Chapter 5 ซุกซนเกิน

1374 Words
ลี่หมิงหัวเราะเสียงเย็นออกมา น้ำเสียงของจื่อกุ้ยเฟยนั้นเห็นได้ชัดว่าปกป้องน้องสาวเพียงใด แม้เด็กสาวผู้นี้จะร้ายกาจไร้ยางอายเพียงนี้ จื่อกุ้ยเฟยก็ยังเล่นบทมารดากางปีกปกป้องน้องสาวเต็มที่ประดุจว่า 'ลูกข้าเป็นคนดี' โดยไม่กระทั่งจะสอบถามว่านางทำสิ่งใดผิดเลยแม้แต่น้อย เพราะเลี้ยงดูปกป้องกันเพียงนี้นางจึงได้เสียนิสัยเช่นนี้นี่เอง ลี่หมิงอ๋องเอ่ยเสียงเย็นที่แม้แต่ผียังหวาดกลัวออกมา "อ้อ ที่แท้แม่นางผู้นี้ก็เป็นน้องสาวของจื่อกุ้ยเฟย บุตรตรีของท่านเสนาจื่อเองหรอกหรือ มิน่าเล่าจึงทำให้จื่อกุ้ยเฟยที่สมควรอยู่ในวังหลวงข้างพระวรกายลำบากลำบนมาที่นี่ ข้าเองก็ตาบอดจะเอ่ยว่ามีตาก็หามีแววไม่ก็คงไม่ถูก" จื่อกุ้ยเฟยรู้เรื่องราวจากสาวใช้ที่ปลอมกายเป็นจื่อรั่วอิงแล้ว ด้วยเหตุนี้นางจึงรีบมาที่นี่ด้วยอาการตื่นตระหนกพร้อมบิดาด้วยรู้ดีว่าลี่อ๋องคงไม่ปล่อยให้ผู้ใดเข้าใกล้เขาโดยที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นแน่ ยามนั้นทันทีที่เห็นว่าน้องสาวของนางยังคงหายใจอยู่ในใจหนึ่งพลันโปร่งโล่งและอีกในใจก็คิดว่าไม่รู้ว่าจื่อรั่วอิงใช้วิธีการใดจึงยังคงรักษาชีวิตของนางเอาไว้ได้เช่นนี้ "มิได้เพคะ จื่อเว่ยบังเอิญขอพระราชทานฝ่าบาทออกมาเยี่ยมบิดา จึงรู้ว่าน้องสาวแอบมาแช่น้ำทิพย์ที่วัดแห่งนี้จึงได้ติดตามท่านพ่อมาตามนางเท่านั้นเพคะ" "ช่างเป็นเรื่องบังเอิญเสียจริง" ลี่หมิงอ๋องย่อมรู้ทันว่าจื่อกุ้ยเฟยกำลังโกหก น้ำเสียงนั้นทั้งเย็นชาทั้งดุดันเป็นอย่างยิ่ง ครอบครัวนี้แห่กันมาที่นี่คงรู้ดีว่าเขาคิดที่จะสังหารนางกระมัง เรื่องนางป่วยจริงหรือไม่เขาเองก็คร้านจะสนใจแล้ว เสนาบดีกรมโยธาจื่อหานคุกเข่าลงแล้วเอ่ยว่า "ท่านอ๋อง บุตรสาวของข้าน้อยผู้นี้นิสัยแต่เดิมนางก็ซุกซนเกินไปหน่อย ขอท่านอ๋องทรงอนุญาตให้ข้าน้อยนำนางไปสั่งสอนที่จวน ทั้งหมดต้องโทษข้าน้อยที่ละเลยการอบรมจึงทำให้นางสร้างความวุ่นวายจนทำให้ท่านอ๋องขุ่นเคือง ต่อไปข้าน้อยจะไม่ให้นางเข้ามาทำความขุ่นเคืองให้ท่านอ๋องอีก" ลี่หมิงอ๋องหัวเราะต่ำอย่างเย็นชา "ดูท่าว่าทั้งท่านเสนาบดีจื่อและจื่อกุ้ยเฟยจะมองไม่เห็นความผิดนางสินะ หรือท่านจะบอกว่าการที่นางบังอาจเข้ามารบกวนข้าเช่นนี้มิเท่ากับดูหมิ่นเบื้องสูงมีโทษสมควรตายหรือ ท่านทั้งสองจะเห็นเป็นเพียงแค่เรื่องซุกซนของเด็กผู้หนึ่งได้อย่างไร แต่เอาเถิดข้าเห็นแก่พวกท่านทั้งสองวันนี้จะปล่อยนางไป ขอพวกท่านอบรมนางให้ดีอย่าได้มารบกวนข้าอีก ข้าจะถือว่าเรื่องวันนี้ไม่เคยเกิดขึ้นก็แล้วกัน" ได้ฟังดังนั้นจื่อกุ้ยเฟยผู้ฉลาดเฉลียวจึงเอ่ยว่า "ท่านอ๋องทรงพระทัยกว้างยิ่งนัก ขอบพระทัยเพคะ หม่อมฉันและท่านพ่อเองก็ทำตามคำสั่งของท่านอ๋องทุกประการ เรื่องวันนี้นับว่าไม่เคยเกิดขึ้นเพคะ" เสนาบดีจื่อเองก็ดีใจยิ่งที่ปกป้องบุตรสาวตัวดีได้ในที่สุด ต่อไปเขาต้องให้คนเฝ้านางให้ดี ขังนางเอาไว้ไม่ให้ก่อเรื่องได้อีกเป็นอันขาด เสนาบดีจื่อรีบคุกเข่ากล่าวขอบพระทัยทันใด "ไม่ต้องมากพิธี" เสนาบดีจื่อจึงปาดเหงื่อพร้อมกับลุกขึ้นทันใด เขาสั่งให้คนของเขาเข้ามาจับตัวบุตรสาวเจ้าปัญหาเอาไว้ จื่อรั่วอิงมีพี่สาวหนุนหลังถึงพวกเขาจะคิดสงบศึกแต่นางไม่ยอมด้วยทุ่มเทไปมากเพียงนี้ ในเมื่อจื่อกุ้ยเฟยเสด็จมานางจึงคิดว่าโอกาสนี้เป็นของนางแล้ว "แล้วเรื่องที่ท่านลวนลามข้าเล่า ท่านอ๋องท่านจะไม่คิดรับผิดชอบหรือ ท่านพี่เอ๊ยจื่อกุ้ยเฟยเพคะ ท่านอ๋องเขา..เขาจับตรงนี้ข้าแล้ว เขายังกอดข้าต่อหน้าคนมากมาย กุ้ยเฟยท่านต้องให้ความเป็นธรรมเรื่องนี้กับข้านะเพคะ เช่นนี้ข้าจะแต่งกับบุรุษใดได้อีก ขายไม่ออกแล้วข้าขายไม่ออกแล้ว ท่านต้องช่วยคืนความเป็นธรรมให้แก่ข้านะเพคะ" บิดาไม่อาจทนฟังเรื่องบัดสีได้อีกต่อไป แค่นี้เขาก็อับอายขายหน้าจนแทบจะมุดแผ่นดินอยู่แล้ว เด็กบ้าผู้นี้ยังไม่ยอมหุบปากอีก "หุบปาก เจ้าไปกับข้าเดี๋ยวนี้พวกเจ้ารอสิ่งใดอยู่พานางกลับไปหาอะไรอุดปากนางเอาไว้ด้วย" "ขอรับ" "ท่านพ่อ ท่านเป็นบิดาข้าหรือไม่ เหตุใดท่านทำเช่นนี้ ท่านอ๋องท่านต้องรับผิดชอบข้า ปล่อยข้านะ ปล่อย" ในขณะที่นางอ้าปากกว้างตะโกนโหวกเหวกอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีผ้าแพรก้อนกลมผืนหนึ่งถูกยัดเข้าไปในปากของนางอย่างแม่นยำ ลี่หมิงอ๋องยกมุมปากเล็กน้อยเมื่อเสียงนั้นสงบลงแล้วที่แท้นั่นเป็นฝีมือของซีห่าวองครักษ์ของท่านอ๋องนั่นเอง จื่อรั่วอิงยังคงส่งเสียงอื้ออึงในลำคอ บิดานอกจากจะไม่สนใจเกียรติของจื่อรั่วอิงแล้ว ยังสั่งให้คนมัดมือมัดเท้า หามร่างบางของนางออกไปอย่างรวดเร็วด้วยกลัวว่าท่านอ๋องจะเปลี่ยนใจเรื่องที่จะไม่สังหารคน จื่อกุ้ยเฟยเองก็ไม่รอช้า ตั้งแต่เข้าวังมานางได้พบกับลี่หมิงอ๋องเพียงครั้งเดียวในยามที่ตามเสด็จฝ่าบาทมาเยี่ยมคนผู้นี้ที่จวน เป็นเพราะฝ่าบาทโปรดเสด็จอาผู้นี้มากจึงทำให้นางได้มีโอกาสร่วมเสวยอาหารกับลี่หมิงอ๋อง เมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์ดูเหมือนว่าลี่หมิงอ๋องจะผ่อนคลายมากกว่านี้ เนิ่นนานนับปีที่นางไม่ได้พบลี่หมิงอ๋องสภาพของเขายามนี้ทำให้นางจำแทบไม่ได้ หนวดเครารกรุงรังท่าทางราวพญามัจจุราช แม้แต่นางที่เป็นพระสนมที่ฝ่าบาทโปรดปรานยังต้องเกรงกลัวจนแทบพูดไม่ออก จื่อรั่วอิงดิ้นรนถูกมัดมือมัดเท้าทั้งยังมีผ้าอุดปากไม่ให้ส่งเสียง ยามนี้บิดาของนางยังจับนางมัดเอาไว้บนหลังม้าเหมือนนางเป็นกระสอบนุ่นกระสอบหนึ่ง กว่าจะกลับถึงจวนจื่อรั่วอิงก็เกิดอาการคลื่นไส้วิงเวียนด้วยช่วงท้องถูกกระแทกเข้ากับหลังม้าจนจุกไปหมดแล้ว นางจึงได้แต่นั่งอยู่บนพื้นพร้อมกับฟังคำก่นด่าของบิดาต่อด้วยพี่สาวจนหูชา "ไม่รู้ว่าสมองของเจ้ามีปัญหาหรืออย่างไรจึงกล้าหาญหาเรื่องตายเช่นนั้น ในวังหลวงมีคนมากมายเจ้าไม่รู้หรือว่าลี่หมิงอ๋องคือหนึ่งในของต้องห้ามที่เจ้าไม่อาจล่วงเกินได้ ข้ายอมให้เจ้าล่วงเกินฝ่าบาทสักคำดีกว่าล่วงเกินคนผู้นั้น" ปกติจื่อเว่ยแทบจะไม่เคยตำหนิน้องสาวผู้นี้ ทว่าบัดนี้นางไม่อาจอดทนได้เหมือนที่ผ่านมา จื่อรั่วอิงรีบคลานมากอดขาพี่สาวเอาไว้น้ำเสียงของนางก็ช่างออดอ้อนออเซาะนัก "พี่หญิง เขาลวนลามข้ากระทั่งได้จับหน้าอกข้าแล้ว อย่างไรข้าก็ไม่อาจแต่งกับผู้อื่น พี่หญิงช่วยทูลฝ่าบาทพระราชทานสมรสให้ข้าหน่อยไม่ได้หรือ" ผู้เป็นบิดาถึงกับใบหน้าแดงหนวดกระดิก "เหลวไหล เจ้ากำลังพูดสิ่งใดอยู่หุบปากเสีย เหตุใดจิตใจจึงวิปริตคิดแต่งกับคนพิการเช่นนั้น เรื่องวันนี้ไม่เคยเกิดขึ้นลี่หมิงอ๋องเองก็ไม่เอาความเจ้าแล้ว วันนี้หากไม่เห็นแก่หน้าพี่หญิงของเจ้าข้าไม่มีทางให้อภัยเจ้าเด็ดขาด"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD