ให้ตายเถิด เจ้าลุงนี่ยังไม่ยอมหยุด นี่นางกำลังหาเรื่องให้ตัวเองจริง ๆ จื่อรั่วอิงเร่งคิดหาวิธีเอาตัวรอดกระทั่งในที่สุดนางก็เอ่ยปากว่า
"หากท่านจะตัดลิ้นข้า ท่านก็สมควรตัดมือตนเองด้วย ล่วงเกินข้ารุนแรงเช่นนี้ยังไม่คิดจะรับผิดชอบสิ่งใดหรือ ที่แท้ท่านอ๋องก็เป็นคนเช่นนี้เอง น่ารังเกียจยิ่งนักกระทั่งสาวงามดุจเทพเซียนร่างกายอ่อนแอเช่นข้าท่านยังรังแกไม่หยุด ลี่หมิงอ๋องท่านใจดำเหลือเกินนะเพคะ"
เพราะเขาตาบอด จื่อรั่วอิงจึงต้องย้ำคำว่า สาวงาม ให้เขารู้ว่านางเป็นสตรีที่งดงามเทียมฟ้า งดงามที่สุดในปฐพี
ตั้งแต่มีชีวิตเกิดมาเป็นอ๋อง ไม่เคยมีผู้ใดกล้าตำหนิเขาตรง ๆ เช่นนี้สักครั้ง กระทั่งฝ่าบาทยังแทบวางเขาไว้บนฝ่ามืออย่างทะนุถนอม ทว่าจื่อรั่วอิงไม่เป็นเช่นนั้น ไหน ๆ นางก็คิดว่าตัวเองต้องตายจริง ๆ แล้วจึงต้องหาทางเอาตัวให้รอดจากความตายนี้
จู่ ๆ อ๋องตาบอดผู้นั้นก็หัวเราะจนหนวดกระดิก ภายในโถงสวดมนต์แห่งนี้เงียบสงบยิ่งนักจึงทำให้เสียงหัวเราะของลี่หมิงอ๋องดังกึกก้องลั่นโถง
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ก็ได้ในเมื่อเจ้ากล้าหาญนัก เช่นนั้นข้ากับเจ้าวันนี้หายกัน ไสหัวไปให้พ้นแล้วอย่าได้เข้าใกล้ข้าอีก คราวหน้าข้าไม่เอาเจ้าไว้แน่"
ผิดความคาดหมายของนางไปมาก เขาควรรับผิดชอบสิ บีบนมนางจนเจ็บขนาดนั้นยังบอกว่าหายกัน จื่อรั่วอิงมีแต่เสียกับเสียยังไม่ได้ประโยชน์ใดเลยแม้แต่น้อย นางทำถึงขนาดนี้แล้วย่อมไม่ยินยอม อย่างไรก็ต้องตกลงให้ดี
"ท่านอ๋อง นอกจากไว้ชีวิตข้าแล้วท่านต้องรับผิดชอบข้าด้วย ท่านแตะต้องส่วนสำคัญของข้าไปแล้วยังจะหวังให้ข้าแต่งกับบุรุษอื่นได้หรือ ท่านไม่คิดถึงศักดิ์ศรีของข้าเลยหรือเพคะ"
ลี่หมิงอ๋องรับน้ำชาจากซีห่าวแล้วเอ่ยโดยไม่สนใจคำของนางแม้แต่น้อย
"ลากนางออกไป อย่าให้นางมาใกล้ข้าอีก"
"ท่านอ๋องเพคะ"
จื่อรั่วอิงเริ่มโวยวาย นางคิดว่าตนเองดูคนไม่ผิด ลี่หมิงอ๋องดูเหมือนจะเป็นโรครังเกียจสตรี ถ้านางทำให้ตาลุงอ๋องนี่ใจอ่อนลงและยอมรับข้อเสนอ ชีวิตในฐานะพระชายาของนางคงสงบสุขแน่นอนด้วยคนผู้นี้คงไม่คิดวุ่นวายกับนางอีก
จากที่ผ่านมาเขาไม่ใช่คนไร้เหตุผล ยังฟังนางอยู่หลายคำดังนั้นนางคิดว่าขอเพียงนางอ้อนวอนอีกสักหน่อย เขาย่อมเห็นดีเห็นงามด้วย ทว่าเรื่องที่นางคิดนั้นยังไม่ทันได้เอ่ย เมื่อจู่ ๆ ทหารองครักษ์ของเขาก็วิ่งเข้ามารายงานด้วยท่าทางตื่นตระหนก
"ท่านอ๋องบัดนี้จื่อกุ้ยเฟยและท่านเสนาบดีกรมโยธากำลังตรงมาที่นี่พ่ะย่ะค่ะ"
จื่อรั่วอิงเข่าทรุดลงอีกครั้ง เดิมทีนางคิดทำเรื่องนี้เงียบ ๆ ตกลงกับท่านอ๋องให้ดีแล้วให้เขาส่งคนไปสู่ขอ ไม่คิดว่าบัดนี้เวรกรรมที่อยู่ในรูปของบิดากำลังมาก่อกวนแผนการของนางเสียแล้ว เหตุใดรู้ว่องไวเพียงนี้กัน!
"นี่มันเรื่องวุ่นวายอันใดกัน"
แม้จะมองไม่เห็นทว่าลี่หมิงก็สามารถจับความเคลื่อนไหวได้ดุจตาเห็น เขารู้ว่าองครักษ์ของเขามีกี่คน ยังประเมินจำนวนไต้ซือที่อยู่ในนี้และสตรีเพียงคนเดียวที่นั่งคุกเข่าต่อหน้าเขาได้อย่างแม่นยำ
คนภายนอกเห็นท่าว่ากำลังเดินอย่างเร่งร้อนด้วยเสียงฝีเท้าม้าไม่กี่ตัวที่หยุดอยู่หน้าโถงสวดมนต์ และที่น่าสนใจก็คือมีเพียงคนไม่กี่คนเท่านั้นที่มาที่นี่ หนึ่งในคนที่มามีตำแหน่งเป็นถึงกุ้ยเฟยของฝ่าบาท การเดินทางที่ปราศจากขบวนใหญ่โตมิหนำซ้ำยังขี่ม้ามาด้วยตนเองเช่นนี้คงเป็นเพราะมีเรื่องสำคัญที่ต้องปิดบังไม่ให้ผู้อื่นรู้
ประตูโถงสวดมนต์ถูกเปิดออกและปิดลงอย่างรวดเร็ว ผู้ที่ก้าวเข้ามาด้านในโถงมีสี่คน ผู้หนึ่งเป็นสตรีโฉมสะคราญงดงามเตะตาทว่ากลับอยู่ในชุดบุรุษเพื่ออำพรางตัวตน อีกคนคือบุรุษวัยชราร่างค่อนข้างท้วมทว่ายังคงมีท่วงสง่าผ่าเผย เห็นได้ชัดว่าที่หน้าผากของเขามีเหงื่อเม็ดโตผุดอยู่บนไรผมทั้งยังมีสีหน้าอันตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง ที่เหลืออีกสองคนเห็นทีจะเป็นองครักษ์ประจำจวนเสนาบดี
คนทั้งหมดทำความเคารพลี่หมิงอ๋องด้วยเสียงอันดังให้ได้ยินชัดเจน ในขณะที่ลี่หมิงยังคงมีใบหน้าราบเรียบก่อนจะเอ่ยว่า
"ไม่คิดว่าข้าลี่อ๋องจะได้รับเกียรติเพียงนี้ ทั้งท่านเสนาบดีจื่อรวมทั้งจื่อกุ้ยเฟยจึงได้พร้อมใจมาเยี่ยมเยียนถึงที่นี่ อ้อ วันนี้ก็เป็นวันดียิ่งข้ายังคิดอยากตัดลิ้นคนเพื่อบันเทิงใจเสียหน่อย ท่านรู้หรือไม่ว่านางผู้นี้กล้าเข้าไปล่วงเกินข้าในบ่อน้ำพุโดยไม่สนใจกระทั่งชีวิตของตนเอง โทษของนางนั้นหากข้าจะเอาชีวิตแม้แต่ฝ่าบาทก็คงไม่กล้าทัดทาน อย่างไรเสียในเมื่อท่านทั้งสองมาแล้วก็ร่วมดูเรื่องสนุกนี้ด้วยกันเถิด"
จื่อรั่วอิงตัวแข็ง ร้องประท้วงออกมาทันใด
"ท่านอ๋อง ท่านตระบัดสัตย์ได้อย่างไรเมื่อสักครู่ท่านบอกว่าจะไม่ตัดลิ้นข้าแล้วมิใช่หรือ"
"จื่อรั่วอิง เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้ยังไม่รู้ความผิดอีก"
"ทะ...ท่านพ่อ...ข้า"
นางยังเรียกร้องความเป็นธรรมของตนเองไม่เสร็จ เสียงดุดันของบิดาก็เอ่ยขึ้นจื่อรั่วอิงมีความผิดติดตัวจึงได้แต่ทำหน้าเบ้คล้ายจะร้องไห้ดวงตาไหวระริกอย่างน่าสงสาร
นางย่อมไม่กล้าสบสายตาดุดันของบิดาที่มองมาราวกับจะบอกว่าไม่น่าปล่อยให้นางโตมาจนทำเรื่องน่าขายหน้าเช่นนี้ได้
จื่อรั่วอิงรู้สึกปวดใจเล็กน้อย นางจึงเปลี่ยนเป้าหมายย้ายสายตาออดอ้อนขอความช่วยเหลือไปยังสตรีนางนั้นที่ยืนอยู่ข้างท่านพ่อของนางทันใด
"ท่านพี่ช่วยข้าด้วย"
น้ำตาแทบจะหยดแหมะลงมาอยู่แล้ว แน่นอนว่าล้วนเป็นการเสแสร้งทว่าจื่อกุ้ยเฟยผู้รักน้องสาวต่างมารดาคนนี้ยิ่งนักก็อดที่จะสงสารนางไม่ได้
"ท่านอ๋องน้องสาวของข้าผู้นี้ยังเด็กนักทั้งยังซุกซนเป็นนิสัย แต่ถึงจะซุกซนนางก็จิตใจใสซื่อบริสุทธิ์ยิ่งนัก ไม่ว่านางจะทำสิ่งใดข้ารับรองว่าย่อมไม่มีเจตนาร้าย ขอให้ท่านอ๋องโปรดละเว้นนางสักครั้งเถิดเพคะ"