เปลี่ยนตัว

2272 Words
ภาพของชายหญิงนั่งอิงซบกัน ทำเอามารดาของแผ่นดินถึงกับทรุดตัวลงกับพื้น เสียงแหลมรีบสั่งให้นางกำนัลนำผ้ามาคลุมกายคนทั้งคู่ไว้ เนื่องจากเสื้อผ้าของทั้งสองหลุดลุ่ย แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่ก็มิได้เรียบร้อยดังเดิม “ปลุกให้ตื่นขึ้นมา หากไม่ตื่นก็ตักน้ำสาดเสีย” คำพูดเหลืออดของเจ้าแผ่นดิน ทำให้จงห่าวอู๋และฮูหยินรองใจเสีย กลัวว่าบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนจะต้องถูกลงโทษที่กล้าล่วงเกินองค์หญิงสาม ซ่า! “อื้อ อันใดกัน” ทั้งคู่ลืมตาตื่นขึ้นมา ต่างคนต่างตกใจที่มีผู้คนมากมายมายืนจดจ้องเช่นนี้ จงห่าวหรานที่ได้สติก่อน รีบผละตัวออกจากองค์หญิงซูหนี่ด้วยความรวดเร็ว “สะ เสด็จพ่อ” “ยังกล้าเรียกข้าว่าเสด็จพ่ออีกหรือ ทำเรื่องขายหน้าถึงเพียงนี้ ส่วนเจ้า จงห่าวหราน! เจ้าจะสมรสกับซิงเยียนอยู่แล้ว เหตุใดกล้าทำการหยามเกียรติบุตรีทั้งสองของข้า” ดวงตาแดงก่ำของเจ้าแผ่นดิน ประกอบกับน้ำเสียงเกรี้ยวโกรธ เป็นสัญญาณว่าองค์ฮ่องเต้มิพอใจเป็นอย่างมาก “ห่าวหราน เรื่องเป็นมาอย่างไร เจ้ารีบแจ้งความจริงแก่ฝ่าบาทเถิด” จงห่าวอู๋และฮูหยินรองลงไปคุกเข่าข้างบุตรชาย ท่ามกลางความหวาดกลัวของบิดา แววตาของบุตรชายคนโตสกุลจงกลับเปล่งประกายอย่างขำขัน “กระหม่อมมิกล้าผิดคำสัตย์ต่อฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมารออยู่ที่ศาลาตามรับสั่งของฝ่าบาท แล้วบังเอิญเจอกับองค์หญิงเข้า จึงได้ทักทายและดื่มชาร่วมกันเท่านั้น มิรู้ว่าตนเองมาอยู่ในสภาพนี้ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ” เฟยหย่าเห็นสีหน้าและท่าทีมึนงงของชายหนุ่ม ก็นึกสงสัยว่าเรื่องราวทั้งหมด อาจมีผู้จัดฉากขึ้น มือบางจึงแตะเข้าที่แขนของหลานสาว “ข้าเข้าใจดีเจ้าค่ะท่านป้า” ซิงเยียนเอ่ยเสียงเบา “ท่านกล่าวเช่นนี้ได้อย่างไร คิดจะปัดว่าเป็นความผิดของหนี่เอ๋อร์หรือ” ฮองเฮาหลิวตะโกนขึ้นมาเสียงดัง ทำหน้าที่มารดาผู้ผดุงความยุติธรรมให้บุตรสาวอย่างสุดความสามารถ “เสด็จแม่ ฮึก ลูกอายเกินทนเพคะ พาลูกกลับตำหนักเถิด” “เงียบ!!! เรื่องนี้ห้ามผู้ใดแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด ข้ามิอยากให้เรื่องคาวโลกีย์นี้ เสื่อมเสียมาถึงราชวงศ์ของข้า” “ฝ่าบาท แล้วเรื่องนี้จะทำเช่นไรเพคะ แม่ทัพใหญ่ล่วงเกินหนี่เอ๋อร์ของเราถึงเพียงนี้ อย่างน้อยท่านแม่ทัพควรแสดงความรับผิดชอบบ้าง” สายตาของฮองเฮาหลิวหันมากดดันจงห่าวหราน “แต่จงห่าวหรานกำลังจะสมรสกับซิงเยียน เรื่องนี้ผู้คนต่างรับรู้กันอย่างถ้วนทั่ว” องค์ฮ่องเต้เกรี้ยวโกรธจนเลือดขึ้นหน้า สถานการณ์เช่นนี้ไม่ว่าพระองค์จะตัดสินใจอย่างไรก็มีแต่เสียกับเสีย หากพระองค์ยอมให้จงห่าวหรานตบแต่งกับซูหนี่ ผู้คนจะไม่เล่าลือว่าพี่สาวแย่งคนรักของน้องสาวหรอกหรือ และหากจะให้จงห่าวหรานตบแต่งกับซิงเยียนตามที่ได้ลั่นวาจาไว้ แล้วผู้ใดจะรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นกับซูหนี่ “แต่ยังไม่มีการประกาศสมรสพระราชทานนะเพคะ เราแค่เพียงเปลี่ยนตัวเจ้าสาวเท่านั้น แล้วให้บุตรชายคนโตของสกุลจงตบแต่งกับซิงเยียนแทน…พี่หญิงของเจ้าเสียหายมากมายถึงเพียงนี้ ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจนะองค์หญิงซิงเยียน” หงส์คู่บัลลังก์กล่าวโยงใยผู้อื่นไปทั่ว ดูปราดเดียวซิงเยียนก็รับรู้ได้ว่าองค์ฮองเฮาต้องการสิ่งใด หึ ลองเล่นตามน้ำดูหน่อยจะเป็นไรไป “ซิงเยียน…” องค์ฮ่องเต้ขานนามของธิดาด้วยเสียงอ่อน จะว่าไปเรื่องนี้ผู้ที่เสียหายมากที่สุดคงจะเป็นซูหนี่ “เสด็จพ่อยอมให้องค์หญิงสาม ตบแต่งกับท่านแม่ทัพใหญ่แทนลูกเถิดเพคะ” น้ำเสียงเศร้าหมองของซิงเยียน ทำเอาผู้คนที่ได้ฟังต่างเจ็บปวดไปด้วย พี่สาวกับว่าที่สามีแอบมาทำเรื่องเสื่อมเสีย คงมิมีสตรีใดในแผ่นดินทนได้ “โถ่ องค์หญิงของกระหม่อม” เฟยหย่าเห็นหลานสาวแสดงงิ้ว จึงเข้าไปร่วมเล่นด้วย “มิเป็นไรเพคะ ฮึก ลูกเข้าใจดีว่าท่านแม่ทัพกับองค์หญิงสาม อาจรักใคร่กันอยู่ก่อน” ซิงเยียนยกมือขึ้นปาดน้ำตา ในเมื่ออีกฝ่ายกล้าทำเรื่องน่าอาย เพื่อแย่งชิงแม่ทัพใหญ่ของแคว้นไป นางก็จะรับบทนางเอกผู้แสนดี ยอมเสียสละว่าที่สามีให้กับพี่สาว “มิได้เป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงสี่ กระหม่อมมิได้มีใจให้องค์หญิงสามแม้แต่น้อย เรื่องนี้กระหม่อมคิดว่าต้องมีผู้จงใจใส่ร้าย” คำตอบของจงห่าวหราน ทำเอาซูหนี่ถึงกับหน้าเสีย ซิงเยียนเห็นดังนั้นก็นึกสะใจไม่น้อย “ผู้ใดจะใส่ร้ายก็ช่าง แต่บุตรีของข้าเสียหายไปแล้ว สกุลจงสั่งสอนบุตรชายอย่างไร ให้ไร้ซึ่งความรับผิดชอบเช่นนี้” คนสกุลจง ต่างคุกเข่าลงกับพื้นเมื่อถูกฮองเฮาเอ่ยตำหนิ “ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ” เรื่องนี้คงเป็นสกุลจงที่ลำบากใจที่สุด จะรับผิดชอบชื่อเสียงขององค์หญิงสามก็กลัวผิดคำสัตย์ต่อฝ่าบาท จะรักษาคำสัตย์ก็ถูกต่อว่า ว่าเป็นบุรุษไร้ซึ่งความรับผิดชอบ “พอๆ เรื่องนี้พวกเจ้ามิมีสิทธิ์ออกปากใดๆ ทั้งสิ้น ข้าจะให้ซิงเยียนตัดสินใจ เพราะนางเป็นผู้บริสุทธิ์ ที่ได้รับผลจากการกระทำเลวทรามของพวกเจ้า…ซิงเยียน เจ้าคิดเห็นว่าอย่างไร” “เสด็จพ่อ ลูกมิขอตบแต่งกับแม่ทัพใหญ่แล้วเพคะ องค์หญิงสามถึงขั้นแอบมานั่งดื่มชากับท่านแม่ทัพเพียงลำพัง ทั้งยังตื่นขึ้นมาในสภาพดูมิได้เช่นนี้ ไม่แน่ว่าองค์หญิงสามอาจจะมีใจให้แม่ทัพใหญ่มาก่อน ลูกมิคิดยื้อแย่งเพคะ ชายผู้นี้…น้องยกให้พี่หญิงเพคะ” ว่าเสร็จ ซิงเยียนก็ก้มคำนับก่อนจะหันหลังเดินกลับไป พร้อมกับท่านลุงและป้าสะใภ้ “เหตุใดองค์หญิงจึงยอมแพ้ง่ายๆ เช่นนั้นเล่าพ่ะย่ะค่ะ” ป๋อเหวินถามหลานสาว การยอมปล่อยให้แม่ทัพใหญ่ของแคว้นตบแต่งกับองค์หญิงสาม ทั้งที่รับรู้ว่าเรื่องทุกอย่างอาจเป็นแผนการ มิใช่วิสัยของหลานสาวเขาแม้แต่น้อย “เพราะหากไม่ยอม ข้าก็จะกลายเป็นสตรีเห็นแก่ตัว ที่มิคิดถึงจิตใจพี่สาว ไม่แน่ว่าต่อไปฮองเฮาอาจให้ขันทีกำนัลเอาเรื่องนี้ไปป่าวประกาศ ว่าจงห่าวหรานและซูหนี่มีสัมพันธ์รักใคร่ต่อกัน จนผู้คนเข้าใจว่าเป็นข้าที่ยื้อแย่งแม่ทัพใหญ่มาจากองค์หญิงสาม” “องค์หญิงเลยแสร้งเป็นผู้ถูกกระทำเสียเองใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เฟยหย่าหรี่ตามองหลานในไส้ของสามีอย่างรู้ทัน “เจ้าค่ะท่านป้า” “แล้วเช่นนี้จะคุ้มกับการที่ต้องเสียแม่ทัพใหญ่ ให้กับองค์หญิงสามหรือพ่ะย่ะค่ะ เขามีคุณสมบัติครบที่จะเป็นองค์รัชทายาทได้เลย” “ท่านลุงอย่าได้กังวล สกุลจงภักดีต่อราชวงศ์จวิ้นมานาน ไม่ว่าผู้ใดจะได้รับตำแหน่งองค์รัชทายาท เขาย่อมมิคิดก่อกบฏต่อบ้านเมืองแน่” “…” “อีกอย่างเหตุการณ์นี้ทำให้ข้าคิดได้ว่า จงห่าวหรานเพียบพร้อมและมีอำนาจมากเกินไป ไม่ว่าผู้ใดก็อยากเข้าหาเขา หากเป็นเช่นนี้ วันข้างหน้าข้าจะควบคุมเขาได้ยาก” “อืม เรื่องนี้กระหม่อมเห็นด้วยกับองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ หาสามีโง่ๆ เสียหน่อยก็คงมิเป็นไร อย่างไรองค์หญิงก็ฉลาดหลักแหลมอยู่แล้ว” ซิงเยียนและเฟยหย่าพากันหัวเราะร่า จนป๋อเหวินก็อดยิ้มเอ็นดูไม่ได้ คราแรกเขาก็นึกห่วงว่าหลานสาวจะช้ำใจกับเรื่องนี้ คิดไม่ถึงว่าองค์หญิงตัวน้อยของเขาจะอ่านหมากกระดานนี้ออก เติบโตขึ้นมากจริงๆ “ท่านลุงกับท่านป้าคิดว่า จงจ้านโหรว เป็นคนอย่างไรเจ้าคะ” ซิงเยียนหยุดเดิน ก่อนจะหันมาถามป้าสะใภ้และลุงของนาง “เรื่องนี้กระหม่อมรู้เพียงว่าเขาเป็นบุรุษรูปงามและเจ้าชู้เสเพลเท่านั้น” เรื่องบุรุษรูปงามคงมิพ้นสายตาของเฟยหย่าไปได้ แต่เขาก็รู้เพียงเท่านั้น มิได้รู้ตื้นลึกหนาบาง “จงจ้านโหรวเป็นบุตรชายคนโตของอดีตแม่ทัพจง เห็นว่ามารดาของเขาเป็นบุตรสาวของหัวหน้าชนเผ่าเอ๋อร์หลัวที่ถูกล้มล้าง เพราะคิดคดต่อบ้านเมือง อดีตแม่ทัพจงรับ เอ๋อร์เล่อเถียนปา มาเป็นฮูหยินเอก เพื่อตอบแทนบุญคุณของหัวหน้าชนเผ่า แต่มิรู้ว่าเพราะเหตุใด จึงทำให้ฮูหยินรองอย่างสวีฮวา มารดาของจงห่าวหราน เป็นที่เคารพของบ่าวไพร่มากกว่า ทั้งยังเป็นที่รู้จักของผู้คนมากกว่า จนบางคนแทบหลงลืมไปว่านางมิใช่ฮูหยินเอกของสกุลจง” หวังป๋อเหวินเล่าเรื่องราวที่เขารู้ให้กับภรรยาและหลานสาวฟัง “เรื่องเป็นเช่นนี้ แต่ข้ามิยักรู้…ว่าท่านก็อยากรู้อยากเห็นเรื่องของผู้อื่นเหมือนกัน ฮ่าๆ” คำพูดหยอกล้อของภรรยา ทำเอาป๋อเหวินถึงกับหน้าขึ้นสีด้วยความเขินอาย “ประเดี๋ยวเถิด! เจ้าจะโดนมิใช่น้อย” “อยากโดนเสียจริง เอาหนักๆ เลยนะขอรับท่านเสนาบดี” มิเพียงไม่หวาดกลัว บุรุษร่างเล็กกว่า ยังส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้เขาจนแทบอดใจมิไหว “อะแฮ่มๆ ยังมีเด็กยืนอยู่ตรงนี้อีกหนึ่งคนนะเจ้าคะ” “คิกๆ เด็กที่ใดกัน อีกไม่นานองค์หญิงก็ต้องสมรส ถึงครานั้นมาขอเคล็ดลับจากกระหม่อมได้นะพ่ะย่ะค่ะ รับรองว่า-” “พอๆ พูดเรื่องจงจ้านโหรวดีกว่า องค์หญิงถามถึงชายผู้นี้ด้วยเหตุใด” ซิงเยียนหันไปสนใจกับคำถามของท่านลุง “ข้าคิดว่าจะแต่งกับจงจ้านโหรว เดินตามหมากที่ฮองเฮาหลิววางไว้ ข้าอยากทำให้พวกนานรู้ว่า ไม่ว่าจะมีจงห่าวหรานหรือไม่ ข้าก็จะแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทมาให้ได้” “มิได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ บุรุษผู้นี้นอกจากจะมิมีคุณสมบัติที่เพียงพอจะรับตำแหน่งองค์รัชทายาทแล้ว ยังจะทำให้องค์หญิงของลุงช้ำใจ เพราะความเจ้าชู้เสเพลของเขา” ป๋อเหวินมิเห็นด้วยแม้แต่น้อย หากว่าเยียนเอ๋อร์ของเขาคิดจะตบแต่งกับจงจ้านโหรว เพียงเพราะอยากเอาชนะฮองเฮาหลิวอย่างที่พูดมา “แต่ข้ากลับคิดว่าบุตรชายคนโตของสกุลจง มีสิ่งที่ซ่อนไว้มากกว่าที่เราเห็น” “…” “เอาเป็นว่าแต่เรื่องนี้ข้าจะคิดดูอีกทีเจ้าค่ะ ท่านลุงท่านป้า เดินทางกลับอย่างปลอดภัย” ป๋อเหวินและเฟยหย่าจำใจต้องหันหลังกลับ หวังว่าหลานสาวจะไตร่ตรองอย่างดีก่อนจะตัดสินใจ เมื่อแยกย้ายกับลุงและป้าสะใภ้ ซิงเยียนก็กลับเข้ามาในตำหนัก เอ่ยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้มารดาและน้องสาวฟัง ก่อนที่จะเข้านอน เรื่องการสมรสนางยังคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไร ในเมื่อมิอาจแต่งกับแม่ทัพใหญ่ของแคว้นได้แล้ว จะต้องหาคนอื่นเข้ามา แน่นอนว่าเรื่องที่นางจะสมรสกับสกุลจงคงแพร่กระจายไปมากแล้ว หรือบุตรชายคนโตของสกุลจงจะเป็นทางเลือกที่ดี ชายผู้นี้ไร้ซึ่งอำนาจ หากว่านางสามารถตกลงกับเขาได้ ไม่แน่ว่าจงจ้านโหรวอาจจะอยู่ใต้อาณัติของนางได้อย่างง่ายดาย อีกอย่างชายผู้นี้มิได้ด้อยไปเสียทุกอย่าง ที่รู้แน่ชัดคือเขาต่อสู้ได้มิแพ้ผู้ใด แต่กลับปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ จะต้องมีเรื่องที่นางยังไม่รู้อีกมากเป็นแน่ เห็นทีครานี้ ข้าต้องพึ่งเจ้าแล้ว เจ้าตาสีขนเป็ด งานชมบุปผาผ่านไปไม่นานก็มีข่าวใหญ่พัดโหมขึ้นมา เป็นที่เล่าลือกันไปทั่วทั้งเมืองหลวง เพราะองค์ฮ่องเต้ของแผ่นดินประกาศว่าจะมีการจัดพิธีสมรสระหว่างแม่ทัพใหญ่และองค์หญิงสามของแคว้น แทนที่จะเป็นองค์หญิงสี่ เมื่อเป็นเช่นนี้ชาวบ้านต่างเกิดข้อสงสัยกันมากมาย บ้างก็เล่าลือเรื่องที่องค์หญิงซูหนี่ แย่งชิงคนรักของน้องสาว ถึงขั้นแอบมอมเมาชายหนุ่ม จนเกิดเรื่องเสื่อมเสีย บ้างก็ว่าแม่ทัพใหญ่มีใจหยาบช้า อยากได้ทั้งพี่สาวและน้องสาวมาครอง แน่นอนว่าข่าวลือเหล่านี้ย่อมมาจากคนของซิงเยียน ที่จงใจปล่อยข่าวออกไป เพื่อลิดรอนความน่าเชื่อถือของแม่ทัพใหญ่และซูหนี่ ขออภัยท่านด้วย จงห่าวหราน แต่นี่คือการแข่งขัน ย่อมต้องดิ้นรนกันบ้าง หลังจากที่ประกาศงานสมรสของจงห่าวหรานและซูหนี่ได้เพียงเจ็ดวัน ชาวเมืองก็ต้องตกใจอีกครั้ง เมื่อมีการประกาศสมรสพระราชทานให้แก่จงจ้านโหรวและองค์หญิงสี่ จวิ้นซิงเยียน เหตุการณ์ครานี้ก็ยิ่งทำให้ผู้คนนึกสงสารองค์หญิงซิงเยียนเข้าไปใหญ่ ที่ต้องสมรสกับชายเสเพลอันดับหนึ่งของเมืองหลวง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD