EP.4 ยื่นซองขาว
“เชิญแกบูชาความรักไปเถอะ ก็แค่ความรู้สึกเพ้อฝันไร้เหตุผลของพวกอ่อนแอ”
“แล้วสักวันแกจะรู้ว่าฉันรู้สึกยังไงไอ้ภีม วันที่แกรักผู้หญิงสักคน ผู้หญิงที่ทำให้แกยอมแลกได้ทุกอย่างแม้แต่ชีวิตของแกเอง”
“ความรู้สึกแบบนั้นมันจะไม่เกิดขึ้นกับฉันเป็นอันขาด” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเครียด แววตากร้าวอย่างเห็นได้ชัดเจน
ทำไมเขาจะไม่รู้จักความรัก ทำไมเขาจะไม่เคยรู้ว่าการยอมแลกทุกอย่างแม้แต่ชีวิตของตัวเองเพื่อให้ได้มาซึ่งความรักนั้นมันเป็นเช่นไร เขารู้และเจ็บปวดกับมันมาอย่างแสนสาหัส และนับจากวันนั้นหัวใจของเขาก็ปิดตาย ปฏิญาณเอาไว้ว่าเขาจะไม่รักใครอีกเด็ดขาด
“ฉันจะคอยดู” อเล็กซ์ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วหมุนตัวเดินกลับออกไปจากห้องทำงานของเพื่อนรัก
“แล้วนั่นแกจะไปไหน คิดจะโผล่หัวมาก็มา คิดจะไปก็ไป”
“ไปหาเหล้ากระแทกปากแก้เซ็ง” อเล็กซ์หันกลับมายักไหล่เล็กน้อย “ว่าแต่แกกำลังเซ็งอยู่หรือเปล่า ถ้าเซ็งก็ตามไปเจอฉันที่เดิม” หนุ่มลูกครึ่งเดินออกไป ทิ้งให้เพื่อนสนิทนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานด้วยท่าทางเคร่งเครียด
ภีมวัจน์ยกโทรศัพท์ขึ้นกดโทร.ไปยังห้องผู้ช่วยของเขาทันที “คุณอนันต์...เดี๋ยวผมจะออกไปข้างนอก คุณมีงานด่วนอะไรเอาเข้ามาให้ผมเซ็นได้เลย อ้อ...บอกฝ่ายบุคคลให้เปิดรับสมัครเลขาฯ ด้วย แต่ ครั้งนี้ผมจะเป็นคนสัมภาษณ์เอง”
ชายหนุ่มวางโทรศัพท์เมื่อสั่งงานผู้ช่วยเรียบร้อยแล้ว ปรับเก้าอี้ทำงานขนาดใหญ่ให้เอนนอนแล้วยกมือขึ้นกอดอก ผ่อนลมหายใจออกช้าๆ มีหลายเรื่องวิ่งวุ่นอยู่ในห้วงความคิด เขาไม่อาจวางมันลงได้เลยแม้เพียงเสี้ยววินาทีเดียว
ใครเลย...จะรู้ว่าชีวิตที่ใครๆ ต่างก็อิจฉา และยกย่องให้เป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังหนุ่ม อย่างภีมวัจน์ ปัทมนันท์นั้นจะมีความทุกข์ฝังใจอย่างแสนสาหัส
เขาเป็นถึงประธานบริษัทปัทมนันท์ บริหารโรงแรมในเครือปัทมนันท์ทั้งหมด 9 สาขา 7 สาขาในประเทศไทย และอีก 2 สาขาที่สิงคโปร์และเวียดนาม ยังไม่รวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ อีกมากมาย ตระกูลปัทมนันท์ร่ำรวยจนเจ้าสัวเกริกไกร...คุณปู่ของภีมวัจน์ติดอันดับ 7 บุคคลที่รวยที่สุดในเอเชีย ส่วนเขาเองได้ชื่อว่าเป็นเสือดาวหนุ่มผู้มองการณ์ไกล ชายหนุ่มเข้ามาศึกษาตลาดหุ้นตั้งแต่ยังเรียนมัธยมปลาย จากการใช้เงินเก็บของตนเองซื้อหุ้นเล็กๆ น้อยๆ ในความดูแลของสิทธิชัย ทนายประจำตระกูล
กระทั่งชายหนุ่มก้าวย่างเข้าเรียนในรั้วมหาวิทยาลัย เขาก็กระโจนลงไปในสนามหุ้นเต็มตัว ด้วยสายตาแหลมคมและมักวิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำ ทำให้ภีมวัจน์ทำกำไรจากการกว้านซื้อและเทขายหุ้นได้ปีละหลักล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็นหลายสิบล้านอย่างรวดเร็ว
จนมีนักข่าวเศรษฐกิจให้สมญานามแก่ชายหนุ่มว่า ‘พรานหนุ่มผู้จับเสือมือเปล่า[1]’
ภายนอกเขาคือชายหนุ่มผู้ประสบความสำเร็จยากที่ใครจะเทียบได้ แต่จะมีสักกี่คนที่ล้วงลึกไปถึงก้นบึ้งของหัวใจที่แสนขมขื่น หลานชายคนโตของตระกูลปัทมนันท์ไม่ได้โก้หรูอย่างที่สังคมภายนอกรับรู้ เมื่อมารดาของเขาเป็นเพียงภรรยาซึ่งขยับฐานะจากสาวใช้ในคฤหาสน์ ไม่ได้รับเกียรติ ไม่มีศักดิ์ศรีเทียบเทียมภรรยาน้อยที่ได้แต่งงานออกหน้าออกตาขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาตีทะเบียน เชิดหน้าชูคอว่าตนเองนั้นสูงเสียดฟ้า แต่แท้จริงแล้วก็ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาน้อยอยู่วันยังค่ำ! แม้จะบอกใครต่อใครประหนึ่งตนเองเป็นภรรยาหลวง แต่ความจริงก็คือความจริงที่ไม่อาจหนีพ้น
สงครามระหว่างมารดาของเขากับคุณอังคณาจึงระอุและพร้อมปะทุอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน บ้านไม่เคยมีคำว่าสงบสุข แต่ที่ยังนิ่งสงัดราวกับลาวาร้อนรอปะทุ ก็เพราะยังมีคุณปู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรทอดกิ่งก้านให้ร่มเงาแก่ลูกหลานคนอื่นๆ ได้สงบสุขบ้าง
ต้นเหตุทั้งหมดมาจากเกื้อกูล...บิดาจอมเจ้าชู้ตัวพ่อที่ไข่ทิ้งไว้ทั่ว ทำให้มีบุตรชายถึงสี่คนจากภรรยาทั้งสี่ นี่ยังไม่นับรวมหากว่าในอนาคตจะมีใครมากล่าวอ้างว่าเป็นบุตรที่เกิดจากบิดาของเขาอีก เขาก็คงไม่แปลกใจเลย เพราะหากบิดายังมีชีวิตอยู่ เขาอาจมีน้องชายหรือน้องสาวคราวลูกก็เป็นได้ เพราะเชื่อได้เลยว่าบิดาคงไม่หยุดเจ้าชู้ กระทั่งก่อนหมดลมหายใจสุดท้ายบิดาของเขาก็ยังมิวายไว้ลายเหลือร้าย โดยการสิ้นใจตายคาอกหมอนวดสาว ลาโลกใบนี้ไปอย่างอัปยศ
ฉาวโฉ่เสียจนคุณปู่ถึงกับล้มป่วย...
สายเลือดคาสโนวาถูกส่งต่อมายังเขา แม้เขาจะเจ้าชู้แต่ก็รอบคอบพอที่จะไม่ไข่ทิ้งไว้ให้เป็นภาระทีหลัง และเขาจะไม่มีทางจริงใจกับผู้หญิงคนไหน เพราะรู้ว่าท้ายที่สุดแล้วจุดจบของผู้หญิงดีๆ คนหนึ่งคงไม่ต่างไปจากมารดาของเขา ดังนั้นเขาจึงเลือกผู้หญิงรักสนุกไม่คิดผูกพัน มีข้อตกลงที่พอใจกันทั้งสองฝ่าย สุขสมแล้วก็แยกทางกันไป
ซึ่งเขามองว่ามันยุติธรรมต่อทั้งสองฝ่าย...
รถยุโรปคันหรูแล่นเข้ามาในรั้วคฤหาสน์ปัทมนันท์อย่างเงียบเชียบ แม้จะเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว แต่ไฟบนชั้นสามของตัวตึกใหญ่ยังคงเปิดอยู่ แสดงชัดว่ายายแม่มดร้ายกับลูกชายตัวแสบยังไม่เข้านอน ริมฝีปากหนาเหยียดออกเล็กน้อยเมื่อคิดถึงเกียรติก้อง ปัทมนันท์ มีชื่อเล่นว่ากบ แต่เขามักเรียกมันว่าไอ้กร่าง!
ทำไมน่ะเหรอ...ก็เพราะมันเป็นน้องเล็กคนที่สี่ซึ่งเกิดจากคุณอังคณา ผู้ที่สถาปนาตนเองเป็นใหญ่รองจากคุณปู่ เพราะถือว่าตนเองเป็นเมียแต่ง ไอ้กร่างไม่เคยญาติดีกับพี่ๆ คนไหน ไม่สิ! มันไม่เคยคิดว่าเขาเป็นพี่ชายของมัน อย่างที่เขาเองก็ไม่เคยเห็นมันเป็นน้อง!
ความโกรธเกลียดนี้ไม่ใช่มีแค่เขากับเกียรติก้องเท่านั้น ยังรวมไปถึงอัครัชและนาธานอีกด้วย พวกเขาเป็นพี่น้องพ่อเดียวกันที่เกลียดกันชนิดไม่เคยญาติดี แม้อัครัชกับนาธานจะไม่ทำให้เขาเกลียดได้เท่ากับเกียรติก้อง แต่ความสัมพันธ์ที่ควรแนบแน่นแบบพี่น้อง กลับห่างเหินและพูดคุยกันราวกับเป็นคนอื่น
[1] จับเสือมือเปล่า หมายถึง การแสวงหาผลประโยชน์โดยตัวเองไม่ต้องลงทุน