การทำความสะอาดห้องพักของเจ้านายหนุ่มจะผ่านไปด้วยดี ถ้าเจ้าของห้องไม่มารบกวนคนที่กำลังปัดกวาดเช็ดถูอย่างส้มโอ
ภาวินเดินตามลูกน้องสาวต้อย ๆ เพื่อขอให้เธอช่วยสอนกวาดห้อง ถูห้อง และอีกสารพัด โดยอ้างว่าจะได้ทำเองเวลาที่ส้มโอไม่ว่าง แต่หญิงสาวกลับเห็นเป็นเรื่องไม่สมควรจึงปฏิเสธ
“คุณวินอย่าดึงไม้กวาดไปสิ แบบนี้ส้มโอจะกวาดห้องเสร็จตอนไหน” หญิงสาวชักสีหน้าใส่เจ้านายหนุ่มด้วยความไม่พอใจ หลังจากที่ภาวินดึงไม้กวาดไปจากมือเธอ แต่มีหรือคนอย่างเขาจะสนใจ ส้มโอคิด
“ตอนไหนก็ตอนนั้น ถ้าคุณไม่สอน ผมก็จะกวนแบบนี้เรื่อย ๆ จนกว่าคุณจะยอมสอน” ภาวินทำท่ากวนประสาทใส่ลูกน้องจนหญิงสาวอยากจะกระโดดถีบสักทีสองที แต่ก็นะ อย่างไรก็ทำแบบนั้นไม่ได้เพราะเขาคือเจ้านาย
“ถามจริง คุณวินอยากฝึกไปทำไมคะ”
“ก็ผมบอกแล้วไงว่าจะได้ทำเองช่วงที่คุณไม่ว่าง”
“แค่นั้นจริง ๆ นะคะ ไม่ใช่ว่าเซ็งแล้วหาที่แก้เบื่อไม่ได้ก็เลยมาลงกับส้มโอนะ”
“ใครเขาจะทำแบบนั้นกัน ไม่มีหรอก อยากเรียนจริง ๆ สอนหน่อย สอนทุกอย่างเลย”
“แน่นะคะ ถ้าสอนแล้วจะไม่ล้มเลิกกลางคันและจะทำทุกอย่างแน่นะ”
“แน่นอน! คนอย่างภาวินทำได้ทุกอย่าง”
“งั้นก็ดี เริ่มจากเปลี่ยนผ้าปูที่นอนเลยค่ะ”
หญิงสาวเห็นว่ายังไงชายหนุ่มก็คงไม่ยอมเลิกตื๊อง่าย ๆ แน่ จึงตัดสินใจสอนโดยเริ่มจากการเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ซึ่งเขาทำได้แย่มาก เพราะความเป็นลูกคุณหนูและเป็นลูกชายคนเล็กของตระกูล ทำให้ชายหนุ่มทำงานบ้านงานเรือนไม่เป็นเลย แม้กระทั่งการล้างจาน
กว่าเขาจะเปลี่ยนผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนเสร็จก็โดนลูกน้องสาวบ่นใส่ไปไม่รู้กี่รอบ
“เสร็จสักที เหนื่อยชะมัด” เสียงบ่นของคนตัวโตดังออกมาจากปากเมื่อปฏิบัติภารกิจสำเร็จ โดยมีคุณครูสาวส่ายหัวอย่างเอือมระอา
ภาวินยิ้มด้วยความภาคภูมิใจกับฝีมือของตน ต่างจากส้มโอที่ถอนหายใจทิ้ง รับไม่ได้กับฝีมือของเจ้านายหนุ่ม
“เสร็จอะไรกัน คุณวินดูสิ ผ้าปูยังไม่ตึงเลย เฮ้อ เดี๋ยวส้มโอทำให้ดู”
แม่บ้านดีเด่นของโรงแรมทนดูสภาพเตียงของเจ้านายหนุ่มไม่ได้ จึงต้องเข้าไปจัดการเองพร้อมกับสอนเขาไปพลาง ๆ โดยไม่รู้เลยว่าภาวินไม่ได้ฟังที่เธอพูดแม้แต่คำเดียว เพราะมัวแต่จ้องปากอวบอิ่มที่กำลังขยับจนไม่อาจสนใจสิ่งอื่นได้
“น่าจูบ” เขาเอ่ยเบา ๆ แบบไม่รู้ตัว แต่มันกลับดังพอให้หญิงสาวได้ยิน
“หา! อะไรน่าจูบ”
เธอหันมาถามด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจเจ้านายหนุ่มที่อยู่ ๆ ก็พูดว่าน่าจูบ
“อ้อ คือผมหมายถึง... หมายถึงรูปหลาน ๆ ของผมไง น่าจูบชะมัด”
เขาชี้ไปที่กรอบรูปซึ่งตั้งอยู่บนหัวเตียง ในนั้นมีรูปหลานสาวกับหลานชายวัยกำลังน่ารักที่ถ่ายกับตนเพื่อเบี่ยงประเด็นของคำว่าน่าจูบ หญิงสาวมองรูปแล้วพยักหน้าหงึก ๆ เห็นด้วย เพราะเด็กสองคนนี้เป็นลูกของเพื่อนรัก
“ใช่ค่ะ อุ่นรักกับอ้อมกอดน่าจูบที่สุด อีกไม่กี่วันก็จะได้เจอกันแล้ว น้าส้มโอจะกอดจะหอมให้ชื่นใจเลย สองแสบของน้า”
คุณน้าคนสวยคว้ากรอบรูปขึ้นมาแล้วลูบตรงใบหน้าของ หลาน ๆ ด้วยความคิดถึง แววตาเปล่งประกายแห่งความสุขยามที่คิดถึงเด็กสองคนนี้ ทำให้คนที่หลุดคำพูดแปลก ๆ เมื่อสักครู่เป่าปากด้วยความโล่งอกที่สามารถหาคำตอบมาให้เธอได้
“เอ่อ... ผมเรียนแค่นี้ดีกว่า เอาไว้วันหลังค่อยเรียนใหม่”
“อ้าว บทจะไม่เรียนก็ไม่เอาแบบนี้เลยเหรอคะ”
“อืม เบื่อแล้ว อยากไปทำอย่างอื่น อย่าลืมอาหารเย็นนะ”
ชายหนุ่มพูดจบก็เดินเร็ว ๆ ออกไปจากห้องนอนเพราะไม่อยากอยู่กับลูกน้องสาวสองต่อสอง เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงพูดแบบนั้นออกไป จึงขอยุติการเรียนไว้ก่อน
ส่วนหญิงสาวหลังจากที่เจ้านายหนุ่มเดินออกไปก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะจะได้ทำงานเสร็จเร็ว ๆ โดยไม่มีใบหน้าหล่อ ๆ ของภาวินมาคอยกวนใจ
เมื่อไม่มีคนคอยป่วน การทำความสะอาดก็ผ่านไปอย่างง่ายดายสะอาดทุกซอกทุกมุมทั้งในห้องน้ำ ห้องนอน ห้องรับแขก หญิงสาวเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดเรียบร้อยก็ไปล้างไม้ล้างมือเพื่อเตรียมทำอาหารเย็นให้เจ้านายต่อ และในขณะที่เธอกำลังเตรียมวัตถุดิบอยู่นั้น เจ้าของห้องก็โผล่หน้าเข้ามาอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง จึงทำให้เธอตกใจจนเกือบทำมีดที่อยู่ในมือหล่น
“ส้มโอ มีอะไรให้ผมช่วยไหม”
“ว้าย คุณวิน กลับมาตอนไหนเนี่ย ตกใจหมด”
“เมื่อกี้เอง เห็นคุณยังทำอาหารไม่เสร็จเลยจะมาช่วย”
“ไม่ต้องเลยค่ะ คุณวินอยู่นิ่ง ๆ ไม่ต้องช่วยจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด”
“ก็ได้ รู้ตัวหรอกน่า”
“รู้ตัวก็ดีค่ะ เชิญ”
หญิงสาวชี้ไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อให้ชายหนุ่มไปรอในห้องนั้น แต่เขากลับไม่ยอมไป ยืนกอดอกมองแม่ครัวส่วนตัวอยู่ที่หน้าประตูแล้วทำหน้ากวน ๆ ราวกับเป็นเด็กน้อย ส้มโอจึงถลึงตาใส่พร้อมกับเอามือขึ้นมาเท้าสะเอวเป็นเชิงว่าจะเอายังไง ภาวินจึงยกมือขึ้นมาทำท่าทางยอมแพ้ จากนั้นก็ไปนั่งรอในห้องนั่งเล่นตามคำสั่งของแม่ครัว
ส้มโอเห็นเจ้านายหนุ่มนั่งบนโซฟาเรียบร้อยก็หันมาตั้งใจทำกับข้าวต่ออย่างคล่องแคล่วและมีความสุข ทำไปยิ้มไปร้องเพลงไป ไม่นาน กับข้าวน่ากินก็วางอยู่บนโต๊ะเรียบร้อย มีทั้งแกงส้มชะอมกุ้ง ผัดสะตอกุ้ง และปลาทูทอด ยั่วน้ำลายทั้งคนทำอาหารและคนสั่งทำอาหาร
“หอมมากกกกก น่ากิน” เขาพูดจากใจจริง ตั้งแต่มาอยู่ภาคใต้อาหารที่เขาชอบกินที่สุดก็คือแกงส้มกับผัดสะตอ แต่ต้องเป็นฝีมือของส้มโอเท่านั้น เพราะมันไม่เผ็ดมากและรสชาติก็อร่อยถูกปาก
“น่ากินก็กินเลยค่ะ รับรองอร่อยเหมือนเดิม”
“คุณก็กินกับผมสิ ผมกินคนเดียวมันเหงา”
“แต่ส้มโอต้องรีบกลับ นี่ก็มืดมากแล้ว เดี๋ยวจะไม่มีรถกลับ”
หญิงสาวทำหน้าลังเล ใจหนึ่งก็อยากกิน แต่อีกใจก็อยากกลับบ้านให้เร็วเพราะกลัวไม่มีรถโดยสาร เธอไม่มีรถส่วนตัว ใช้รถโดยสารสาธารณะเป็นหลักในการเดินทางมาทำงาน ซึ่งมีเวลากำหนดว่าช่วงเช้ารถออกกี่โมงช่วงเย็นรถหมดกี่โมง ถ้าไม่ออกตอนนี้รับรองไม่มีรถกลับแน่
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมไปส่งเอง กินข้าวเถอะ”
“อืม ก็ได้ค่ะ”
เธอไม่ได้ตกลงเพราะน้ำเสียงอ้อน ๆ ของเขา แต่เพราะอาหารตรงหน้าต่างหาก เมื่อได้ยินว่าเจ้านายหนุ่มจะไปส่งก็รีบรับปาก ส้มโอไม่รอช้า ตักข้าวใส่จานแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามเจ้าของห้องแบบไม่เกรงใจ เมื่อทุกอย่างพร้อม ทั้งเจ้านายและลูกน้องก็ตักข้าวใส่ปากกินอย่างเอร็ดอร่อยพร้อมกับพูดคุยกันด้วยความสนิทสนมเหมือนคนที่กำลังคบหาดูใจ
หลังจากกินข้าวและทำความสะอาดห้องครัวเรียบร้อย ภาวินก็ขับรถมาส่งส้มโอที่ห้องเช่าของเธอซึ่งตั้งอยู่ในซอยห่างจากโรงแรมพอสมควร ชายหนุ่มหันไปมองรอบ ๆ อย่างไม่อยากเชื่อว่าลูกน้องของตนจะอยู่ในที่แบบนี้เพราะมันค่อนข้างเปลี่ยว แถมตึกก็เก่า ไม่รู้จะถล่มลงมาตอนไหน
“ส้มโอ คุณอยู่ที่นี่จริง ๆ เหรอ ผมว่ามันไม่โอเคเลยนะ”
“มันก็ไม่ค่อยโอเคตามที่คุณวินว่าแหละค่ะ แต่ส้มโออยู่ที่นี่ตั้งแต่แม่ยังไม่ตาย ก็เลยไม่อยากย้ายไปไหน อีกอย่างหอนี้ค่าเช่าก็ถูก เจ้าของหอก็ใจดี ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
“ผมขอขึ้นไปดูห้องของคุณหน่อยได้ไหม คือ... ผมแค่อยากเห็นว่าข้างในมันเป็นยังไง”
“ก็ได้ค่ะ”
เธอคิดว่าเขาคงอยากเห็นอะไรที่ไม่เคยเห็นจึงตอบตกลงง่าย ๆ ทั้งที่ปกติไม่เคยให้ใครขึ้นไปบนห้องยกเว้นไออุ่น แต่กับภาวิน เธอกลับยอม เพราะอะไรเธอก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าไม่อยากปฏิเสธ
สองหนุ่มสาวลงมาจากรถคันหรูของชายหนุ่มแล้วเดินเข้าไปในอพาร์ตเมนต์เก่า ๆ ด้วยกัน ที่นี่ไม่มีลิฟต์ จึงต้องเดินขึ้นบันได กว่าจะถึงชั้นที่ส้มโออาศัยอยู่ก็ทำเอาเหนื่อยหอบพอสมควร
ในขณะที่เดินผ่านห้องต่าง ๆ ชายหนุ่มก็เก็บรายละเอียดไปด้วย เขามองซ้ายมองขวาแล้วส่ายหัว อาคารก็เก่า ความสะอาดก็ไม่ค่อยมี อยู่เข้าไปได้ยังไง เขาคิดในใจ
“ถึงแล้วค่ะคุณวิน เชิญค่ะ”
ส้มโอหันมาบอกภาวินเมื่อมาถึงห้องพักของตนเอง ชายหนุ่มจึงถอดรองเท้าแล้วเดินตามลูกน้องสาวเข้ามาในห้องของเธอซึ่งมีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับห้องของเขา ทั้งที่บ้านหลังใหญ่และที่ภูเก็ต อย่าว่าแต่ห้องนอนเลย ห้องน้ำยังใหญ่กว่านี้ด้วยซ้ำ
“คุณอยู่คนเดียวเหรอ”
“ค่ะ อยู่คนเดียว พ่อตายตั้งแต่เด็ก ส่วนแม่ตายไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน พี่น้องก็ไม่มี”
“ผมไม่ได้ดูถูกนะคุณ แต่ที่นี่มันไม่น่าอยู่เลยสักนิด”
“เกิดเป็นคนจนมันไม่มีทางเลือกมากนักหรอกค่ะ บางคนไม่มีที่ให้ซุกหัวนอนด้วยซ้ำ สำหรับส้มโอ มีแค่นี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว”
“ผมเข้าใจที่คุณพูด แต่ผมแค่เป็นห่วง ที่นี่ดูไม่ค่อยปลอดภัยสำหรับการอยู่คนเดียวเลย”
“ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วง แต่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ส้มโอเอาตัวรอดได้สบายมาก ว่าแต่คุณวินจะกลับเลยหรือจะดื่มอะไรหน่อยไหมคะ”
“น้ำเปล่าสักแก้วก็ดี รู้สึกคอแห้ง”
“ค่ะ คุณวินนั่งตามสบายเลยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“อืม”
ภาวินพยักหน้าแล้วเดินไปนั่งบนเสื่อที่ปูข้าง ๆ เตียงนอน จากนั้นก็หันไปมองรอบ ๆ ด้วยความรู้สึกไม่ค่อยพอใจกับสภาพห้องเช่าที่ดูแล้วไม่ปลอดภัยสำหรับการอาศัยอยู่คนเดียว
ในระหว่างที่เขากำลังสำรวจสภาพความเป็นอยู่ของเธอ ไฟก็ดับอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้หญิงสาวตกใจ เผลอปล่อยแก้วน้ำที่กำลังจะเอามาเสิร์ฟให้เจ้านายหนุ่มหล่นลงบนพื้น
เพล้งงงงงง
“โอ๊ยยยยยย”
“ส้มโอ!”