หลี่จินหมิง มองสาวใช้ตรงหน้าอย่างมิเข้าใจนัก นางกล่าวว่าตวนอ๋องเลื่องชื่อมีธุระสำคัญต้องเจรจาเป็นการด่วน แต่สถานที่นัดพบกลับเป็นสวนท้ายจวน มิใช่ห้องหนังสือเช่นที่ผ่านมา ซ้ำก่อนหน้านี้ไม่นานพ่อบ้านหวังอู่ได้แจ้งว่าตวนอ๋องเฉินฟาหยางยังสนทนากับพระชายาเสวียนอยู่ในเรือนใหญ่ และจะออกมาพบปะแขกในอีกหนึ่งเค่อ
หรือว่าโรครำคาญผู้คนกำเริบ?
หลี่จินหมิงเปลี่ยนไปมาก ไม่เหลือคราบของบุรุษร่าเริงยิ้มง่าย เนื่องจากภรรยาผูกผมหมดวาสนาต่อกันเมื่อราวสองปีก่อน นางจากไปพร้อมกับลูกชายฝาแฝดในครรภ์ พรากความสุขในชีวิตเขาไปด้วย รอยยิ้มจึงไม่มีหลงเหลือ คำพูดหวานหูที่กล่าวเป็นประจำก็ไม่มีแล้ว แม้เวลาจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น แต่เขาก็ยังรู้สึกผิดอย่างมากอยู่ดี
ภรรยาผู้ล่วงลับร่างกายอ่อนแอ หลี่จินหมิงจึงไม่เคยกดดันนางเรื่องการตั้งครรภ์ สามปีแรกที่อยู่ด้วยกันเขาตั้งใจดูแลและมอบความสุขให้ภรรยาเท่าที่สามีคนหนึ่งจะทำได้ ในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่บุตรชายที่ดีของสกุลหลี่ ดูแลกิจการของครอบครัวอย่างขยันขันแข็ง หลี่จินหมิงเชื่อว่าทุกอย่างสมบูรณ์ดี แต่สุดท้ายกลับพบว่าเขาทำพลาด ดูแลภรรยาได้ไม่ดีพอ
นางถูกมารดาผู้ให้กำเนิดของเขากดดันเรื่องทายาทสืบสกุลทุกวันที่เขาก้าวขาออกจากเรือน กว่าจะทราบเรื่องนางก็เลิกดื่มน้ำแกงเลี่ยงบุตรและตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้ว
หลี่จินหมิงทราบเรื่องจากสาวใช้คนสนิทของภรรยาว่านางถูกดุด่าให้เสียใจอย่างไรบ้าง เขาจึงโขกศีรษะต่อหน้าบิดา ขอแยกไปอยู่บ้านใกล้ตลาดฝั่งตะวันออก อ้างเรื่องความสะดวกในการเดินทางไปยังร้านค้าสกุลหลี่ แต่ความจริงแล้วเขาทำเช่นนั้นเพราะต้องการให้นางสบายใจ
เขาอยู่กับภรรยาทุกวัน… จนกระทั่งวันที่นางและลูกจากไป
‘ท่านพี่อย่าโทษตนเอง เป็นข้าที่ตัดสินใจว่าจะตั้งครรภ์’
หลี่จินหมิงแค่นหัวเราะ เขาจะไม่โทษตนเองได้อย่างไร ในเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าหนึ่งในแปดของบุรุษสกุลหลี่ล้วนให้กำเนิดทารกแฝด สองในสิบส่วนมารดามักจะไม่รอด ภรรยาของเขาเดิมทีก็มิได้แข็งแรง ต้องลมเย็นเพียงเล็กน้อยก็ป่วยไปสองเดือน ทว่านางก็ยังดื้อดึงจนเกิดความสูญเสียที่ยากเกินกว่าจะกอบกู้ และความสูญเสียนั้นทำให้หลี่จินหมิงมิใช่คนเดิม
คุณชายหลี่ผู้เข้าใจทุกคนไปเสียทุกอย่าง...ตายจากโลกนี้ไปแล้ว
“นี่มันเรื่องอันใดกัน เหตุใดท่านอ๋องจึงไม่นัดพบในห้องหนังสือเล่า”
น้ำเสียงเฉื่อยชาดังขึ้นท่ามกลางความมืด เขาหรี่ตามองร่างอวบอ้วนของสาวใช้ที่สั่นสะท้านคล้ายมีชนักปักหลัง คิ้วเรียวขมวดมุ่นแทบชนกัน เริ่มสงสัยแล้วว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากลอันใดในสวนท้ายจวน
“ห้องหนังสือมีฝุ่นเยอะเจ้าค่ะ” คำตอบของนางนับว่าเป็นความเท็จโดยแท้ ตวนอ๋องเฉินฟาหยางรักการอ่าน ทั้งยังใส่ใจเรื่องความสะอาดเป็นอย่างมาก ย่อมไม่มีทางปล่อยให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้แน่
หรือว่ามีคนวางแผนลอบทำร้าย?
หลี่จินหมิงกวาดตามองรอบตัว ทว่าผ่านไปได้ครู่เดียวก็นึกขบขันตนเองในใจ ว่าเหตุใดจึงกังวลเรื่องความปลอดภัยเสียได้ จวนแห่งนี้แม้เจ้าของมิค่อยได้แวะมา แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าก่อเรื่อง ตวนอ๋องเฉินฟาหยาง น่ากลัวเพียงใด ทุกคนในเมืองหลวงล้วนทราบดี
ทว่าก่อนถึงทางเลี้ยวไปยังสวนที่เขาเคยนั่งเล่นเมื่อราวสิบกว่าปีก่อน สาวใช้ร่างอวบกลับเปลี่ยนทิศทาง หลี่จินหมิงพยายามนึกว่าปลายทางคือเรือนของผู้ใดและทันทีที่เห็นแสงไฟอยู่ไกล ๆ เขาก็รู้ในทันทีว่าถูกลวงเสียแล้ว
“ท่านอา...”
หลี่จินหมิงหันไปตามเสียงเรียกจากด้านหลัง เห็นดวงตากลมโตสุกสกาวที่คุ้นเคย ทว่ายังมิทันเอ่ยทักก็สัมผัสได้ว่ามีผงหอมประเภทหนึ่งลอยมากระทบกับใบหน้า ภาพเลือนรางที่เห็นคือสาวงามกำลังห่อปากเล็กน้อย บอกชัดว่าเมื่อครู่เป็นผู้เป่าเครื่องหอมที่ทำให้รู้สึกมึนเมา เขาอยากถามว่านี่คือเรื่องตลกอันใดแน่ แต่กลับพบว่าตนเองขยับตัวลำบาก พูดกล่าวอันใดมิได้สักคำ ทั้งสองขายังหมดแรงแทบทรุด โชคดีที่มีวงแขนเรียวเล็กโอบกอดไว้
“พาเขาไปที่ห้อง...”
น้ำเสียงของนางมั่นคงหนักแน่นราวกับมิได้กระทำความผิด หลี่จินหมิง อยากดุนางมิให้ทำเรื่องน่าปวดหัว แต่กลับมีเพียงลมอุ่นร้อนออกจากริมฝีปาก และพอตรองดูให้ดีเขากลับมิรู้ว่าต้องดุนางอย่างไร
หลี่จินหมิงมิเคยดุนางแม้เพียงครึ่งคำ
เขามิใช่บุรุษรูปร่างผอมบาง แต่กลับถูกสตรีตัวเล็กและสาวใช้ประคองกึ่งลากไปจนถึงเรือนที่อยู่ไม่ไกลได้ หลี่จินหมิงเห็นว่าในห้องยังพอมีแสงสว่าง เขาจึงหมายใจว่าจะมองหน้าของนางให้ชัดสักหน่อย แต่ยังมิทันถึงประตู เปลือกตาก็พลันหนักอึ้ง สุดท้ายก็ปิดสนิทและได้ยินเพียงบทสนทนาสั้น ๆ ก่อนหมดสติไป
“แน่ใจหรือเจ้าคะคุณหนู”
“หากต้องแต่งงาน ข้าย่อมเลือกบุรุษที่ข้ารัก”
“แต่เขามิได้รักคุณหนูนะเจ้าคะ”
“เช่นนั้นก็ต้องลองดูว่าข้าจะทำให้เขารักได้หรือไม่”
หลี่จินหมิงจำบทสนทนาระหว่างนางกับสาวใช้ได้อย่างแม่นยำ เสียงหวานเศร้ายังคงติดหูมิจางหาย กระทั่งยามได้สติเพราะเสียงถีบประตูที่ตามมาด้วยเสียงตะโกนราวกับฟ้าผ่า เขาก็ยังมิลืมเลือนโดยง่าย จวบจนถูกหมัดทรงพลังต่อยจนหน้าหัน ประโยคท้าทายนั่นก็ยังตราตรึงในสมองดังเดิม
เสวียนหนิงอัน เหตุใดเจ้าจึงร้ายกาจยิ่งนัก?