รถกระบะคันหนึ่งแล่นมาจอดบนลานกว้างของวัด ซึ่งล้อมรอบด้วยต้นไม้นานาพันธุ์เขียวขจีแลดูร่มรื่น ชายชราร่างผอมเกร็งที่กำลังกวาดใบไม้อยู่บริเวณนั้น หันมามองผู้มาเยือนก่อนจะยิ้มกว้าง เมื่อเห็นหน้าคนที่ลงจากรถ
“คุณรจ กับคุณวินท์ มาหาหลวงพ่อหรือครับ”
ชายชราร้องทักทายสองแม่ลูกอย่างคุ้นเคย สายตาเมียงมองไปยังหญิงสาวที่ตามมาด้วย บอกแววสงสัย เพราะไม่คุ้นหน้ามาก่อน
“จ้ะ ตาเหมือน ท่านอยู่ไหมล่ะ วันนี้วันเกิดวินท์กับหนูปลาย ฉันพาลูกๆมาทำบุญวันเกิด”
คุณรจนาบอก พลางหันไปมองลูกชายกับปลายรุ้ง ที่กำลังเปิดฝาท้ายรถ ช่วยกันยกสังฆทานของคุณรจนา ซึ่งเป็นถังใส่น้ำใบใหญ่ขนาดร้อยลิตร บรรจุของใช้ต่างๆ จนเต็มล้นออกมานอกขอบถัง มาวางไว้ข้างรถ ด้วยอาการเหนื่อยหอบ
“ป้ารจคะ แน่ใจนะคะ ว่านี่คือสังฆทาน” ปลายรุ้งมองถังใส่น้ำใบใหญ่อย่างหนักใจ
หากต้องแบกกันไปถึงกุฎิของหลวงพ่อ คงไม่พ้นต้องหลังหักกันสักคน ของทำบุญวันเกิดของเธอกับนภวินท์ครั้งนี้ ป้ารจเป็นคนจัดหามาทั้งสิ้น รวมถึงอภิมหาสังฆทานถังนี้ด้วย
“จะทำบุญกันทั้งที ต้องทำให้คุ้ม โดยเฉพาะหนูปลาย ไม่ได้ทำบุญวันเกิดมากี่ปีแล้วลูก ถ้าเอาของที่ทำในแต่ละปีมารวมกัน ป้าว่าน่าจะเยอะกว่านี้ด้วยซ้ำ” คุณรจนายืนยันด้วยรอยยิ้มปลื้มใจ
“แม่เขาทำบุญแบบทบต้น ทบดอกน่ะปลาย” นภวินท์สรุปให้ฟัง ก่อนขอความช่วยเหลือจากมรรคนายกวัด “ลุงเหมือนครับ ช่วยเรียกเด็กๆมาขนสังฆทานหน่อย”
“วางไว้ตรงนั้นก่อนครับคุณวินท์ เดี๋ยวผมเรียกพวกเด็กวัดให้” พูดจบมรรคนายกวัดก็ล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบโทรศัพท์มาโทร “ไอ้ดำ เอ็งเรียกเพื่อนๆเอ็งมาที่ลานวัดหน่อย มีของจะให้ขน เออ... มากันหมดนั่นแหละ”
ไม่ถึงห้านาที เด็กวัดรุ่นกระทงราวห้าคนก็มาถึง ต่างช่วยกันขนของทำบุญเดินตาม ผู้ทำบุญทั้งสามมาที่กุฎิของเจ้าอาวาส ผู้ทรงศีลนั่งอยู่บนอาสนะที่รองด้วยเบาะสีน้ำตาลเข้ม คุณรจนาพาลูกชายกับปรายแสง คลานเข้ามาก้มกราบ
“ดิฉัน พาลูกๆมาทำบุญวันเกิดค่ะ”
คณรจนาแจ้งความประสงค์ พลางแตะแขนนภวินท์กับปลายรุ้งให้ขยับมาใกล้ๆ ผู้ทรงศีล
“สองคนนี่เขาเกิดวันเดียวกัน ปีนี้เขาเลยมาทำบุญพร้อมกันค่ะ”
ถังสังฆทานถูกยกมาวางตรงหน้า นภวินท์กับปลายรุ้ง แตะมือบนถังร่วมประเคนพร้อมกัน สองหนุ่มสาวสบตากัน อย่างขันๆ เมื่อเห็นหลวงพ่อมองอภิมหาสังฆทานด้วยสายตาแปลกใจ ใครจะมองว่าไม่แปลกคงไม่ไหว คุณรจนาเป็นคนชอบทำบุญ และชอบทำแบบมากๆ เยอะๆ ชนิดที่หากวัดมูลค่าตามของที่นำมาทำบุญ คงได้บุญล้นเข่ง
“อายุ วรรโณ สุขัง พลัง... มาหลวงพ่อจะมัดมือให้”
หลวงพ่อให้ศีล ให้พรเสร็จ ก็หยิบด้ายสายสิณย์ที่ปลุกเสกกับตะกรุด มามัดมือให้สองหนุ่มสาว เพื่อความเป็นสิริมงคล หลังจากจบพิธีการ พร้อมกับเด็กวัดกลุ่มเดิม ช่วยกันขนถังสังฆทานยักษ์ไปเก็บแล้ว คุณรจนาก็ขอตัวพาลูกชายกับปลายรุ้ง ไปปล่อยปลาที่ท่าน้ำวัด
“ได้ทำทั้งบุญทั้งทานครบเลยนะครับแม่” นภวินท์กระเซ้ามารดา หลังเดินขึ้นมาบนท่าน้ำแล้ว
“ขอบคุณป้ารจกับวินท์ด้วยนะคะ ที่พาปลายมาทำบุญ” ปลายรุ้งเอ่ยด้วยสีหน้าแช่มชื่น “นานแล้วนะคะ ที่ปลายไม่ได้มาทำบุญ ได้แต่สวดมนต์แผ่เมตตาไปตามประสา ครั้งนี้ถือโอกาสทำบุญให้พ่อกับแม่ไปด้วย”
รอยยิ้มละไมแต้มเต็มดวงหน้าอ่อนใส สองแม่ลูกจับมือของหญิงสาวที่เดินอยู่ตรงกลางไว้มั่น หัวใจทั้งสามดวง
เอ่อล้นด้วยความสุข
“คุณวิชิต เรากลับกันเถอะ” คนแอบมองละสายตาจากภาพตรงหน้า หันมาบอกคนที่ยืนข้างๆ
“ท่านจะให้ผมตามพวกเขาไปไหมครับ” เจ้าของสำนักงานนักสืบ มองทั้งสามที่กำลังขึ้นรถที่จอดไว้
ศีรษะได้รูป ที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีดำแซมเทาส่ายช้าๆ ขณะเบือนหน้าหันกลับไปมอง “ไม่ต้องหรอก ผมแค่อยากเห็นพวกเขาเท่านั้น” พูดจบก็หมุนกายเดินออกจากบริเวณที่หลบอยู่ แววตาของเขาทอประกายแข็งกร้าว ขณะหันไปมองคนทั้งสามอีกครั้ง ก่อนจะก้าวขึ้นรถที่จอดอยู่
นภวินท์แวะมาส่งมารดาที่บ้าน ก่อนจะขับรถพาปลายรุ้งมาพบกับอินสรวง ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง พอมาถึงก็มีโทรศัพท์จากบรรณาธิการเรียกให้เข้าไปพบที่สำนักพิมพ์ เขาเลยทิ้งโทรศัพท์ให้เพื่อนสาวไว้โทรเรียก แล้วขับรถไปที่ทำงาน
“มีอะไรด่วนหรือครับ เฮียเป๋ง”
นภวินท์เอ่ยถาม เปรมศักดิ์ บรรณาธิการบริหารนิตยสารท่องเที่ยวผู้เป็นเจ้านาย ที่นั่งยิ้มแป้นอยู่ในห้องทำงาน
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ว่ะ”
เปรมศักดิ์ลุกขึ้นตบไหล่ช่างภาพหนุ่มทีหนึ่ง หลังจากนั้นเสียงร้องเพลง Happy birthday. ก็ดังลั่นขึ้น เพื่อนร่วมสำนักพิมพ์กรูกันเข้ามาในห้อง พร้อมเค้กวันเกิดมีเทียนเล่มเล็กจุดไฟสว่างนวลปักไว้
“สุขสันต์วันเกิดนะวินท์” เค้กถูกยื่นให้เจ้าของวันเกิด
“ขอบคุณมากครับ เซอร์ไพรส์แบบนี้ ไอเดียเฮียเป๋งแน่ๆ”
นภวินท์ยิ้มกว้าง หันมาพนมมือไหว้เจ้านาย ก่อนจะเป่าเทียนบนเค้กให้ดับ พลุกระดาษหลายอันถูกดึง ปล่อยสายรุ้งให้ร่วงลงมาใส่เจ้าของวันเกิดพร้อมๆกัน เสียงอวยพรดังเซ้งแซ่ แทบฟังไม่ออกว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร
“วันนี้เฮียเลี้ยง จองโต๊ะไว้แล้ว” เปรมศักดิ์บรรณาธิการบริหาร โอบไหล่ช่างภาพคนเก่งของสำนักพิมพ์ “อย่าปฎิเสธนาเว้ย เฮียตั้งใจเลี้ยงวันเกิดแก พร้อมๆกับฉลองยอดโฆษณาทะลุเป้า”
นภวินท์ปฎิเสธไม่ออก จำต้องพยักหน้ารับปากเจ้านายไป ชายหนุ่มนึกห่วงเพื่อนสาว แต่เขาเอาโทรศัพท์มือถือของมารดาให้เธอไปแล้ว หากเสร็จธุระเจ้าตัวคงโทรเรียก เวลานั้นเขาค่อยปลีกตัวออกมาจากงานเลี้ยงก็คงไม่สาย...
“สุขสันต์วันเกิดค่ะ คุณเมฆ”
หญิงวัยกลางคนร่างท้วมประคองถาดใส่ขนมเค้ก ที่ตกแต่งหน้าเค้กอย่างสวยงามมีตัวหนังสือเขียนว่า “สุขสันต์วันเกิด” มาวางไว้บนโต๊ะอาหาร กลางห้องโถงกว้าง ตรงหน้าเจ้าของวันเกิดที่นั่งประสานมือ ทำหน้านิ่งเฉย ราวกับรูปสลักหินนั้น ปีนี้เป็นเหมือนกับทุกๆปี ที่เจ้าตัวเลือกอยู่ฉลองวันเกิดที่บ้าน โดยไร้เงาผู้เป็นบิดา มีเพียงพี่เลี้ยงเป็นผู้จัดงานเล็กๆให้ พร้อมอบขนมเค้กให้เช่นเคย
“ขอบคุณครับ ป้าสุ”
ฆนากรเอ่ยด้วยเสียงเรียบเบา ริมฝีปากหยักโค้งขยับยิ้มนิดหนึ่ง คล้ายต้องการเอาใจผู้สูงวัยกว่า หากแววตาสีน้ำตาลเข้มนั้นยังคงนิ่งสงบ ดุจเดียวกับผืนน้ำที่ยากจะหยั่งถึงความรู้สึกได้
“ตาจรกำลังมาค่ะ ตานั่นเอาแต่ทำงานจนลืมนัดสำคัญ มันน่านัก”
สุณีเอ่ยถึงสามีด้วยน้ำเสียงรำคาญ ขจรเกียรติบ้างานอย่างหนัก นับตั้งแต่ได้พบจนตกลงใจแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ ไม่มีวันไหนที่เขาจะกลับมาถึงบ้านทันเวลาอาหารค่ำ นางต้องหิ้วท้องรอเขา หากเพราะความรักที่มีให้เขา ทำให้สุณีได้แต่บ่น
“มาแล้วจ้า!”
เสียงของคนที่ถูกบ่นถึง ดังเข้ามาก่อนตัว คงเป็นเพราะเขาได้ยินเสียงของภรรยาบ่นดังไปนอกประตู จึงรีบส่งเสียงรายงานตัวให้รู้ก่อน ร่างผอมสูงของผู้ช่วยท่านผู้อำนวยการ เดินเข้ามาในห้องโถงพร้อมกับหอบกล่องของขวัญและกระเป๋าเอกสารใบใหญ่เข้ามาด้วย สุณีรีบเข้าไปช่วยสามีถือของ พร้อมกับแอบหยิกหมับบนต้นแขนอีกฝ่ายทีหนึ่งเป็นการลงโทษที่มาสาย ขจรเกียรตินิ่วหน้าด้วยความเจ็บ แต่ไม่กล้าร้องได้แต่เบี่ยงแขนหนี
“ฉันไปเอาของขวัญ ของคุณท่านมาให้คุณเมฆ เลยมาสาย” เขาบอกภรรยาด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ
นั่นแหละ สุณีถึงยอมปล่อยมือ “แกควรรู้ว่าต้องมาถึงนี่กี่โมง แกให้คุณเมฆรอแบบนี้ มันไม่ดี” นางยังไม่วายอบรมสามี
“พอเถอะป้าสุ สงสารลุงจร” นายน้อยของทั้งสองเบรกศึก “ขอบคุณมากครับ ลุงจร”
สีหน้าของฆนากรคลายความเคร่งขรึมลงเล็กน้อย เขาลุกขึ้นมารับกล่องของขวัญที่ขจรเกียรติส่งให้ มือเรียวแตะบนกล่องนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลงมือแกะดูของภายใน กระดาษห่อสีสวยกับโบอันใหญ่ถูกฉีกแล้วโยนทิ้งบนพื้น ฝากล่องสีน้ำตาลเปิดออก เมื่อเห็นของที่อยู่ด้านใน ชายหนุ่มก็ถอนหายใจยาว แล้ววางกล่องทิ้งไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเดินออกไปนอกห้อง ทิ้งให้ผู้สูงวัยกว่าทั้งสอง มองหน้ากัน