“อะไรของมึงวะสิง พูดแรงเกินไปหรือเปล่าเนี่ย”
“ปล่อยให้คนอื่นจูงจมูกเอาไปใช้ทำอะไรก็ได้ แบบนี้นี่คือกูพูดจาแรงไปงั้นเหรอวะ อ้อ… หรือเพราะรู้ว่ามึงจะมา เขาเลยเกิดเต็มใจที่จะลงมาซื้อ เลยยอมให้คนอื่นใช้ แบบนั้นน่ะเหรอ?” สิงหาตอบกลับพร้อมกับประกายตาที่แข็งกร้าว ทั้งเป็นเพื่อนกันมานาน ทั้งอยู่ร่วมกัน นอนด้วยกันทุกคืน พระพายยังไม่เข้าใจงั้นเหรอว่าเขาเกลียดคนแบบไหนมากที่สุด
“แล้วใครกันล่ะที่บอกให้เลขาของตัวเองป้อนงานให้ฉัน ในเมื่อสั่งเอาไว้แบบนั้นฉันก็ต้องทำทุกอย่างตามคำสั่งของเลขานายหรือเปล่าล่ะ ทำทุกอย่างตามที่ต้องการให้แล้วยังไม่พอใจอีกงั้นเหรอ”
“พระพาย!”
“เอาเป็นว่าเราขอตัวก่อนนะธัน ยังมีงานอื่นที่ต้องทำน่ะ ไว้เจอกันวันหลังนะ”
“เอาแบบนั้นก็ได้ ไว้วันหลังเราเลี้ยงข้าวเธอละกันนะ” พระพายยิ้มให้ธันวาที่เป็นเพื่อนเก่าตั้งแต่สมัยเรียน ก่อนจะเดินไปรับแก้วกาแฟที่เคาน์เตอร์จากนั้นก็ปลีกตัวออกมาจากตรงนั้น แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่ามีสายตาของใครมองตามหลังเธออยู่ก็ตาม
ขี้เกียจทะเลาะกับคนอย่างเขาเต็มทน เจอหน้าทีไรมักมีประเด็นทุกที
“อวดดี!”
“อะไรของมึงวะสิง จะหัวร้อนไปไหน หงุดหงิดอะไรมาไม่ทราบ?”
“ในขณะที่กูหงุดหงิด แต่ดูมึงอารมณ์ดีเกินเบอร์นะ”
“อ้าว อยู่ดีๆ มาพาลกูได้ยังไงวะ กูผิดอะไรก่อน”
“แล้วมึงมาที่นี่ทำไม ว่างนักเหรอ ไม่มีงานมีการทำงั้นเหรอ”
“งานน่ะมี แต่กูผ่านมาทางนี้พอดี วันนี้เลยตั้งใจมาชวนมึงกินข้าวเที่ยงด้วยกันเนี่ย”
“วันนี้กูไม่ว่าง เชิญมึงไปกินคนเดียวได้ตามสบาย”
“อ้าว แล้วทำไมถึงไม่ว่างวะ เป็นถึงผู้บริหารแค่ออกไปกินข้าวกับเพื่อนแค่นี้มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย มึงจัดการเวลาได้อยู่แล้วสิง”
“งั้นมึงดูปากกูให้ชัดๆ นะ” ธันวามองปากของเพื่อน ตามที่อีกฝ่ายร้องขอ และเห็นชัดเลยว่ามันจงใจพูดอะไร
“กูไม่ว่าง และไม่ว่างก็คือไม่ว่าง เข้าใจตรงกันนะ”
“โอเคเข้าใจแบบนั้นก็ได้ ในเมื่อมึงไม่ว่าง งั้นกูชวนพายไปกินข้าวกับกูแทนได้ไหมล่ะ”
“ไอ้ธัน!”
“นี่อุตส่าห์ขออนุญาตเลยนะ กูนิสัยดีฉิบหาย ว่าแต่มึงจะยอมอนุญาตไหมล่ะ”
“อย่ากวนตีน”
“เปล่ากวน ไม่ได้จะกวนอะไรเลย ที่พูดเนี่ยคือพูดจริงๆ”
“ทั้งที่มึงก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไรอ่ะนะ”
“อะไรเป็นอะไรนี่แปลว่าอะไรวะ”
“มึงก็รู้ว่าตอนนี้สถานะระหว่างกูและพระพายมันเป็นยังไง”
“แต่มันก็คนละเรื่องกันอยู่ดีไหมล่ะ กูกับพระพายก็เป็นเพื่อนกันเหมือนกัน รู้จักพอๆ กับมึง ต่อให้มึงจะมีเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ แต่พายก็เป็นเพื่อนกู เหมือนที่มึงเองก็เป็นเพื่อนกูนั่นแหละ กูแคร์ทั้งคู่ ไม่เข้าข้างใครเป็นพิเศษแน่นอน”
“แน่ใจเหรอว่าไม่เข้าข้างใครเป็นพิเศษ”
“แน่ใจสิวะ”
“ทั้งที่มึงก็รู้ว่าครอบครัวของเขาทำกับกูเอากว้แบบไหนงั้นเหรอ”
“เรื่องนั้นกูเข้าใจ” ธันวาพูดเสียงอ่อนลงเมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อน รู้ว่าสิงหาเจ็บปวดกับเรื่องนี้มาก ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนความรู้สึกมันก็ไม่เคยโอเคขึ้นเลย แต่ก็นั่นแหละต่อให้คนครอบครัวของพระพายจะเป็นคนทำ แต่นั่นก็ไม่ใช่ตัวของพระพายที่เป็นคนทำอยู่ดี
“ในเมื่อเข้าใจแล้วก็ยังจะทำแบบนี้น่ะเหรอ”
“กูว่ามึงต้องแยกแยะนะสิง พายไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้คนที่ทิ้งมึงไปไม่ใช่เขานะเว้ย”
“ต่อให้ผู้หญิงคนนั้นจะไม่ใช่พระพายโดยตรงแต่เขาก็รู้เห็นเป็นใจไม่ใช่เหรอ ทั้งที่กูเองก็เป็นเพื่อน ฉะนั้นมีอะไรก็ต้องคุยกันตรงๆ หรือเปล่าวะ เพื่อนกับเพื่อนอ่ะ แล้วเพื่อนควรทำกับเพื่อนแบบนี้เหรอ มึงก็เอาแต่เข้าข้างคนอื่นนั่นแหละ”
“พูดแบบนี้มันก็ไม่ถูกนะเว้ย กูเข้าข้างมึงมาโดยตลอดแหละ แต่ถ้าอะไรที่มันเกินไปก็ต้องตักเตือนเพื่อนหรือเปล่าวะ”
“อย่ายุ่งกับพระพาย”
“แล้วเหตุผลของมึงคืออะไร แค่กลัวว่ากูจะเข้าข้างเขางั้นเหรอ”
“ใช่ มึงมันขี้ใจอ่อนเป่าหูง่าย อย่าถลำตัวเข้าไปเด็ดขาด กูขอเตือน” ธันวาถอนลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ถูกกีดกันแบบนี้ ซึ่งบอกตรงๆ ว่านับวันก็ยิ่งมองว่ามันเป็นอะไรที่โคตรไร้สาระ
“แล้วถ้ากูไม่ฟังมึงล่ะ”
“ไอ้ธัน”
“คือที่ไม่ฟัง ไม่ได้หมายความว่าจะไปเข้าข้างเขาจนลืมเหตุผลของมึง แต่แค่ก็ต้องเจอกันบ้างในฐานะเพื่อนมีคุยกันบ้างเหมือนเมื่อก่อนไงมันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอวะ”
“สรุปก็คือมึงจะไม่ฟังที่กูพูดสินะ” ธันวาเบือนหน้าหนี ถ้าจะให้ยอมรับออกไปตรงๆ ก็เกรงใจเพื่อนนั่นแหละ เกิดมันรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาอีกคนที่ซวยอาจจะไม่ใช่เขาแต่อาจจะเป็นตัวของพระพาย
ที่ผ่านมาเขาก็มองว่าพระพายทนเกินไปแล้ว ทั้งที่คนผิดไม่ใช่ตัวเธอ แต่เธอก็เลือกที่จะยอมรับผลทุกอย่างแม้เพื่อนของเขาจะเลวใส่สารพัดแค่ไหนก็ตาม
“อย่าบอกนะว่าถ่ายไฟเก่ายังไม่หมดไฟ” คนถามดันลิ้นเข้าหากระพุ้งแก้ม ยิ้มเยาะในที
“ไอ้เหี้ยสิง มึงแม่งไร้สาระว่ะ”
“ถ้าเป็นแบบนั้น ก็บอกกูตรงๆ ก็ได้นะ”
“หมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความว่าถ้ามึงอยากได้พระพายคืน มึงก็ไปเกลี้ยกล่อมให้เขาบอกความจริงมาว่าเอาน้องสาวไปซ่อนไว้ที่ไหน”
“มึงต้องการแค่นั้นจริงๆ เหรอสิง”
“….”
“มึงแค่อยากรู้ว่าเพลงพิณอยู่ที่ไหน แล้วมึงจะปล่อยพายให้เป็นอิสระแค่นั้นจริงๆ ใช่ไหม”
“ใช่ ความจริงมันมีแค่นั้น”
“เออดี มีโอกาสเมื่อไหร่ กูจะเกลี้ยกล่อมให้พายบอกความจริงกับมึง ตัวเขาจะได้เป็นอิสระจากคนบ้าๆ แบบมึงสักที!” ธันวาพูดใส่หน้า บอกตรงๆ ว่าบางครั้งเขาก็รำคาญในความบ้าของมันเหมือนกัน ไม่รู้ว่าจะบ้าไปถึงเมื่อไหร่ และเขาจะรอดูเลยว่าหากวันนั้นมาถึงจริงๆ มันจะมองหน้าพระพายด้วยสายตายังไง