แมกไม้ Part
ผู้ชาย...จะคาดคั้นให้ตายยังไง ก็ไม่ยอมรับหรอกครับ รู้ไหมว่าทำไม?
ในขณะที่ผมกำลังใช้ความคิดนิ่งมองหน้าเธออยู่นั้น เดาได้จากสิ่งที่พราวพูดมามันต้องมีหลักฐานแน่แล้ว แค่ยังไม่ชัดเจน ถ้าไม่เข้าตาจน การยืนการปฏิเสธคือสิ่งที่ผมจะทำ!
และต้องหาเรื่องทะเลาะโวยวายให้เป็นเรื่องใหญ่ รีบออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดไปคุยกันในที่เงียบ ๆ จะได้เคลียร์กันง่ายกว่านี้
จากเรื่องเมื่อวานพราวที่แสนเรียบร้อย ดูเป็นคนใจเย็นค่อนข้างใช้อารมณ์กับผมพอสมควร ก็แน่ละ...ถ้าคิดว่าแฟนนอกใจใครจะเย็นไหว ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่พราวรู้จะมากถึงขนาดไหน
แต่จะว่าไปถ้าคิดในทางกลับกัน แค่เห็นพราวอยู่กับผู้ชายคนอื่น หรือพูดคุยกับชายแปลกหน้า ผมก็รู้สึกไม่ชอบหงุดหงิดมากอยู่แล้ว
ไม่รู้ว่าพราวระแคะระคายอะไรมา แต่ต้องมีสาเหตุมาจากวันอาทิตย์มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ ๆ เพราะตั้งแต่วันนั้นผม
โทรหาน้องก็ไม่รับสายจนยาวมาถึงวันนี้
(หรือว่าเรื่องวันเสาร์จะหลุดออกไปนะ)
ผมได้แต่คิด วิเคราะห์ วางแผนรับมือกับอารมณ์ของเธอยังไงซะ ผมก็เลือกพราวอยู่ดี เธอเป็นคนที่ผมปรารถนาจะครอบครอง และผมจะไม่มีวันปล่อยเธอหลุดมือไป ถ้าผมไม่เบื่อ เธอก็ไม่มีสิทธิ์จะต่อต้าน
ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครที่ปฏิเสธผมได้เลยซักคน ด้วยความที่หน้าตาและบุคลิกดูเป็นคนอบอุ่นใจดีละมั้ง เบื่อที่จะต้องสวมหน้ากากแบบนี้ ฉายาที่คนตั้งให้มันเป็นแค่ลักษณะภายนอกเท่านั้น
จริงๆ ผมชอบเป็นผู้นำ สนุกที่จะบงการคน รู้เสมอว่าถ้าพูดและทำแบบนี้กับสีหน้าแบบไหนจะทำให้คน ๆ นั้นทำตาม ด้วยนิสัยชอบสั่งโดยส่วนตัว ที่ผ่านมาไม่ว่าจุดมุ่งหมายจะเป็นอะไรก็ตามผมไม่เคยแพ้ใคร... ยิ่งถ้าเป็นเรื่องผู้หญิง ไม่ว่าจะคบหรือเลิกผมซิต้องเป็นคนบอก ไม่ใช่เธอ!
…
ผมไม่ชอบคนที่ต่อต้านดื้อรั้น พราวเลยเป็นสเปคผม ดูอ่อนโยน น่าถนุถนอม หัวอ่อนว่าง่าย หน้าตาดี ตัวเล็กนมก็ใหญ่เรื่องเมื่อวานที่เกิดขึ้น ทำให้ผมมองเธอมุมใหม่ เวลางี่เง่าค่อนข้างน่ารำคาญเช่นกัน...
ด้วยความที่ผมได้เปิดซิงเธอ มันเลยรู้สึกว่าผมเป็นเจ้าของตัวเธอ ทั้งร่ายกายและจิตใจ ชอบเวลาที่ทำสายตาคลั่งรักใส่แล้วเธอเคลิ้ม เหมือนแมวที่หลงรักทาส :))
(พราวเป็นแมวน้อยในโอวาทเที่ดีมาตลอด)
เธออาจจะไม่รู้ตัวแต่ผมค่อย ๆ แทรกซึมเข้าไปอยู่ในชีวิตเธอมากพอที่จะรู้ว่า... กับเธอคนนี้นั้นต้องรับมือยังไง ลึก ๆ แล้วน้องเป็นคนใจอ่อนมาก ไม่ว่าเธอจะรับรู้อะไรมาบ้าง ผมจะล้างสมองเธอเองคอยดูซิ!
ผู้ชายก็เหมือนกันหมดเรายังไม่ได้ถึงวัยที่ต้องเลือกคนแค่คนเดียวอยู่แล้วนี่มันเพิ่งจะเริ่มต้นชีวิตเองครับ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันก็แค่การเปลี่ยนกลิ่นเท่านั้นละ ไม่มีสำคัญหรอก
-----------------------------------
โรงอาหารคณะบริหาร
“คิดดีแล้วเหรอที่พูดประโยคนั้นออกมา” พี่ไม้เอ่ยถามฉันด้วยแววตานิ่ง ไม่มีเจืออารมณ์ล้อเล่นประดับเหมือนก่อนหน้านี้ ก็ดีเหมือนกันเอาจริงฉันก็จะจริงจัง
“หมายถึงเรื่องไหน ถ้าเรื่องเลิกกัน ใช่ค่ะ”
“พราว-ขอ-เลิก-กับ-พี่-ไม้” (ฉันพูดตอกย้ำทีละคำเอาให้ชัด)
แรงบีบข้อมือมากขึ้น จนฉันถึงกับนิ่วหน้า...
“เจ็บ-นะ ปล่อยเดี๋ยวนี้!!!” ใช้เสียงระดับกลางไม่กล้าจะแหกปากลั่นกลัวคนมุง แต่ก็ยังห่วงความปลอดภัยของตัวเองไม่กล้าไปคุยที่อื่น
“พี่ไม่เลิกกับพราวหรอก ไร้สาระ ไม่มีเหตุผล”
“อะไรที่ว่าไม่เลิก พราวรับไม่ได้ในสิ่งที่พี่ไม้ทำ พี่นอกใจ มีคนอื่นไปนอนกับคนอื่น ผู้หญิงคนนั้นส่งคลิปมาให้พราวดู เยาะเย้ยพราวแบบนี้ พี่ยังกล้าโกหกอีกเหรอ”
“ไหนละ หลักฐานขอดูหน่อย คลิปที่ว่านะ”
“...”
“...เงียบทำไมละ? หรือว่าไม่มี”
“เคยมีแต่ไม่มีตอนนี้”
“คืออะไรมาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแต่ไม่มีหลักฐานเหรอ งงมากนะ”
“พราวเห็นแล้วกัน เห็นชัดด้วยเมื่อคืนวันเสาร์เอาใครไปนอนด้วยละ?”
“ไม่มีนอนคนเดียว”
“พราว...คิดตามพี่นะครับ เราคุยกันทั้งคืนแล้วพี่ก็หลับพราวก็รู้”
“ไม่มีกับผีนะซิ! พี่ไม้อย่ามาทำหน้าด้านพูดโกหกเปลี่ยนเรื่องได้ไหมอ่า”
“อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ได้ไหม? มันไม่มีอะไรเลย พราวกดดูโทรศัพท์พี่ได้ตลอด รู้รหัสทุกอย่าง อยากค้นอะไรที่ห้องได้หมด พี่เปิดเผย ทุกคนในมหาลัยก็รู้ว่าเราเป็นแฟนกันแล้วจะเอายังไงอีก!!!”
“พี่ว่า...ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องวันนี้ ไปคุยต่อที่คอนโด ถ้าไม่อยากจะอับอายคนทั้งคณะ ที่นี่!...ก็ลุก-เดี๋ยว-นี้-ครับ” น้ำเสียงลงท้ายลากคำ เสียงเรียบเหยียบเย็น น่าขนลุก…แววตาที่มองจ้องกลับมาค่อนข้างกราดเกรี้ยว
(ฉันงงมากนะคนผิดคือพี่ไม้แต่ทำไมเรื่องมันกลับตารปัตรเป็นเหมือนฉันผิดละ!)
ฮึก..ฮึบ
พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา วันนี้พี่ไม้ดูน่ากลัวมาก เสียงที่ใช้ตอนนี้ก็ดุนิ่ง ลงท้ายเมื่อกี้แต่ละคำหนักแน่น มือก็จับไม่ปล่อยเลยด้วย..
(นี่จะให้ไปคอนโดแล้ว บีบคอฉันเหมือนพวกในข่าวฆาตกรรมรึป่าวน้ำตาล่วงหยดไหลลงมาแบบกลั้นไม่ไหวแล้วอ่ะ)
“พราวอะ โคตรเหนื่อยเลยนะ พราวไม่ดีตรงไหน พี่ถึงทำแบบนี้ พี่รู้ไหมว่าพราวรักพี่ แต่พี่ทำผิด พราวจับได้พี่กลับมาพูดน้ำเสียงแบบนี้ใส่เหรอ มันใช่เหรอ?” กลัวก็กลัวแต่ตอนนี้ม่านหมอกมันบดบังทัศนวิสัย ร้องไห้จนมองไม่เห็นหน้าพี่ไม้แล้วละ
คนจะมองก็ช่างมัน ฉันไม่แคร์! กลั้นไม่ไหวแล้วนินทาไปเลยพอกันที
“ลุกครับ เดี๋ยวนี้!” พี่ไม้ยืนขึ้นทั้ง ๆ ที่มือยังจับฉันอยู่ กระชากกระเป๋าที่วางไว้ของฉันขึ้นมาถือ
“ไปคุยกันที่ห้อง ลุก!” อายมากแต่ต้องแอบเอาแขนเสื้อเช็ดน้ำตา พอเงยหน้ามองด้านข้างคนเริ่มมองมาทางเราสองคนฉันจึงลุกเดินตามพี่ไม้ออกไปมือนั้นก็ยังคงจับไม่ปล่อยเช่นเคย
“.....” เข้าสู่โหมดความเงียบ เอาไงดีถ้ากลับไปด้วยกันจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า
จากภายนอกพี่ไม้ไม่น่าจะเป็นคนที่ทำร้ายผู้หญิง และจากแววตาเมื่อสักครู่นี้ทำให้รู้สึกว่าคิดผิด เหมือนจริง ๆ แล้วฉันไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของพี่เขาเลย พี่เขาสวมวิญญาณอีกคน หรือเป็นพวก สองบุคลิกรึป่าว?
ระหว่างเดินไปที่รถอยู่นั้น ใจก็คิดหาทางออก จะวิ่งหนีไปเลยอีกได้ไหม...หรือว่าตามน้ำไปก่อน คนแบบนี้ไม่ควรใช้วิธีเลิกแบบหักดิบนะ จนเดินถึงรถแล้ว พี่ไม้ก็อ้อมมาเปิดประตูรถให้เข้าไปนั่งพร้อมทั้งรัดเข็มขัดให้ฉันอย่างรุนแรงมาก
ระหว่างที่พี่ไม้อ้อมไปฝั่งคนขับ ฉันก็อาศัยจังหวะนั้นปลดล็อกเข็มขัดนิรภัยเปิดประตูรถออกมา จะวิ่งหนี เท่านั้นพี่ไม้ก็พุ่งมากระฉากแขนฉันทันที เร็วมาก และเขย่าตัวฉันไปชิดกับประตูรถ
“ทำอะไรฮะ? จะวิ่งหนีเพื่อ? อย่างี่เง่า อย่าทำตัวมีปัญหาขึ้นรถไปคุยกันดี ๆ อย่าให้ต้องใช้กำลังแบบนี้ พี่ไม่ชอบ”
“...” เงียบ พูดไม่ออก ช็อกกับเหตุการณ์ ช้อนตามองพี่ไม้ ทำหน้าแทบจะแดกหัวฉันเข้าไปแล้ว คนมองกันเต็มไปหมด ไม่สนใจแม่งแล้ว
“ปล่อย ไม่ไปไหนทั้งนั้นจะคุยก็คุยตรงนี้ให้จบ อย่ามาจับตัวพราวแบบนี้มันเจ็บ”
“ไม่ปล่อย จะขึ้นไปดี ๆ ไหมพราว พี่จะพูดดีด้วยเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนี้จะใช้ทุกวิธีที่จะทำให้พราวขึ้นรถไปด้วยกัน ถ้าพราวหนีกลับบ้านไป วันนี้พี่จะเข้าไปกดออดที่บ้านจนกว่าพราวจะลงมา”
“ถึงพ่อแม่พราวจะรู้ พี่ก็จะเปิดตัวไปเลย เอาไง อยากให้เสียงดังกว่านี้ไหมแค่นี้คนก็มองกันหมดแล้ว ไม่มีอะไรจะเสีย”
“ใจร้าย พี่ไม้ทำไมเป็นคนแบบนี้ ฮึก...ฮึก”
“เข้า-ไป-เดี๋ยวนี้-พริบ-พราว” เสียงตะโกนค่อนข้างดังจนรอบข้างหันมามองพวกเราด้วยสายตาสอดรู้
ฉันยอมเข้าไปในรถอีกรอบโดยดี มันไม่มีทางหนีเขาพ้นแน่ ๆ ในใจตอนนี้รู้แล้วว่าพี่ไม้คนนี้ไม่ใช่คนที่ฉันคบมาตลอดถ้าเขากำลังแสดงละครคงได้รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมเป็นแน่!