6

982 Words
แม่นี่คงอยากเรียกร้องความสนใจจากเขาอยู่แน่ ๆ เพิ่งมาถึงเมื่อวานนี้เอง กลางคืนก็ออกไปยืนคอยให้ท่าเขา พอเช้าเขาจะจัดการคนงานของเขาเสียหน่อย ก็ยังฝ่าวงล้อมเข้ามาทำเป็นออกตัวแทนไอ้หนอม แค่นั้นไม่พอ ยังทำเมินเฉยกับคำถามของเขาอีกด้วย เลยบอกเสียงไม่ใส่ใจกลับไปว่า “ยังไม่กิน ก็ไม่ต้องกิน ไปทำงานเลย ไม่รู้จักเวลาดีนัก” จบคำของเขา ก็มีเสียงร้องจากท้องของเขาและเสียงร้องจากท้องของเธอดังขึ้นเบา ๆ ในความเงียบ แทบจะพร้อม ๆ กัน อภิยาอมยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “หยินไม่กินก็ได้ค่ะ แต่คุณน่ะเป็นเจ้าของพื้นที่ ต้องกินนะคะ เดี๋ยวจะไม่มีแรงออกคำสั่ง” พสุธาคำรามเบา ๆ หักพวงมาลัยรถจอดลงที่หน้าคาเฟ่ ก่อนจะสั่งให้สมกับคำประชดประชันของเธอว่า “ดี! อย่างนั้นเธอก็ลงไปกินข้าวด้วย เดี๋ยวจะไม่มีแรงมาของานทำ ลงมา!” ไม่รอให้เขาสั่งซ้ำสอง อภิยาเปิดประตูรถลงไปในทันทีที่จบคำสั่งของเขา ท้องเธอหิวอยู่ และเธอก็ไม่ใช่คนมีแง่งอนอะไร มีไปทำไม มีไปแล้วต้องมาทนทรมานหิวข้าว เผลอ ๆ อาจตกงานด้วย คนงานในคาเฟ่เพิ่งมาถึง เห็นเจ้าของไร่เทียมพสุธาโผล่มาแต่เช้า ก็ลนลานเข้ามาหา “รับอะไรหรือคะคุณพุธ” “อาหารเช้าสองที่” “ได้ค่ะ รอครู่เดียวนะคะ ไม่นานค่ะ” หญิงสาวคนนั้นบอกด้วยสีหน้าตื่น ๆ ก่อนจากไป รอไม่นานอย่างที่บอกจริง ๆ อาหารเช้าสองที่ก็วางลงที่ตรงหน้า อภิยามองอาหารเช้าสไตล์อเมริกันแบบกระจุ๋มกระจิ๋มในจานเสิร์ฟก็ถอนใจเบา ๆ เพราะปกติเธอกินจุ กินเยอะ ยิ่งมื้อเช้าด้วยนะ ต้องกินข้าวเท่านั้น ส่วนกับข้าวเธอไม่เกี่ยง กินอะไรก็ได้ พอเห็นแบบนี้แล้ว ก็รู้เลยว่าไม่อิ่ม “อะไร” เสียงถามห้วน ๆ ดังมาจากเขาอีกแล้ว เธอเงยหน้าจากจานขึ้นสบตาเขา ถามสั้น ๆ ไปว่า “คะ?” “เห็นมองอยู่นานแล้ว ทำไมไม่กินสักที หรือกลัวจะหักจากเงินเดือน ไม่ต้องกลัว” เขาบอกเสียงรื่นเริงในตอนท้าย ได้ยินก็นึกชื่นชมเขาอยู่ในใจ เขาเป็นคนใจกว้างเหมือนกันนี่นา เลยยิ้มตอบพร้อมกับพูดไปว่า “ขอบคุณค่ะ” “ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่หัก หักแน่ หักจากเงินเดือนของเธอนั่นแหละ เพราะอาหารตรงนี้ไม่ใช่อาหารที่เป็นสวัสดิการของคนงาน มันเป็นของในคาเฟ่ มีราคาขาย มีต้นทุนการผลิต ไม่ได้มีไว้ให้กินฟรี” ได้ยินอย่างนั้นก็หุบยิ้มลงแทบทันที นึกว่าเขาจะมีเมตตาให้กินอาหารเช้าโดยไม่หักเงิน นี่เขี้ยวมากถึงกับจะหักค่าอาหารจากเงินเดือนของเธอด้วยอย่างนั้นหรือ แล้วลงมือเทซอสกินจนเกลี้ยงจาน กินอิ่มแล้วออกมายืนคอยเขาที่ด้านนอก ได้เวลาทำงานแล้วล่ะ ตามองที่ป้าย เห็นชี้ไปยังตึกสองชั้น นั่นคงเป็นตึกสำนักงานของที่นี่ แล้วก็สะดุ้งน้อย ๆ เมื่อได้ยินเสียงของเขาดังที่ด้านหลัง “ขึ้นรถ” พสุธาสั่งด้วยน้ำเสียงเข้ม ๆ แบบเดิม ชี้มือไปทางตึกที่หมายตาไว้แล้วถามเขา “ออฟฟิศไม่ใช่ตึกนั่นหรอกหรือคะ” “ใช่” เขาตอบห้วน ๆ แต่เธอไม่ได้สนใจอีกแล้ว คิดว่าเขาคงมีปัญหาเรื่องการเปล่งเสียงคุยมากกว่า บอกกลับเขาไปว่า “ที่จริง เดินจากคาเฟ่ไปก็ไม่ได้ไกลเลยนะคะ หยินเดินไปเองได้ค่ะ” ได้ยินแบบนั้น พสุธานึกได้ว่าเอาอีกแล้ว ทำเล่นตัวเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเขาอีกแล้ว สั่งพร้อมกับเดินไปยังประตูรถฝั่งคนขับ “ขึ้นรถ” มองตามเขาอย่างเริ่มจะเคืองขึ้นมาอีกนิด เปิดประตูขึ้นนั่งได้ก็พึมพำเบา ๆ “อ้อ ลืมไปว่าคุณเป็นเจ้าของพื้นที่” พสุธาหันมามองพร้อมกับคิดอย่างฉุน ๆ ว่าแม่นี่ไม่ธรรมดาเลย ต่อปากต่อคำ เรียกร้องความสนใจจากเขาไม่หยุดหย่อน ขึ้นนั่งได้ เขากระชากรถออกจากตรงนั้นไปยังอีกทาง อภิยาเม้มปากแน่น มองที่เขาว่าทำไมจะต้องออกรถกระชากขนาดนี้ ก่อนจะสำรวจไปรอบ ๆ คัน รถคันนี้จะว่าไปก็เก่ามากแล้ว บางทีอาจจะต้องเหยียบคันเร่งแรง ๆ มันถึงจะทำงานก็เป็นได้ แล้วมองไปยังข้างทาง เห็นเขาเลี้ยวไปอีกทางที่ไม่ใช่ไปสำนักงานก็ร้องถาม “ทางนั้นไปออฟฟิศ ไม่ใช่หรือคะ” “ใช่” เสียงห้วนและดุกว่าเดิมเสียอีก ก่อนจะขยายความหลังจากนั้นว่า “แต่เดี๋ยวจะไปทางนี้ก่อน เธอรู้จักในนี้ครบหมดแล้วหรือไง” “ยังค่ะ” “ถ้ายัง ก็ไปดู ว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง วันนี้ต้องจำทางในไร่ให้ได้ทั้งหมด พรุ่งนี้เป็นต้นไป จะหักเงินเดือนออกห้าร้อยบาททุกครั้งที่หลงทาง” ได้ยินว่าจะถูกหักเงินก็แอบมุ่ยหน้า หันไปยังทิศทางที่ไม่มีเขา “ที่นี่ออกจะกว้าง กินพื้นที่ตั้งเยอะ แล้วทางก็ทำซอกแซกคดเคี้ยวเลี้ยวไปเลี้ยวมาหลายตรอกซอกซอย หากจะหลงก็ไม่แปลกหรอกค่ะ แต่มาหักเงินกันแบบนี้เพราะหลงทางสิแปลกมากเลย” ตาคมติดดุดันมองไปอีกทางชั่วขณะ พร้อมกับรอยยิ้มปรากฏตรงมุมปากของเขา แปลกแล้วจะทำไม ใครสนด้วยเล่า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD