@หลายวันต่อมา
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“ขออนุญาตครับคุณสิงหา” เสียงคนเคาะประตูบอกกับคนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งที่นั่งของผู้บริหารก่อนจะเข้าไปรายงานในสิ่งที่ผู้เป็นนายสั่งให้ไปทำ
“ว่ามา ได้ความคืบหน้ายังไงบ้าง”
“ไม่มีประวัติการรักษาของคุณเพลงพิณเลยครับ ผมใช้ชื่อและนามสกุลตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว พบว่าไม่มีประวัติการรักษาที่ไหนเลย แม้แต่การไปในสถานที่ราชการที่สามารถตรวจสอบได้ก็ไม่เคยพบเลยเช่นกัน มันเหมือนกับว่าคุณเพลงพิณไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว มันจะเป็นไปได้หรือเปล่าครับที่เขาจะออกต่างประเทศไปแล้ว”
“มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงในเมื่อคนของเราตรวจสอบสายการบินอยู่ตลอด เพลงพิณไม่ได้ไปไหนทั้งนั้น ผู้หญิงคนนั้นต้องอยู่ในไทยแค่ต้องอยู่ที่ไหนสักที่ที่เรายังตามไม่เจอ” ประกายตาของสิงหาแข็งกร้าว เอาจริงๆ มันมักจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่พูดถึงผู้หญิงคนนั้น
คนที่ใจร้ายจนกล้าทิ้งงานแต่งงาน เป็นตายร้ายดียังไงเธอไม่เคยบอก มีเหตุผลอะไรที่ไม่สามารถแต่งงานได้เธอเลือกที่จะไม่พูด เธอเลือกที่จะปล่อยทุกอย่างเอาไว้แบบนี้ เลือกที่จะทิ้งเขา ทั้งที่เขารักเธอแทบตาย ผู้หญิงคนนั้นไม่ควรได้รับความรู้สึกดีๆ จากเขาอีกต่อไป สาบานว่าหากมีโอกาสได้เจอกันอีกครั้ง เธอจะได้พบเขาในอีกมุมมองที่เธอไม่เคยเห็น สิงหาคนนี้จะไม่มีวันยอมเป็นคนโง่ที่ปล่อยให้ผู้หญิงหลอกได้อีกแน่นอน
“เราเปลี่ยนไปตามคุณพระพายดีไหมครับ”
“พระพาย? ทำไมถึงคิดแบบนั้น”
“บางทีคนที่เราคิดว่าอาจจะให้ข้อมูลอะไรเราไม่ได้ อาจจะเป็นคนที่รู้ข้อมูลทุกอย่างก็ได้นะครับ” นัดสืบหนุ่มที่คอยทำงานให้สิงหาอยู่เงียบๆ เสนอความคิดเห็น
เอาจริงๆ นับจากวันนั้นมาจนถึงวันนี้เวลาก็ล่วงเลยไปที่สี่เดือนกว่า มันเป็นอะไรที่แปลกมากที่ไม่มีข้อมูลอะไรสักอย่างเลย มันเหมือนกับว่ามีใครบางคนคอยเคลียร์ทุกอย่าง เพื่อไม่ให้พวกเราตามเจอ
ตามจากคนที่บ้านก็แล้ว เพื่อนสนิทก็แล้ว คนเพียงคนเดียวที่เขาไม่ได้ติดตามก็คือพระพาย ผู้หญิงในตอนนี้อยู่ในสถานะภรรยาของเจ้านาย ต่อให้คนทั้งคู่จะอยู่ด้วยกันแต่มันจะเป็นไปได้หรือเปล่าที่เจ้านายของเขาอาจจะไม่ได้สังเกตเธอมากพอ
“คุณคิดว่าพระพายรู้เรื่องนี้?”
“ผมแค่สันนิษฐานดูครับ เอาจริงๆ มันก็มีความเป็นไปได้เพราะนับตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องตอนนั้นเราเอาแต่คิดหาความจริงจากปากของคุณพระพายโดยที่เราไม่ได้ตามสืบเองเลยว่าเธอมีความลับอะไรซ่อนอยู่หรือเปล่า จริงๆ สิ่งที่เราคิดมันก็อาจจะไม่ได้ผิด เราคิดว่าคุณพระพายคือคนที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุด ในเมื่อถามตรงๆ แล้วเธอเลือกที่จะไม่บอก งั้นเราตามสืบจากเธอดีไหมครับ” สิงหาคิดตาม สุดท้ายก็เลือกที่จะพยักหน้าออกมา
“มันก็จริง เอาจริงๆ เราก็ประมาทพระพายเกินไป ถ้าอย่างนั้นก็ยกเลิกภารกิจที่ตามหาตัวเพลงพิณแล้วตามพระพายแทน”
“ได้ครับนาย ว่าแต่ตอนคุณพระพายอยู่ที่บ้านมีอะไรผิดปกติหรือเปล่าครับ”
“ที่ผิดปกติหมายถึงอะไร”
“เธอหายไปไหนกับใครหรือแอบคุยกับใครนานๆ หรือเปล่า เพราะถ้ามีเหตุการณ์แบบนั้นมันก็อาจจะเป็นไปได้ว่าสองคนนั้นแอบคุยกันและแอบส่งข่าวให้กันอยู่บ่อยๆ นะครับ”
“เอาเป็นว่าเรื่องนั้นฉันจะสังเกตช่วยอีกแรงก็แล้วกัน”
“ครับนาย ไว้ถ้ามีความคืบหน้าอะไรผมจะรีบกลับมารายงานครับ”
“ขอบใจมาก” สิงหาพยักหน้าให้ลูกน้องที่ทำงานกับเขามานาน ทันทีที่อยู่คนเดียวเพียงลำพังก็นึกถึงดวงหน้าของคนที่อยู่ในฐานะภรรยาของเขา เอาจริงๆ ที่ผ่านมาเขาก็แทบไม่ได้ใส่ใจอะไรเธอเลย
ไปไหน คุยกับใคร เขาแทบไม่ให้ความสนใจ ซึ่งบางทีช่วงเวลานั้นมันอาจจะทำให้เขาพลาดอะไรหลายๆ อย่างไปก็ได้
สิงหาต่อสายหาเลขาที่อยู่หน้าห้องอีกครั้ง รอไม่นานปานลนาก็รับสาย
(ค่ะคุณสิง…)
“พระพายอยู่ไหน” เดิมทีเขาเคยให้เธอไปช่วยงานในตำแหน่งที่เพื่อนของเธอทำงานอยู่ เพิ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงก็วันนั้นที่ให้เธอมาช่วยดูเอกสาร นับตั้งแต่เหตุการณ์ในวันนั้นที่เธอเปียกฝนกลับบ้านเราแทบไม่ค่อยได้คุยกัน บางครั้งเขาก็ไม่ได้อยากทะเลาะ ยอมรับว่าลึกๆ ก็ยังนึกถึงตอนที่เราทั้งคู่ยังเป็นเพื่อนกันอยู่
ก็ไม่ได้อยากทำร้ายความรู้สึกไม่ได้อยากทำให้เสียใจ แต่ก็ยอมรับว่าอีกความรู้สึกคือยังโกรธที่เธอเลือกปิดบังทั้งที่เขาเองก็เป็นเพื่อนเธอเหมือนกัน
(อยู่ที่ร้านกาแฟด้านล่างค่ะ)
“ปกติพระพายไม่ดื่มกาแฟ”
(เอ่อ…. พอดีว่าปานวานให้คุณพายลงไปซื้อกาแฟให้น่ะค่ะ)
“ทีหลังก็อย่าทำเกินหน้าที่ อะไรที่ไม่ได้สั่งก็อย่าทำ” สิงหาเลือกที่จะตำหนิเลขาหน้าห้องอย่างตรงไปตรงมา รู้ว่าปันลนาพยายามที่จะทำเกินหน้าที่อยู่หลายครั้ง เขาไม่ได้ชอบ บางครั้งที่พูดดีด้วยก็เพราะตอนนั้นอยู่ต่อหน้าของพระพายเท่านั้น
สิงหาลงไปที่ร้านกาแฟที่ว่าด้วยตัวเอง และไม่คิดเหมือนกันว่าจะบังเอิญเจอภาพที่เธอคุยอยู่กับเพื่อนสนิทของเขาอย่างธันวา
ดูพูดคุยกันอย่างสนิทสนมทั้งยิ้มและหัวเราะต่างจากตอนที่อยู่กับเขาโดยสิ้นเชิง เห็นแบบนั้นสิงหาหลุดเสียงหัวเราะออกมาทันที
“มึงมาทำอะไรที่นี่” สิงหาเดินเข้าไปหาเพื่อนสนิทของตัวเองพร้อมกับปรายสายตามองพระพายเล็กน้อย ก็นั่นแหละทันทีที่เจอหน้าเขารอยยิ้มที่เปื้อนบนใบหน้าของเธอในตอนแรกมันก็หายออกไปทันทีเช่นกัน
“อ้าวไอ้สิง บังเอิญจังเลยนะที่เจอกันที่นี่”
“นี่มันบริษัทกู อะไรคือคำว่าบังเอิญของมึงไม่ทราบ”
“ถ้าไม่ตึงตลอด กูจะคิดว่ามึงไม่พอใจที่เห็นว่ากูคุยอยู่กับพระพายแล้วนะ” ธันวาหยอกล้อพร้อมกับยิ้มมุมปาก
เขาเข้าใจความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ดีถึงจะไม่ได้เห็นด้วยแต่ก็ใช่ว่าจะไปขัดหรือแสดงความคิดเห็นอะไรมากมายได้ สิงหาไม่ได้เปิดรับ ไม่ได้ต้องการฟังความคิดเห็นของใครแม้แต่เขาที่เพื่อนสนิทก็ตาม
“มีความจำเป็นที่กูต้องไม่พอใจเรื่องนั้น กูแค่ไม่คิดว่าจะลงมาแล้วเจอมึงที่นี่มากกว่า”
“เออๆ เอาน่า ขี้เกียจทะเลาะกับมึงว่ะ กูตั้งใจจะมาหามึงนั่นแหละ แต่เจอพระพายเลยแวะร้านกาแฟก่อน”
“เธอไม่มีงานทำเหรอ?” หันไปถามคนที่ธันวาให้ความสนใจ ยิ่งเห็นว่าตอนที่เขาพยายามคุยกับเธอแต่เธอทำหน้าเหมือนไม่อยากคุยกับเขาก็ยิ่งรู้สึกหมั่นไส้
“เลขาของนายใช้ฉันลงมาซื้อกาแฟ”
“แต่เป็นคนรับใช้ปานลนาตั้งแต่เมื่อไหร่?” พระพายไม่ได้ตอบกลับ แต่เป็นเขาที่พูดทุกอย่างเอาเอง
“ถ้ารู้ตัวว่าไม่ใช่คนใช้ก็อย่าก้มหน้าให้คนอื่นใช้ ไม่ต้องแกล้งโง่เพราะฉันรู้ว่าคนอย่างเธอไม่ได้โง่”