บทที่ 7 ไม่อยากขอโทษ 1

1124 Words
บาดแผลเล็ก ๆ ของเสวียนหนิงอันจางลงจนแทบมองไม่เห็น แม้ก่อนหน้าจะแสดงทีท่าว่าไม่สนใจหากต้นแขนของตนต้องมีตำหนิ แต่ความจริงแล้วนางใส่ใจอย่างมาก ช่วงแรกถึงขั้นตรวจเกือบทุกสองเค่อเพื่อดูว่าแผลแห้งแล้วหรือยัง จนกระทั่งถูกขู่ว่ามองมากไปแผลอาจหายช้า เสวียนหนิงอันจึงได้ยอมปล่อยวาง คนขู่ให้กลัวก็มิใช่ใครอื่น เป็นหลี่จินหมิงหรือท่านอาใจร้ายของนางนั่นเอง นอกจากจะไม่ให้มองแผลบ่อย ๆ แล้ว เขายังยืนยันว่าต้องทาขี้ผึ้งให้ตรงเวลาและขอเป็นคนดูแลด้วยตนเอง เสวียนหนิงอันปฏิเสธ ทว่าคนหน้าไม่อายกลับไม่ยอมรับฟัง นางจึงต้องยกเอาเรื่องที่ถูกหยิกแก้มจนช้ำมาต่อรอง ขอร้องว่าหากยอมให้เจียอีช่วยดูแลแล้วนางจะไม่โกรธเขาอีก หลังจากเจรจาอยู่นานเขาก็ยอมแพ้ แต่ก็ไม่ลืมเตือนว่าอย่าให้แผลโดนน้ำ หากครบเจ็ดวันแล้วต้องมาให้ตรวจดูอีกครั้ง เมื่อครบกำหนดเสวียนหนิงอันจึงสวมเสื้อคลุมตัวสวยเพราะอากาศค่อนข้างเย็น เดินไปยังห้องหนังสือเพื่อให้เขาตรวจสอบดูว่าผิวของนางไม่เป็นอะไรแล้วจริง ๆ “ท่านอาเจ้าคะ…” เสวียนหนิงอันเอ่ยเรียกเบา ๆ เมื่อได้ยินเสียงตอบรับก็เปิดประตูห้องหนังสือและสาวเท้าตรงเข้าไปหาคนที่กำลังนั่งตรวจบัญชี นางเห็นเขายกมือเป็นเชิงบอกว่าให้รอ จึงหย่อนตัวนั่งบนตั่งไม้ริมหน้าต่างโดยไม่พูดอะไรอีก เขามีปัญหาเรื่องบัญชีหลายวันแล้ว… หลังจากรออยู่เกือบสองเค่อ เปลือกตาของเสวียนหนิงอันก็หรี่ลงอย่างช้า ๆ จากที่นั่งหลังตรงอย่างมีมารยาทก็เปลี่ยนไปเอนกายอย่างเกียจคร้าน ไม่ได้สนใจว่าห้องหนังสือมิใช่ระเบียงในเรือนเล็ก คิดเพียงว่าอากาศเหมาะกับการนอน กอปรกับนางเพิ่งหัดตื่นเช้า มีหรือจะทนนั่งอยู่เฉย ๆ ได้ไหว หลี่จินหมิงที่เพิ่งเงยหน้าขึ้นมาหลังจากตรวจบัญชีถึงกับอุทานในใจว่าภรรยาลับของเขานอนหลับได้น่าเอ็นดูยิ่งนัก เขาวางพู่กันและกดขมับของตนเองเบา ๆ เพื่อไล่อาการปวดหัว ก่อนทุบอกเผื่อว่าหัวใจจะเต้นช้าลงบ้าง “หนิงเอ๋อร์ เจ้าตื่นได้แล้ว” เขาแสร้งกระแอมสองครั้ง แต่ดูเหมือนนางจะหลับลึกมากไปสักหน่อย “โตแล้วยังตื่นยากไม่เปลี่ยน เป็นเช่นนี้แล้วจะแต่งเข้าสกุลใดได้” “แต่งได้… แต่งเข้าสกุลหลี่ได้” เสวียนหนิงอันยกมือปิดปากก่อนหาวอย่างน่ารัก “ท่านอาตรวจแผลเถิดเจ้าค่ะ ข้าจะได้กลับไปเอนหลังที่เรือน” เสวียนหนิงอันยกแขนข้างที่เจ็บยื่นไปข้างหน้า ส่วนมืออีกข้างก็ขยี้ตาแรง ๆ เพื่อที่จะได้ตื่นเต็มตา ไม่ง่วงจนเผลอหลับต่อหน้าเขาอีก นางมองเขาเลิกแขนเสื้อและนิ่วหน้าอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นรอยแผลเป็นจาง ๆ “ยังมีร่องรอยหลงเหลือเล็กน้อย เจ้าอย่าลืมทาขี้ผึ้งที่เหลืออย่างสม่ำเสมอ เข้าใจหรือไม่” “เจ้าค่ะ” เสวียนหนิงอันรับคำเสียงใส “ดีแล้ว ข้าไม่อยากดวงตกเพราะบิดาของเจ้าอีก หากตวนอ๋องรู้ว่าข้าดูแลเจ้าไม่ดี ส่งกลับตำหนักเยว่ฉีโดยที่ร่างกายมีรอยขีดข่วน คราวนี้คงถูกตีถึงขั้นจมูกเขียวหน้าบวม[1]เป็นแน่” “ข้าแต่งกับท่านอาแล้ว แม้จะยังไม่เปิดเผย เป็นได้แค่เพียงภรรยาลับ แต่ก็ถือว่าเป็นภรรยาของท่าน แล้วเหตุใดจึงคิดส่งข้ากลับตำหนักล่ะเจ้าคะ” “ข้าพูดจาเรื่อยเปื่อยเท่านั้น เจ้าไม่ต้องใส่ใจ” หลี่จินหมิงตัดบทสนทนา กลัวว่าจะหลุดปากจนถูกตั้งคำถามอีก “สามีคิดส่งภรรยากลับบ้านหลังจากแต่งงานได้ไม่ถึงเดือน เรื่องน่ากลัวเช่นนี้ไม่ใส่ใจไม่ได้หรอกนะเจ้าคะ! หรือว่าท่านอามีแผนการอันใดที่ข้าควรรู้! หรือว่าท่านคิดกำจัดข้า!” เสวียนหนิงอันหวาดกลัวว่าจะถูกทอดทิ้งจึงเผลอตวาดเสียงดัง แน่นอนว่าคนฟังย่อมทนต่อความก้าวร้าวเช่นนี้ไม่ได้ “เสวียนหนิงอัน ที่ข้าต้องส่งตัวเจ้ากลับตำหนักก็เพราะต้องการให้เจ้าเรียนรู้การเป็นภรรยาที่ดี ศึกษาธรรมเนียมปฏิบัติก่อนเข้าพิธีแต่งงานอย่างถูกต้องตามประเพณีในอีกเก้าเดือนข้างหน้า… หรือว่าท่านพ่อของเจ้าให้ หมัวมัว[2]จากวังหลวงมาสอนแล้ว ข้าจะได้ไม่ต้องส่งเจ้ากลับไป” น้ำเสียงของหลี่จินหมิงเย็นชายิ่งนัก เขาไม่อยากทำร้ายจิตใจของนาง แต่กิริยาหยาบคายเมื่อครู่ปล่อยผ่านมิได้จริง ๆ “ยัง… ยังเจ้าค่ะ” “ปรนนิบัติสามีอย่างไร เรื่องบนเตียงทำอย่างไร เจ้าทราบหรือไม่” เขายื่นหน้าไปใกล้นางจนจมูกแทบชนกัน สร้างความอึดอัดจนสาวงามต้องถอยหลังไปหลายก้าว “ไม่ทราบเจ้าค่ะ” “ถามกลับเพียงเท่านี้ก็หน้าแดงแล้ว ทีหลังหากข้าไม่ต้องการตอบก็อย่าอยากรู้นักเลย เพราะรู้แล้วเจ้าก็เป็นเช่นนี้ ยืนตัวสั่นเป็นลูกนก หากคนนอกเห็นคงคิดว่าข้ารังแกเด็กแล้ว” “หนิงเอ๋อร์ผิดไปแล้ว ท่านอาอย่าโกรธเลยนะเจ้าคะ” เสวียนหนิงอันตัวสั่นสะท้านเพราะมิเคยถูกเขาดุรุนแรงเช่นนี้มาก่อน “เอะอะก็ขอร้องไม่ให้ข้าโกรธ แต่ไม่เคยคิดปรับปรุงตัว” “ท่านอา…” เสวียนหนิงอันแทบจะกลั้นน้ำตาไว้มิอยู่แล้ว “เจ้าออกไปก่อนเถิด ข้ายังมีงานต้องทำอีกมาก ไม่มีเวลาใส่ใจกับเรื่องไร้สาระ…” หลี่จินหมิงเบือนหน้าหนีเพราะผิดหวังที่เจ้าตัวเล็กของเขาดื้อด้าน เอาแต่ใจอย่างที่บิดานางว่าไว้จริง ๆ “เสวียนหนิงอัน หากกลับไปแล้วก็จงตรองดูว่าคำพูดที่เจ้ากล่าวกับข้านั้นเหมาะสมหรือไม่ ลองตรองดูให้ดีว่าเจ้าเห็นข้าเป็นสามี หรือว่าเห็นข้าเป็นเพียงพ่อค้าต่ำต้อยกันแน่” คำถามร้ายกาจทำเสวียนหนิงอันเดินออกจากห้องหนังสือทั้งน้ำตา [1] ถูกทำร้ายร่างกายอย่างหนัก [2] นางข้าหลวงอาวุโสในวัง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD