“หายไปไหนมาครับคุณพุธ”
เสียงนเรนทร์ พ่อบ้านของไร่เทียมพสุธาถามขึ้น เมื่อพสุธาเข้ามาในห้องแล้ว หลังจากพาหญิงสาวที่บิดาส่งมาให้เขาจัดการให้หนัก ๆ ดูในสวนหนึ่งรอบเรียบร้อยแล้ว
พสุธาไม่ได้ตอบในทันที เขาทำหน้าเฉยเมย เดินไปหยุดที่หลังโต๊ะทำงาน มองแฟ้มเอกสารบนนั้น แล้วเอ่ยปากถามกลับไปว่า
“เรื่องคนงานจัดการเรียบร้อยแล้วหรือยังอาโย”
“เรียบร้อยแล้วครับ”
“คราวหลังไม่ต้องให้ผมลงไปไต่สวนเองนะ ถ้าพบว่าคนงานทำผิดกฎ ก็ไล่ออกไปเลย แล้วหาคนใหม่เข้ามาแทน ผมไม่สนอยู่แล้วเรื่องคนงานทำผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนั้นน่ะ”
นเรนทร์ลอบมองบุตรชายของนายจ้างด้วยสายตาจับผิด
พื้นเพนิสัยของพสุธาไม่ชอบความขัดแย้ง ตรงนี้เองที่ทำให้ชายหนุ่มแตกต่างจากพ่อ พี่ชายและน้องชายเขาเป็นอย่างมาก จนคนเป็นพ่อหงุดหงิดรำคาญใจ อรรถพลต้องการให้พสุธาเด็ดขาด แตกเป็นแตก หักเป็นหักไปเลย ไม่ต้องไปสนใจใคร จึงส่งตนมาที่นี่เพื่อคอยควบคุมดูแลอีกทอด คอยสอดส่องความประพฤติของพสุธา
หากพบเห็นว่าพสุธาแสดงนิสัย ‘เหยาะแหยะ’ ในความหมายของอรรถพลก็คือ ยอมอ่อนข้อ ยอมให้คู่ค้า หรือจัดการคนงานขั้นเด็ดขาดไม่ได้ ก็ให้โทรศัพท์ไปรายงานผู้เป็นนายทันที
ตั้งแต่นเรนทร์มาอยู่ที่นี่เพิ่งรายงานไปแค่สองครั้งเท่านั้น
ครั้งแรกเรื่องขัดแย้งกับคนมีสีภายในจังหวัดแล้วพสุธายอมถอย ไม่ยอมแตกหักจัดการทางนั้นอย่างที่ใจของอรรถพลต้องการให้ทำ
อีกครั้งก็เรื่องคนงานต่างด้าวมาขอทำงานด้วย พสุธาใจอ่อนให้ทำแล้วยังให้กินอยู่ฟรี หนึ่งในนั้นมีเมียท้องแก่ ก็ยังอุตส่าห์ขับรถพาไปส่งโรงพยาบาลให้อีกต่างหาก
เห็นอย่างนั้นนเรนทร์จึงต้องรีบรายงาน
อรรถพลตามมาด่าบุตรชายถึงไร่ หลังจากนั้นพสุธาก็ไม่กล้าทำนิสัยที่บิดาเรียกว่า ‘เหยาะแหยะ’ ให้เห็นอีกเลย และครั้งนี้ก็เช่นกัน คนงานที่ชื่อถนอมถูกจับได้ว่าเอาของภายในไร่ออกไปขาย พสุธาลงมาฟังข้อกล่าวหาแล้วก็ผลุนผลันลากผู้หญิงที่มายืนแก้ต่างให้ถนอมออกจากวงไป
ดูเหมือนว่าพสุธาจะแก้เกมด้วยการให้เขาจัดการเรื่องนี้เสียเอง
“หมดธุระของอาแล้วก็ออกไปได้ นั่งจ้องอะไรอยู่” พสุธาสั่งเสียงเข้ม ท่าทาง น้ำเสียงดูไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก “เรียกศักดิ์ให้ผมด้วย”
นเรนทร์ค้อมศีรษะนิดเดียว ตอบรับว่า “ครับ”
จนคล้อยหลังคนของพ่อ พสุธาก็ค่อยหันหลังไปมองยังกระจกใสที่อยู่ชั้นบนสุดของอาคารสำนักงานของเขา เดี๋ยวเดียวก็มีเสียงคนเคาะประตูดังรัวเร็วสามสี่ที ก่อนที่คนหลังบานประตูจะเปิดเข้ามา
“คุณพุธครับ ที่ของลุงที่ผมเอามาจำนองกับคุณพุธ ผมยังไม่มีเงินมาไถ่นะครับ ถ้าคุณพุธอยากได้ ลุงบอกให้คุณพุธเอาไปได้เลยครับ”
“กูเรียกมึงมาคุยเรื่องคนงานขโมยของในสวน ไม่ได้เรียกมาทวงหนี้”
ศักดิ์มีสีหน้าโล่งใจ เพราะตนเอาที่ของลุงมาจำนองไว้กับพสุธา จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้ไถ่คืนแม้แต่บาทเดียว ลำพังเงินเดือนของตัวเองไม่มีเหลือพอที่จะผ่อนส่งทีละงวด เพราะกินดื่มหนักจนแทบไม่เหลือ
“มีจริง ๆ ครับ พวกที่ขโมยของในสวน คุณพุธเล่นเชือดไก่ให้มันดูแล้ว ผมคิดว่าพวกมันน่าจะรู้แล้วก็ระวังขึ้นมาบ้างแล้วล่ะครับ”
“ไม่ได้ทำให้มันระวังตัว แต่ให้มันรู้ต่างหากว่าเรารู้ทันมันแล้ว”
“และมันจะไม่กล้าทำอีกอย่างนั้นหรือครับคุณพุธ”
“มันจะทำอีก แต่จะหาคนของมันเข้ามาแทนคนเก่า”
“แล้วเราจะทำยังไงต่อล่ะครับคราวนี้ ไล่ออกไปอีกหรือครับ”
“หาตัวหัวหน้าฝูงให้เจอ แล้วจัดการมันทั้งสายนั่นแหละ”
พสุธาบอกเสียงเหี้ยม ศักดิ์อดขนลุกแทนไม่ได้ ใครก็ตามที่คิดแหยม คิดมาลองดีกับนายของเขา ชะตากำลังจะขาดโดยไม่รู้ตัวแล้ว
ศักดิ์ยกมือลูบขนแขนให้นอนลง แล้วชวนคุยเรื่องอื่นเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศในห้อง “ของที่ให้ผมจัดการให้เด็ก คนพิการแล้วก็คนสูงอายุในจังหวัด เรียบร้อยแล้วนะครับ คุณครูน้ำหวานฝากมาถามคุณพุธด้วยนะคะ ว่าคุณพุธจะมามอบของให้ด้วยตัวเองหรือเปล่า” ศักดิ์กะพริบตาปริบ ๆ บีบเสียงสองเลียนแบบเสียงหญิงสาวที่เป็นบุคคลที่สาม จนพสุธาเห็นแล้วส่ายหัว บอกไปว่า
“มึงไปเถอะ”
“ไม่เอาครับ ผมไม่ไป คุณพุธไปเองสักปีไม่ได้หรือครับ” ศักดิ์รีบปฏิเสธแล้วชวน พอเห็นว่าเจ้านายส่ายหัวอย่างเดียว ก็บอกขึ้นเมื่อนึกอะไรได้ “ผมว่าจะเตือนคุณพุธด้วยนะครับ”
พสุธามองมาแล้วพยักหน้าให้พูด ศักดิ์จึงบอกหน้าเครียดไปว่า “มีคนฝากผมมาเตือนคุณพุธครับ ให้ระวังพวก ส.ส. มันรู้ข่าวว่าคุณพุธซื้อข้าวของไปแจกเด็ก แจกคนพิการ แจกคนแก่ แจกคนยากไร้ทุกปีแบบนี้ มันเริ่มเขม่นคุณพุธแล้วนะครับ พวกนั้นมันคิดว่าคุณพุธทำเพราะอยากสร้างฐานคะแนนจากชาวบ้านครับ”
“ปัญญาอ่อนฉิบหาย” พสุธาบอกอย่างไม่สนใจ ไม่ให้ราคา “ช่างหัวมันสิวะ มึงมีอะไรอีกไหม”
“ไม่มีแล้วครับเจ้านาย” ลูกน้องคนสนิทส่ายหัว ก่อนจะยิ้มกริ่ม ถามเสียงล้อเลียนไปว่า “แล้วน้องคนนั้น คุณพุธพาไปไหนมาหรือครับ”
พสุธาถามเสียงเฉยเมย “น้องคนไหนวะ”
“แอะ คนนั้นน่ะ คนที่แหวกวงล้อมเข้ามาช่วยไอ้หนอมเมื่อเช้านี้ไงครับ คุณพุธดึงแขนไปขึ้นรถ พาขับวนเที่ยวรอบสวนตั้งนานสองนานสามนาน ตอนนี้น้องคนปากนิดจมูกหน่อยคนนั้นหายไปไหนแล้วล่ะครับ”
“เที่ยวอะไรของมึง กูพาไปดูในสวน ให้รู้จักทาง ก็แค่นั้น”
“ฮั่นแน่”
“ฮั่นแน่พ่อง ไปทำงาน!”
พสุธาไล่ลูกน้องคนสนิทที่เป็นเพื่อนรุ่นน้องของเขาซึ่งจบไล่ ๆ กันมาจากสถาบันเดียวกัน ให้ออกจากห้องทำงานของเขาไปเสีย
น่ารำคาญที่มันชักจะพูดจาล้ำเส้นเขามากจนเกินไป ก่อนจะหันกลับไปนั่งลงทำงานอย่างเดิม
ศักดิ์วิ่งออกจากห้องทำงานของผู้เป็นนายแทบไม่ทัน พร้อมกับบ่นงึมงำว่าอีกฝ่ายอารมณ์แปรปรวนเสียจริง ไม่วายแวบไปดูคนที่ตนเพิ่งถามถึงที่ฝ่ายงานบริหารของไร่เทียมพสุธาตรงชั้นล่าง แต่ก็ไม่เจอตัว ไม่รู้หายไปไหน จึงเลี่ยงไปทำงานของตนเองหลังจากนั้น
“เธอ” เสียงเรียกจากหญิงคนหนึ่งในสำนักงานดังที่ตรงหน้าโต๊ะทำงานนี่เอง
อภิยาจึงเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนส่งยิ้มผูกมิตรให้ทางคนที่ส่งเสียงทักตน “คะ”
“มาใหม่ใช่ไหมเธอน่ะ”
“ใช่ค่ะ”
“เดี๋ยวเอาเอกสารกองนี้ไปส่งที่คาเฟ่หน่อยนะ รอให้ผู้จัดการของที่นั่นเซ็นแล้วก็เก็บเอากลับมาด้วย”
“ได้ค่ะ”
อภิยาทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ก่อนหน้านี้เสร็จพอดี จึงหอบเอากองเอกสารที่ว่านั่น เดินออกไปตามที่มีคนสั่ง กลับมาแล้วก็มี