขาปล่อยแขนของหล่อนให้เป็นอิสระ และหรี่ตาแคบกวาดมองดวงหน้าอ่อนเยาว์ของหล่อน ไม่นานรอยยิ้มเหยียดหยันก็เกลื่อนใบหน้าหล่อจัดของแซคคารีย์ “เมียคั่นเวลายังไงล่ะ” “เมียคั่นเวลา?” “ใช่ รอจนกว่าฉันจะพบนารี แล้วเมื่อนั้นหน้าที่นี้ของเธอจะจบสิ้นลง หวังว่าเธอคงจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดนะ อลินดา” ทุกพยางค์ที่ออกมาจาก ริมฝีปากหยักสวยของแซคคารีย์ช่างเลือดเย็นและไร้หัวใจยิ่งนัก หล่อนมองเขาด้วยความน้อยอกน้อยใจแต่ก็ต้องพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้ “แล้วเรื่องนั้น...” หล่อนเอ่ยถามแต่ก็ไม่สามารถกลั้นใจพูดจนจบประโยคได้ แต่แซคคารีย์เข้าใจความหมายของหล่อน จึงพูดแทรกขึ้นมาในทันที “ถ้าเธอหมายถึงเรื่องบนเตียงระหว่างเรา” น้ำเสียงของเขาเลือดเย็นและเหี้ยมเกรียมตลอดเวลา “เอ่อ... ค่ะ...” หล่อนผงกศีรษะตอบรับและเสหลบสายตาของชายหนุ่มที่หล่อเหลาไม่เกรงอกเกรงใจมนุษย์ผู้หญิงลงมองมือเล็กที่ประสานกันอยู่บนตักทันที ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มหยันเยาะ “ถ้าเธอมโนไปว่าเราจะต้องนอนด้วยกัน เสียใจด้วยนะ เพราะฉันคงทำใจแตะต้องผู้หญิงสกปรกอย่างเธอไม่ลง” คำพูดจาดูแคลนของแซคคารีย์คมกริบราวกับคมมีดแหลม หล่อนช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างลืมตัว หยาดน้ำตาแห่งความปวดร้าวทรมานไหลซึม “ทำไมต้องดูถูกกันแบบนี้คะ คุณแซค” “แล้วฉันพูดผิดไปตรงไหนล่ะ เธอสำส่อน มั่วไม่เลือก ใช้ผู้ชายเปลืองยิ่งกว่าผ้าอนามัย หึ... แล้วยังจะให้ฉันมองเธอว่าเป็นผู้หญิงแสนดีได้อีกหรือ” น้ำตาที่ไหลคลอเบ้าตอนนี้กลิ้งหล่นลงมาตามแก้มนวล หลังมือเล็กยกขึ้นป้ายทิ้ง “ค่ะ ฉันเป็นผู้หญิงสำส่อน พอใจหรือยังคะ” หล่อนก้าวลงจากเตียง น้ำตายังคงไหลซึม “ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ และหวังว่าคุณแซคจะไม่ตามเข้ามาแอบดู” เพราะน้อยใจเสียใจทำให้อดที่จะโต้ตอบกลับไปบ้างไม่ได้ “เพราะถ้าคุณแซคโผล่เข้ามาในห้องน้ำเมื่อไหร่ ฉันจะจับคุณแซคปล้ำ” แล้วหล่อนก็ยกมือขึ้นป้ายน้ำตา ก่อนจะรีบวิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำทันที “ผู้หญิงแพศยา” แซคคารีย์คำรามในลำคอด้วยความเกลียดชัง ก่อนที่เขาจะตวัดขาลงจากเตียง และเดินไปเปิดหน้าต่างให้กว้างออก สายลมเย็นฉ่ำพัดเข้ามาปะทะร่างหนุ่มเต็มแรง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เรือนกายหนาวเหน็บได้เท่ากับความเย็นยะเยือกที่เกิดขึ้นภายในหัวใจได้เลยแม้แต่น้อย “นารี... คุณหายไปไหน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD