7

1289 Words
“หายไปไหนมาครับคุณพุธ” เสียงนเรนทร์ พ่อบ้านของไร่เทียมพสุธาถามขึ้น เมื่อพสุธาเข้ามาในห้องแล้ว หลังจากพาหญิงสาวที่บิดาส่งมาให้เขาจัดการให้หนัก ๆ ดูในสวนหนึ่งรอบเรียบร้อยแล้ว พสุธาไม่ได้ตอบในทันที เขาทำหน้าเฉยเมย เดินไปหยุดที่หลังโต๊ะทำงาน มองแฟ้มเอกสารบนนั้น แล้วเอ่ยปากถามกลับไปว่า “เรื่องคนงานจัดการเรียบร้อยแล้วหรือยังอาโย” “เรียบร้อยแล้วครับ” “คราวหลังไม่ต้องให้ผมลงไปไต่สวนเองนะ ถ้าพบว่าคนงานทำผิดกฎ ก็ไล่ออกไปเลย แล้วหาคนใหม่เข้ามาแทน ผมไม่สนอยู่แล้วเรื่องคนงานทำผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนั้นน่ะ” นเรนทร์ลอบมองบุตรชายของนายจ้างด้วยสายตาจับผิด พื้นเพนิสัยของพสุธาไม่ชอบความขัดแย้ง ตรงนี้เองที่ทำให้ชายหนุ่มแตกต่างจากพ่อ พี่ชายและน้องชายเขาเป็นอย่างมาก จนคนเป็นพ่อหงุดหงิดรำคาญใจ อรรถพลต้องการให้พสุธาเด็ดขาด แตกเป็นแตก หักเป็นหักไปเลย ไม่ต้องไปสนใจใคร จึงส่งตนมาที่นี่เพื่อคอยควบคุมดูแลอีกทอด คอยสอดส่องความประพฤติของพสุธา หากพบเห็นว่าพสุธาแสดงนิสัย ‘เหยาะแหยะ’ ในความหมายของอรรถพลก็คือ ยอมอ่อนข้อ ยอมให้คู่ค้า หรือจัดการคนงานขั้นเด็ดขาดไม่ได้ ก็ให้โทรศัพท์ไปรายงานผู้เป็นนายทันที ตั้งแต่นเรนทร์มาอยู่ที่นี่เพิ่งรายงานไปแค่สองครั้งเท่านั้น ครั้งแรกเรื่องขัดแย้งกับคนมีสีภายในจังหวัดแล้วพสุธายอมถอย ไม่ยอมแตกหักจัดการทางนั้นอย่างที่ใจของอรรถพลต้องการให้ทำ อีกครั้งก็เรื่องคนงานต่างด้าวมาขอทำงานด้วย พสุธาใจอ่อนให้ทำแล้วยังให้กินอยู่ฟรี หนึ่งในนั้นมีเมียท้องแก่ ก็ยังอุตส่าห์ขับรถพาไปส่งโรงพยาบาลให้อีกต่างหาก เห็นอย่างนั้นนเรนทร์จึงต้องรีบรายงาน อรรถพลตามมาด่าบุตรชายถึงไร่ หลังจากนั้นพสุธาก็ไม่กล้าทำนิสัยที่บิดาเรียกว่า ‘เหยาะแหยะ’ ให้เห็นอีกเลย และครั้งนี้ก็เช่นกัน คนงานที่ชื่อถนอมถูกจับได้ว่าเอาของภายในไร่ออกไปขาย พสุธาลงมาฟังข้อกล่าวหาแล้วก็ผลุนผลันลากผู้หญิงที่มายืนแก้ต่างให้ถนอมออกจากวงไป ดูเหมือนว่าพสุธาจะแก้เกมด้วยการให้เขาจัดการเรื่องนี้เสียเอง “หมดธุระของอาแล้วก็ออกไปได้ นั่งจ้องอะไรอยู่” พสุธาสั่งเสียงเข้ม ท่าทาง น้ำเสียงดูไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก “เรียกศักดิ์ให้ผมด้วย” นเรนทร์ค้อมศีรษะนิดเดียว ตอบรับว่า “ครับ” จนคล้อยหลังคนของพ่อ พสุธาก็ค่อยหันหลังไปมองยังกระจกใสที่อยู่ชั้นบนสุดของอาคารสำนักงานของเขา เดี๋ยวเดียวก็มีเสียงคนเคาะประตูดังรัวเร็วสามสี่ที ก่อนที่คนหลังบานประตูจะเปิดเข้ามา “คุณพุธครับ ที่ของลุงที่ผมเอามาจำนองกับคุณพุธ ผมยังไม่มีเงินมาไถ่นะครับ ถ้าคุณพุธอยากได้ ลุงบอกให้คุณพุธเอาไปได้เลยครับ” “กูเรียกมึงมาคุยเรื่องคนงานขโมยของในสวน ไม่ได้เรียกมาทวงหนี้” ศักดิ์มีสีหน้าโล่งใจ เพราะตนเอาที่ของลุงมาจำนองไว้กับพสุธา จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้ไถ่คืนแม้แต่บาทเดียว ลำพังเงินเดือนของตัวเองไม่มีเหลือพอที่จะผ่อนส่งทีละงวด เพราะกินดื่มหนักจนแทบไม่เหลือ “มีจริง ๆ ครับ พวกที่ขโมยของในสวน คุณพุธเล่นเชือดไก่ให้มันดูแล้ว ผมคิดว่าพวกมันน่าจะรู้แล้วก็ระวังขึ้นมาบ้างแล้วล่ะครับ” “ไม่ได้ทำให้มันระวังตัว แต่ให้มันรู้ต่างหากว่าเรารู้ทันมันแล้ว” “และมันจะไม่กล้าทำอีกอย่างนั้นหรือครับคุณพุธ” “มันจะทำอีก แต่จะหาคนของมันเข้ามาแทนคนเก่า” “แล้วเราจะทำยังไงต่อล่ะครับคราวนี้ ไล่ออกไปอีกหรือครับ” “หาตัวหัวหน้าฝูงให้เจอ แล้วจัดการมันทั้งสายนั่นแหละ” พสุธาบอกเสียงเหี้ยม ศักดิ์อดขนลุกแทนไม่ได้ ใครก็ตามที่คิดแหยม คิดมาลองดีกับนายของเขา ชะตากำลังจะขาดโดยไม่รู้ตัวแล้ว ศักดิ์ยกมือลูบขนแขนให้นอนลง แล้วชวนคุยเรื่องอื่นเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศในห้อง “ของที่ให้ผมจัดการให้เด็ก คนพิการแล้วก็คนสูงอายุในจังหวัด เรียบร้อยแล้วนะครับ คุณครูน้ำหวานฝากมาถามคุณพุธด้วยนะคะ ว่าคุณพุธจะมามอบของให้ด้วยตัวเองหรือเปล่า” ศักดิ์กะพริบตาปริบ ๆ บีบเสียงสองเลียนแบบเสียงหญิงสาวที่เป็นบุคคลที่สาม จนพสุธาเห็นแล้วส่ายหัว บอกไปว่า “มึงไปเถอะ” “ไม่เอาครับ ผมไม่ไป คุณพุธไปเองสักปีไม่ได้หรือครับ” ศักดิ์รีบปฏิเสธแล้วชวน พอเห็นว่าเจ้านายส่ายหัวอย่างเดียว ก็บอกขึ้นเมื่อนึกอะไรได้ “ผมว่าจะเตือนคุณพุธด้วยนะครับ” พสุธามองมาแล้วพยักหน้าให้พูด ศักดิ์จึงบอกหน้าเครียดไปว่า “มีคนฝากผมมาเตือนคุณพุธครับ ให้ระวังพวก ส.ส. มันรู้ข่าวว่าคุณพุธซื้อข้าวของไปแจกเด็ก แจกคนพิการ แจกคนแก่ แจกคนยากไร้ทุกปีแบบนี้ มันเริ่มเขม่นคุณพุธแล้วนะครับ พวกนั้นมันคิดว่าคุณพุธทำเพราะอยากสร้างฐานคะแนนจากชาวบ้านครับ” “ปัญญาอ่อนฉิบหาย” พสุธาบอกอย่างไม่สนใจ ไม่ให้ราคา “ช่างหัวมันสิวะ มึงมีอะไรอีกไหม” “ไม่มีแล้วครับเจ้านาย” ลูกน้องคนสนิทส่ายหัว ก่อนจะยิ้มกริ่ม ถามเสียงล้อเลียนไปว่า “แล้วน้องคนนั้น คุณพุธพาไปไหนมาหรือครับ” พสุธาถามเสียงเฉยเมย “น้องคนไหนวะ” “แอะ คนนั้นน่ะ คนที่แหวกวงล้อมเข้ามาช่วยไอ้หนอมเมื่อเช้านี้ไงครับ คุณพุธดึงแขนไปขึ้นรถ พาขับวนเที่ยวรอบสวนตั้งนานสองนานสามนาน ตอนนี้น้องคนปากนิดจมูกหน่อยคนนั้นหายไปไหนแล้วล่ะครับ” “เที่ยวอะไรของมึง กูพาไปดูในสวน ให้รู้จักทาง ก็แค่นั้น” “ฮั่นแน่” “ฮั่นแน่พ่อง ไปทำงาน!” พสุธาไล่ลูกน้องคนสนิทที่เป็นเพื่อนรุ่นน้องของเขาซึ่งจบไล่ ๆ กันมาจากสถาบันเดียวกัน ให้ออกจากห้องทำงานของเขาไปเสีย น่ารำคาญที่มันชักจะพูดจาล้ำเส้นเขามากจนเกินไป ก่อนจะหันกลับไปนั่งลงทำงานอย่างเดิม ศักดิ์วิ่งออกจากห้องทำงานของผู้เป็นนายแทบไม่ทัน พร้อมกับบ่นงึมงำว่าอีกฝ่ายอารมณ์แปรปรวนเสียจริง ไม่วายแวบไปดูคนที่ตนเพิ่งถามถึงที่ฝ่ายงานบริหารของไร่เทียมพสุธาตรงชั้นล่าง แต่ก็ไม่เจอตัว ไม่รู้หายไปไหน จึงเลี่ยงไปทำงานของตนเองหลังจากนั้น “เธอ” เสียงเรียกจากหญิงคนหนึ่งในสำนักงานดังที่ตรงหน้าโต๊ะทำงานนี่เอง อภิยาจึงเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนส่งยิ้มผูกมิตรให้ทางคนที่ส่งเสียงทักตน “คะ” “มาใหม่ใช่ไหมเธอน่ะ” “ใช่ค่ะ” “เดี๋ยวเอาเอกสารกองนี้ไปส่งที่คาเฟ่หน่อยนะ รอให้ผู้จัดการของที่นั่นเซ็นแล้วก็เก็บเอากลับมาด้วย” “ได้ค่ะ” อภิยาทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ก่อนหน้านี้เสร็จพอดี จึงหอบเอากองเอกสารที่ว่านั่น เดินออกไปตามที่มีคนสั่ง กลับมาแล้วก็มี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD