ตอนที่ 4.แผนลวงแผนร้าย

1528 Words
ใบข้าวเรียนเก่ง ผลการเรียนแซงหน้าเธอไปแบบไม่เห็นฝุ่น ใบบัวไม่ได้โง่ แต่ใบข้าวฉลาดเกินไป ผลการเรียนของเธอเหมือนคนทั่วไป ที่เรียนไปด้วยเล่นไปด้วย แต่ใบข้าวไม่ใช่แบบนั้น เพราะต่อให้ใบข้าวไม่อ่านหนังสือเลยสักหน้า ผลการเรียนของน้องสาวก็ยังดีกว่าเธอ ยิ่งโตใบข้าวก็ยิ่งเหมือนหอกข้างแคร่ ใบข้าวเป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนความล้มเหลวของตนเอง การกำจัดใบข้าวเลยเป็นเรื่องที่น่ายินดี ความจริงเธอควรทำแบบนี้ ตั้งแต่ก่อนที่จะไปเรียนต่างประเทศแล้ว ตอนที่ 4.แผนลวงแผนร้าย แย้มรู้สึกไม่สบายใจแบบบอกไม่ถูก ท่าทางของส่งศรีไว้ใจไม่ค่อยได้ แต่การที่ส่งศรียอมออกไปตลาดพร้อมกับตนเองก็ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ แย้มเลยพยายามไม่คิดมาก อย่างน้อยใบข้าวก็อยู่ที่บ้าน ต่อให้เสี่ยห้าวบุกเข้าไปในบ้านจริงๆ ก็คงไม่กล้าลงมือ “นี่นังแย้ม ตลาดที่สะอาดกว่านี้ไม่มีแล้วเหรอยะ?” ส่งศรีกระซิบเสียงแหลม นางพยายามเขย่งเท้าไม่ให้รองเท้าตัวเองจมลงไปในน้ำสีคล้ำบนพื้น “มีค่ะ แต่คุณอะ มีเงินมั้ยคะ?” แย้มถามกลับหน้าตาย “เหอะ!!” ส่งศรีสะบัดหน้าใส่ เดินตามแย้มไม่ปริปากพูดอะไรอีก “ผีตัวไหนเข้าคะคุณนาย ถึงอยากมาตลาดพร้อมฉันได้” แย้มถามระหว่างเลือกหอมแดงในกระจาด “ฉันแค่เบื่อ” ส่งศรีตอบเสียงกระแทก “เบื่อก็หาอะไรทำสิคะ เพิ่มมาอีกปาก หากฉันไม่อยู่คุณนายกับลูกจะเอาอะไรกิน” แย้มพูดความจริง นางแค่รอให้ใบข้าวมีงานทำเป็นหลักแหล่ง “ฉันไม่ยอมอดตายหรอกยะ” “ค่ะฉันรู้ คุณนายขายทุกอย่างประทังชีวิตมาตลอด ถ้าวันหนึ่งไม่มีอะไรให้ขาย ถามหน่อยเถอะค่ะ จะเอาเงินที่ไหนมาซื้อข้าวกิน” ส่งศรีชักสีหน้า “อย่าปากดีนักเลยนังแย้ม วันไหนที่ฉันลืมตาอ้าปากได้ ฉันจะเฉดหัวหล่อนคนแรก” “ฉันจะรอวันนั้นค่ะ อย่าลืมนะคะ ค่าไฟค่าน้ำค่าแรงฉันหนึ่งปีเต็ม หากวันที่คุณนายรวยขึ้นมา อย่าลืมจ่ายให้ฉันทั้งหมดด้วยค่ะ” ส่งศรีสะบัดหน้าใส่ เผลอกระแทกส้นเท้าแรงๆ จนน้ำสีคล้ำกระเด็นโดนชายกระโปรง ส่งศรีหยุดเดินเม้มปากกำมือแน่น “เร็วๆ สิคะ สายๆ ตลาดวายจะไม่มีอะไรให้ซื้อ” แย้มหันมาเร่งแล้วก็รีบเดินนำหน้า “ทั้งมึงทั้งนังข้าว จากนี้ไปกูจะคอยดูน้ำหน้า” ส่งศรียิ้มมุมปาก รีบเดินตามแย้มและพยายามเดินเลี่ยงน้ำสีคล้ำที่ส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่พื้นด้วยความระมัดระวังขึ้น “ข้าวๆ อ้อ อยู่นี่เอง” ใบบัวป้องปากเรียกน้องสาว แล้วก็เดินมานั่งใกล้ๆ ชะเง้อมองสิ่งที่ใบข้าวกำลังทำ “พี่บัวเรียกหาข้าวทำไมคะ” ใบบัวแอบย่นจมูก กลิ่นหัวหอมฉุนจัดจนตัวเองแทบสำลัก “ทำไมข้าวถึงชอบมาอยู่ในครัวจังเลยหะ!!” ใบบัวแสร้งแสดงสีหน้าไม่พอใจ “ข้าวกับป้าทำน้ำพริกกับขนมไปฝากขายตามร้านน่ะค่ะ ไม่อย่างนั้น” ใบข้าวไม่พูดต่อ เธอก้มหน้าพยายามกดความเศร้าไว้แค่ในใจ “พี่จะพูดกับแม่เอง เรื่องแบบนี้แม่ไม่ควรโยนให้ข้าวรับผิดชอบ” ใบบัวแสร้งพูดด้วยท่าทางขึงขัง ใบข้าวฝืนยิ้ม เธอรู้จักนิสัยมารดาดี ไม่มีใครเปลี่ยนนิสัยแบบนี้ของมารดาได้ ยกเว้น... “ข้าวทำไหวค่ะ เรื่องแค่นี้เอง คุณแม่อาจจะกำลังหาวิธีอยู่ก็ได้ค่ะ” ใบข้าวปลอบใจพี่สาว ใบบัวไม่ควรรู้เรื่องยุ่งยากแบบนี้เลย “รอให้พี่แต่งงานกับคุณภามก่อนนะ พี่จะจัดการเรื่องหนี้สินทั้งหมดเอง” ใบข้าวเกือบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เธอแสร้งยกมือที่มีหอมแดงป้ายที่ขอบตาล่างแล้วก็บ่น “ข้าวไม่ได้ร้องไห้นะคะ ข้าวแค่แสบตาเพราะการปอกหอม” ใบบัวไม่ได้ตอบโต้ เธอทรุดนั่ง สวมกอดใบข้าวและกระซิบปลอบใจ “พี่เป็นพี่สาวข้าวแท้ๆ แต่กลับปล่อยให้น้องสาวลำบากอยู่ที่นี่ ข้าวพี่มีอะไรจะให้ ตามพี่มาแปบสิ” ใบข้าวกะพริบเปลือกตาปริบๆ “มาสิ พี่ขนชุดสวยๆ มาด้วยหลายชุดเลย ข้าวขึ้นไปลองชุดบนห้องกับพี่หน่อย เผื่อวันไหนคุณภามชวนไปกินข้าวที่บ้าน ข้าวจะได้มีชุดสวยๆ ใส่ไปเป็นเพื่อนพี่ไง” ใบบัวคะยั้นคะยอ ใบข้าวอิดออดนิดหน่อย แต่ก็จำใจเดินตามไป ระหว่างที่ใบข้าวเปลี่ยนชุดอยู่หลังม่าน ใบบัวก็จัดการเทผงสีข้าวใส่แก้วน้ำเย็นของน้องสาว ปากก็ตะโกนถามเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ใบข้าวผิดสังเกต “พอใส่ได้ไหมข้าว ชุดเก่าของพี่ ราคาแรงเอาเรื่องเลยนะ” “คับไปหน่อยค่ะพี่บัว ข้าวเอาไปขยายเอวได้ไหมคะ” ใบข้าวเดินออกมาจากหลังม่าน แล้วก็บ่นงึมงำ ใบบัวโมโหแทบกระอัก ดีทว่ากลั้นไว้ทัน ชุดเก่าเก็บที่ใบบัวไม่เคยแตะเป็นปีๆ เพราะเป็นชุดเรียบๆ ไม่มีจุดเด่น แต่ทันทีที่อยู่บนเรือนร่างของน้องสาว ชุดที่ไม่มีอะไรเลยนั่น กลับเด่นสะดุดตาขึ้นมาดื้อๆ “สวยจะตาย สมัยนี้เขาเน้นรูปร่างนะน้องสาว แบบนี้แหละดีแล้ว” ใบบัวปรามเสียงขึงขัง เดินหมุนไปรอบๆ ตัวใบข้าวด้วยความอิจฉา เวลาสามปีเปลี่ยนเด็กกะโปโลเป็นสาวสะพรั่ง ขนาดใบข้าวสวมแค่ชุดธรรมดา หากแต่งหน้าครบ ใบข้าวคงสวยไม่มีที่ติ “ข้าวอึดอัดค่ะพี่บัว โดยเฉพาะตรงนี้” ช่วงเอวรัดเกินไปนิด หากขยายออกสักหน่อยน่าจะดีกว่านี้ “ไม่คับหรอก กำลังดี ดีเสียอีก ชุดจะทำให้ข้าวกินได้ไม่เยอะ บ้านคนรวยน่ะ เขากินเหมือนดม หากข้าวกินเยอะมันจะเสียมารยาท” ใบข้าวไม่เข้าใจนักแต่ก็ยอมฟัง เธอไม่ค่อยได้ไปสังสรรค์กับคนนอก เธอมีงานรอให้ทำหลายอย่าง ทั้งงานบ้านและต้องช่วยแย้มทำน้ำพริก วันไหนที่ทำขนมก็จะเหนื่อยมากหน่อย ดังนั้นเธอเลยกินเยอะเป็นธรรมดา ไม่อย่างนั้นจะไม่มีแรง “ข้าวเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านได้หรือยังคะพี่บัว?” ใบข้าวถามเสียงอ่อยๆ “จะรีบเปลี่ยนไปไหนละ ใส่แบบนี้สวยดีออก” ใบบัวส่ายหน้าปรามเสียงแข็ง “ข้าวไม่สะดวกค่ะ วันนี้ทำน้ำพริกเกือบสามสิบกระปุก ข้าวกลัวชุดเปื้อนด้วยค่ะพี่บัว” “งั้นรอแปบ รอให้พี่กลับมาก่อนค่อยเปลี่ยน” เสียงกริ่งจากหน้าบ้านดังติดๆ กัน ใบบัวเลยอาสาออกไปดูด้วยตัวเอง “อ้อ หิวน้ำไหม พี่รินน้ำไว้ให้น่ะ กินเสียสิ” ก่อนที่จะเดินเลยไปไกล ใบบัวหันมาบอก พลางชี้มือไปที่แก้วน้ำเย็นที่วางอยู่ข้างตัวใบข้าว คงเพราะอากาศร้อน บวกกับความไว้ใจ ใบข้าวเลยยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม โดยที่ไม่ติดใจสงสัยอะไรเลย น้ำเย็นสดชื่น มีรสเฝื่อนเล็กน้อย ใบข้าวดื่มจนหมดเกลี้ยง ตอนที่วางแก้วเธอรู้สึกแปลกๆ เหงื่อเธอแข่งกันผุดออกมาเต็มหน้าผาก มีอาการวิงเวียน แถมเนื้อตัวยังร้อนวูบวาบ ใบข้าวหลุบเปลือกตาลง พลางสูดลมหายใจแรงๆ ช่วงนี้เธอพักผ่อนน้อย นั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ตนเองรู้สึกแปลกๆ เหมือนอย่างตอนนี้ เสียงเอะอะดังอยู่ด้านนอก ใบข้าวพยายามทรงตัวยืน เธอเกาะกำแพงบ้านเดินตามเสียงโวยวายนั่นไป ใบบัวเพิ่งกลับมาบ้านหลังจาก จากไปหลายปี หนี้สินที่ส่งศรีก่อ ไม่เกี่ยวกับพี่สาวที่ไม่เคยรู้อีโหน่อีเหน่ มันอาจจะเป็นเพราะกรรมดีของใบข้าว นอกจากเสี่ยห้าวแล้ว ยังมีอีกสองคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ใบบัว สีหน้าใบบัวเต็มไปด้วยความผิดหวัง สิ่งที่เธอวางแผนมาอย่างดีคลาดเคลื่อนไปทั้งหมด เพราะแขกที่ไม่ได้เชิญ ดันมาในเวลาที่ไม่ต้องการ “พี่ภาม...” ใบข้าวพึมพำ ก่อนทุกอย่างจะดับมืดไป คนที่ถลาไปรับใบข้าวไว้ไม่ใช่ภามอย่างที่เจ้าตัวเห็นครั้งสุดท้าย ภาคที่อยู่ใกล้กว่าถีบตัวเองไปรองรับผู้หญิงร่างเล็กที่ทำท่าว่าจะฟุบลงไปบนพื้น สีหน้าของหล่อนเผือดซีด เหงื่อไหลทะลักเต็มหน้า ห้าวมีสีหน้าไม่พอใจสุดขีด เขาตั้งใจมาทวงหนี้ แต่ยังไม่ทันได้พูดสักคำ ก็ถูกขัดจังหวะเสียก่อน “ยังไงวะ เงินกูจะได้คืนไหมละ!!” ภามขมวดคิ้วมองหน้าใบบัว และแอบชำเลืองมองใบข้าวที่ยังอยู่ในอ้อมกอดน้องชายด้วย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD