“กลับไปก่อนนะคะ วันนี้ไม่สะดวก ถ้าแม่มา บัวจะบอกให้แม่ไปหาเสี่ยเอง” ใบบัวรีบดันเสี่ยห้าวออกไปจากอณาเขตบ้าน บังเอิญจังหวะนั้นส่งศรีกับแย้มกลับมาถึงพอดี ส่งศรีลากเสี่ยห้าวเดินเลี่ยงไปอีกทาง ส่วนแย้มก็ทิ้งของทุกอย่างในมือ กระโจนเข้าไปหาใบข้าวที่ยังไม่มีสติ
“คุณข้าวเป็นอะไรคะ ไอ้เสี่ยนั่นมันทำร้ายคุณข้าวหรือเปล่า?”
ใบบัวยืนเม้มปาก พยายามไม่ตวาดแว๊ดออกมา
“ยัยข้าวแค่ไม่สบายน่ะป้า จะโวยวายทำไมคะ!!”
“เป็นอะไร เมื่อเช้ายังดีๆ อยู่เลย” แย้มไม่เชื่อ ถึงใบข้าวจะพักผ่อนน้อย แต่การเป็นล้มดื้อๆ แบบนี้ต้องมีสาเหตุ “คุณกับคุณนายทำอะไรคุณข้าวหรือเปล่าคะ!!” แย้มถามเสียงเข้ม
“ป้า!! บัวจะไปทำอะไรยัยข้าว บอกว่าเป็นลมทำไมไม่ฟังคะ ยัยข้าวเป็นน้องบัวนะ” ใบบัวแสร้งฮึดฮัด
“อย่ามัวแต่เถียงกันเลยครับ ควรหาวิธีทำให้เธอฟื้นก่อนดีกว่า” ภาคพูดสอด เขาอุ้มใบข้าวขึ้นมาจากพื้น
“พาคุณข้าวมาทางนี้ค่ะ” แย้มรั้งคนแปลกหน้าที่อุ้มใบข้าวไปอีกทาง
“ป้าจะพายัยข้าวไปไหนคะ?” ใบบัวตะโกนถาม
“ไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ คุณข้าวอยู่กับอีแย้มปลอดภัยกว่า” แย้มตะโกนตอบ
“อย่าถือสาป้าแย้มเลยนะคะ คุณแม่เป็นคนไม่ค่อยถือตัว พวกเราอยู่กับแบบญาติพี่น้อง อาจจะแปลกตาคุณภามสักหน่อย แต่ทั้งหมดนั่นเพราะความหวังดีจริงๆ ค่ะ” ใบบัวรีบแก้ตัว ภามไม่ได้ติดใจ เขาเชื่อว่าภาคจะทำหน้าที่แทนเขาได้ดีที่สุด
“บัวขายหน้าจังเลยค่ะ คุณภามมาหาบัวครั้งแรก ก็เจอเรื่องวุ่นๆ ในบ้านบัวเสียแล้ว”
ภามส่ายหน้าเดินตามใบบัวเข้าไปด้านใน เขานึกถึงวันเก่าๆ สมัยที่มีความรู้สึกดีๆ กับใบข้าว เขาไม่แปลกใจตัวเองแล้ว หลังสับสนหลายครั้ง การที่เขาสนใจใบบัว ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเธอคล้ายคลึงกับใบข้าวนั่นเอง
“บ้านบัวจะรกๆ หน่อยนะคะ ตอนนี้บ้านบัวไม่เหมือนสมัยก่อนแล้ว ตั้งแต่คุณพ่อเสีย” ภามทรุดนั่ง เขาจำความหลังได้ ตอนนั้นเขาเองก็แปลกใจ แต่เขาพยายามไม่ละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของใบบัวมากนัก
“เห้ยไอ้ภาม เด็กมึงไม่กลับบ้านเหรอ ได้ยินว่าพ่อหล่อนเสียแล้วนี่” เพื่อนสนิทคนหนึ่งที่เป็นคนไทยเหมือนกัน กระซิบบอกภามในวันหนึ่ง
“จริงเหรอวะ แค่ข่าวลือหรือเปล่า บัวไม่เห็นมีท่าทางเศร้าเสียใจเลย”
“เออว่ะ ไม่รู้เหมือนกัน แหมใครวะเอาเรื่องความเป็นความตายมาล้อเล่น พ่อเสียทั้งคน ลูกไม่กลับไปเผาศพพ่อมันก็เกินคนแล้วมั้ง”
“น้ำเย็นค่ะภาม บัวขอไปดูน้องสาวก่อนนะคะ” ใบบัวแสร้งทำตัวเป็นพี่สาวที่แสนดี เธอเดินจากไป แต่แอบเบ้ปากเมื่อสถานที่ที่แย้มพาใบข้าวไปคือห้องครัว
“ทำไมหมดสตินานแบบนี้คะ ป้าใจไม่ดีเลยคุณ รบกวนคุณพาคุณข้าวไปหาหมอหน่อยได้ไหมคะ?”
โชคดีที่ใบบัวมาทันเวลา ไม่อย่างนั้นสิ่งที่ตนเองทำคงปูดขึ้นมาหลังใบข้าวไปถึงโรงพยาบาล
“ป้าคะ อย่ารบกวนคุณภาคเลย ยัยข้าวไม่เป็นอะไรหรอก น่าจะเพลียมากกว่า” ใบบัวปรามแย้มเสียงอ่อน
“คุณข้าวแข็งแรงจะตายไป ไม่น่าเป็นลมเป็นแร้งไปง่ายหรอกค่ะ คุณนั่นแหละเอาอะไรแปลกๆ ให้คุณข้าวกินหรือเปล่า?” แย้มถามเสียงขึงขัง สีหน้ากระด้างแบบไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม
“อ้าวป้า ทำไมป้าพูดแบบนี้ละ ยัยข้าวน่ะ น้องสาวบัวเหมือนกันนะคะ”
แย้มแสยะยิ้ม “เหอะ! พี่น้องก็ไว้ใจไม่ได้หรอกค่ะ สมัยนี้เชื่อถือกันง่ายๆ ได้ไง คุณกับคุณข้าวไม่เจอกันมาสามปีแล้ว หากมีใครสักคนเปลี่ยนไป จะมีใครรู้ได้ละคะ”
“ป้าอย่ามาพูดไร้สาระแถวนี้นะคะ จะไปทำอะไรก็ไปทำเถอะ ยัยข้าวเดี๋ยวบัวดูแลเอง”
“ป้าไม่มีงานทำหรอกค่ะ วันนี้ป้ากับคุณข้าวต้องทำน้ำพริกส่งเกือบห้าสิบกระปุก คุณบัวนั่นแหละจะไปไหนก็ไป คุณข้าวน่ะ ป้าดูเอง” แย้มออกปากไล่แบบไม่ไว้หน้า
ภาคมองใบบัวสลับกับมองอีกคนที่นอนสลบไม่รู้เรื่องรู้ราว
หากข้ออ้างที่ใบบัวพูดถึงเป็นความจริง ป่านนี้แม่สาวที่นอนเฉยๆ น่าจะรู้สึกตัวนานแล้ว แต่นี่ หล่อนยังไม่ไหวติง ขนาดมีคนส่งเสียงดังอยู่ใกล้ๆ ยังนิ่งเฉยอยู่ได้ บางทีอาจไม่ใช่เพราะความอ่อนเพลียก็ได้ เปลือกตาภาคหรี่ลง แอบสำรวจแม่สาวตรงหน้าคร่าวๆ
“คุณภาคขึ้นไปนั่งเล่นกับคุณภามก่อนดีมั้ยคะ ทางนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่บัวเอง”
ภาคคล้อยตาม เขาเดินออกจากห้องครัวที่ร้อนอบอ้าว แถมเต็มไปด้วยกลิ่นฉุนๆ จนเริ่มเวียนหัว ถึงไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่กับการปล่อยให้คนป่วยนอนอยู่ท่ามกลางกลิ่นเครื่องเทศ แต่ตอนนี้เขาเป็นแค่คนนอก การยุ่มย่ามมากไปไม่เป็นผลดีกับตัวเอง
“ระวังปากบ้างสิป้า” ใบบัวถลึงตาใส่แย้ม ที่สาละวนเร่งเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ใบข้าว
“ป้าพูดความจริงค่ะ ว่าแล้วเชียว คุณนายทำไมถึงใจดีแปลกๆ สรุปมีแผนการทำเลวกับคุณข้าวอีกแล้ว คุณสองคนแม่ลูกนี้เลวเข้ากระดูกดำจริงๆ” แย้มกระแหนะกระแหน
“ป้า จะพูดจะจาอะไรก็ไว้หน้าบัวบ้าง บัวเป็นลูกสาวเจ้าของบ้านนะคะ”
“แล้วไงคะคุณบัว คุณนายกับคุณไม่ได้มีบุญคุณกับฉันสักหน่อยทุกวันนี้หากนับเรื่องข้าวแดงแกงร้อน คุณกับคุณนายควรสำนึกบุญคุณอีแย้มคนนี้นะคะ” แย้มลอยหน้าตอบ
“บัวคงต้องคุยกับคุณแม่เรื่องของป้าสักหน่อยแล้วละ”
“ตามสบายค่ะ บอกคุณนายด้วยนะคะ หากจะไล่อีแย้มออกจากบ้าน จ่ายเงินเดือนทั้งปีมาให้อีแย้มก่อน ไม่งั้นได้เห็นดีกันแน่ อ้อ...ค่าน้ำค่าไฟด้วย ฉันเก็บบิลไว้ทั้งหมด ถ้าอยากเฉดหัวกันนัก จ่ายมาให้ครบทุกบาททุกสตางค์ด้วยละ” แย้มลอยหน้าพูด ไม่ยี่หระกับท่าทางกระฟัดกระเฟียดของใบบัวเลย
ใบบัวหน้าซีด มารดาถลุงเงินมรดกจนหมดได้ยังไง ในเวลาแค่สองปี สมบัติของบิดาก่อนท่านเสีย มีตั้งหลายชิ้น ทั้งบ้าน ทั้งที่ดิน รวมทั้งเงินสด
“ฝากไว้ก่อนเถอะ” ใบบัวกระแทกเสียงใส่
“อย่านานนะคะ เพราะถ้านานเดี๋ยวคิดดอกเบี้ยซะเลย” แย้มตะโกนตามหลัง ใบบัวเดือดปุดๆ เธอยืนนิ่งๆ สะกดความโกรธ ก่อนจะฉวยน้ำสะอาดจากตู้เย็นติดมือมาด้วยหนึ่งขวด
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไงบ้างละ?” ภามถามน้องชายด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
ภาคทรุดนั่ง “ยังไม่ฟื้นเลยครับ” เขาตอบตามที่เห็นมาด้วยตัวเอง ภามขมวดคิ้ว ทำท่าจะลุกเดิน
“พี่ภามจะไปไหนครับ?”
ภามถอนใจทรุดนั่งลงไปที่เดิม “แน่ใจนะว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก”
ภาคหรี่เปลือกตาลง เขามองสบตาพี่ชาย ซึ่งภามก็หลบทันควัน มันเป็นพิรุธที่ทำให้ภาคสะกิดใจ “พี่ภามรู้จักผู้หญิงคนนั้นมาก่อนหรือเปล่า”
ภามเม้มปากชั่งใจ “อืม...” เขาพยักหน้าช้าๆ
“เอ้า!! ไปรู้จักกันได้ไง หรือรู้จักกันผ่านทางคุณบัว”
ภามส่ายหน้า มองสบตาน้องชาย “พี่กับข้าว รู้จักกันก่อนที่พี่จะรู้จักกับบัวที่โน้น”
ภาคยกมือเกาใต้ปลายคาง “ผู้หญิงคนนี้ใช่ไหมครับ ที่เคยเป็น ป็อบปี้เลิฟของพี่ภาม?” เป็นคำถามที่ตรึงปลายเท้าของใบบัว เปลือกตาใบบัวกะพริบถี่ๆ รีบมองหาที่เหมาะๆ สำหรับการแอบฟัง
ท่าทางแปลกๆ ของภามสะกิดใจเธอ พอได้ยินแบบนี้ ใบบัวก็ยิ่งแน่ใจ สิ่งที่ได้ยินคือความลับที่ภามซ่อนไว้ ไม่ยอมบอกกับเธอ
“นังข้าว!!”
ตอนที่ 5.ความหลังครั้งเก่าคือเชื้อเพลิงอย่างดี
“คุยอะไรกันอยู่คะหนุ่มๆ” ใบบัววางขวดน้ำเย็นลงบนโต๊ะ แล้วก็เดินไปทิ้งตัวนั่งข้างๆ ภาม “คุณคงไม่ผิดหวังใช่ไหมคะ กับสภาพบ้านของบัว”
ภามส่ายหน้า เขาไม่ได้วาดหวังเรื่องชาติตระกูลของใบบัวเลย บิดา มารดาไม่เคยคาดหวังเรื่องของสะใภ้ ท่านทั้งสองยกให้เขาเป็นคนตัดสินใจเอง เหมือนที่ให้อิสระกับภาค
“ผมชอบคุณที่ตัวคุณนะบัว เราเคยคุยเรื่องนี้กันแล้วตอนอยู่ที่โน้น” ภามปลอบใจ แม้เขาจะรู้สึกเสียใจนิดๆ เขาไม่ควรปล่อยให้ความเหงาครอบงำจนถลำไปไกลกับใบบัวเลย หากเขาอดทนและผ่านวันคืนแสนเหงานั่นมาได้ วันที่เขากลับมา ความสุขของเขาน่าจะมากกว่านี้