พอหลังจากพูดคุยกับเพื่อน ๆ จบ พวกเราก็กลับขึ้นไปเรียนต่อตามปกติ พี่ไม้โทรมาหาฉันแล้วว่าจะมารับเลยต้องรอเขาเพื่อจะกลับด้วยกันวันนี้เพื่อน ๆ มากันครบแก๊งเลยอยากชวนกันไปกินข้าวต่อตอนเลิกเรียนที่หลังมหาลัย แต่พี่ไม้ไม่ให้ฉันไป เขาบอกให้ฉันค้างที่คอนโดอีกแล้ว ต้องโกหกพ่อแม่ว่าทำรายงานเลิกดึกเลยต้องไปนอนหอตาต้ากับแอนนี่
(ซึ่งฉันเคยอ้างเรื่องนี้มาหลายทีแล้วรอดปลอดภัยจากความน่าสงสัย)
....
หลังเลิกเรียน .....บนรถแมกไม้
“วันนี้เรียนเป็นไง บ้างครับ?”
“ก็ดีค่ะ เจอเพื่อนครบเลยเสียดายไม่ได้ไปกินข้าวด้วย”
“กลางวันก็เจอเพื่อนแล้วไง ขอเวลาให้พี่บ้างไม่ได้เหรอ”
“เมื่อคืนก็เจอกันแล้วไง เมื่อวานก็ทะเลาะกัน ยังจะอยากเจออีกเหรอ”
“พราว อย่าหาเรื่อง พี่ถามดี ๆ นะ”
“ไม่ได้หาเรื่องอะไรเลยก็พูดความจริง”
“...” พี่ไม้ไม่พูดต่อ แล้วทำสายตาเยียบเย็นใส่ฉัน บรรยากาศในรถเริ่มอึมครึมอึดอัด
“...” ในเมื่อเขาไม่พูดฉันก็เลยไม่อยากจะพูดอะไร หันหน้าหนีใส่กระจก มองออกไปนอกรถ
ตลอดทางเราสองคนไม่ปริปากคุยกันสักคำหลังจากนั้น ก็จะให้ทำยังไงได้ ในเมื่อเรื่องมันยังไม่ค่อยจะเคลียร์ ไม่มีผู้หญิงคนไหนลืมเรื่องแบบนี้ได้ง่าย ๆ จะไม่ให้พูดถึง หรือ แซะเลยก็คงจะยาก
“สรุปจะไม่พูดอะไรใช่ไหม?” พี่ไม้เอ่ยถามฉันขึ้นมาขณะที่กำลังจะเข้าไปในตึกคอนโด
“...” หันไปมองหน้าคนขับแล้วก็ทำหน้าเฉยใส่บ้าง
“เฮ้อออ” เสียงพี่ไม้ถอนหายใจออกมา นี่ฉันผิดตรงไหนไม่ทราบ ฉันก็แค่ พูดเรื่องเมื่อวานแล้วก็มาหงุดหงิดใส่คืออะไรวะ ไม่เข้าใจอะ!
“หนูไม่ผิด พี่อย่ามาทำหน้า เอือมระอาแบบนี้นะ”
“พราวรู้ตัวไหมว่าตัวเอง งี่เง่าแค่ไหน”
“หึ ใช่ซิ้ ใครมันจะดีเท่าน้องหวานอะไรนั่นละ ทำท่าไหนก็ถูกใจพี่ไม้ไปซะหมด”
“ฮ่ะ???? หวานไหน อะไรอะพราว”
“อย่าให้พราวจับได้คาหนังคาเขาแล้วกัน วันนี้พี่รอดตัวได้ อย่าคิดว่าทำอะไรแล้วจะไม่มีคนรู้นะ ถ้าพี่มีคนอื่นได้พราวก็จะมีเหมือนกัน”
ทันทีที่รถจอดเข้าซองเสร็จเรียบร้อย พี่ไม้ก็เหยียบเบรกจนหัวฉันเกือบทิ่มไปที่คอนโซลแล้วตวัดสายตามามองฉัน
“ที่พูดเนี่ยหมายความว่ายังไง?”
“พี่ฟังไม่เข้าใจหรอ ถามจริง”
“เข้าใจ! แต่อยากได้ยินชัด ๆ อีกที”
“อะไรที่พี่ทำได้! พราวก็จะทำบ้าง แค่นั้นละ”
“หึ!” พี่ไม้หันหน้ามามองฉันอีกครั้ง ด้วยแววตาดุร้ายทันที เอามือมาบีบแก้มฉันแล้วยื่นหน้ามาพูดใกล้ ๆ
“ถ้า กล้า ก็ ลอง ดู ซิ”
“เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลยไหม เป็นนางเอกหนังสดในรถซักหน่อย กล้องนี่จะได้บันทึกเสียงครางไว้เป็นหลักฐาน” พูดเสร็จก็ชี้ไปที่กล้องหน้ารถทันที ฉันตกใจกับคำพูดแล้วก็การกระทำมาก นี่เราทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไรกันแน่ ทำไมกลายเป็นฉันโดนกดขี่ถึงขั้นนี้ละ
“นี่ ปล่อยนะ พราวเจ็บ” ฉันปัดมือพี่เขาออกจากหน้า ทำไมเขาไม่อ่อนโยนเลย หรือว่าฉันไปสะกิดโดนตัวไหนนะ ถึงได้เปลี่ยนโหมดอารมณ์ได้ขนาดนี้
“พี่จะบ้าหรือไง ถ้าพี่ไม่ทำพราวก็ไม่ทำ พี่จะมาข่มขู่แบบนี้ทำไม พราวไม่ชอบนะ”
“เวลาพี่ถามดี ๆ พี่ไม่ชอบให้พราวมาย้อนพี่กลับ เพราะฉะนั้น ทำตัวให้มันน่ารักเหมือนเดิมหน่อย อย่ากวนมันทำให้พี่ขาดสติ”
“เหอะ! ขาดสติหรือว่าที่จริง พี่นิสัยแบบนี้กันแน่ค่ะ พราวไม่เข้าใจเลย”
“พราวรู้ไหมว่า พราวไม่มีวันหนีพี่พ้นหรอก ไม่ว่าพราวคิดอะไรอยู่ขอให้เลิกซะ อย่าท้าทายอำนาจมืด แล้วพราวจะมีความสุขเหมือนเดิม เข้าใจนะ”
“...” ฉันที่อึ้งและเงียบปากลงทันที
“ตอนเดินลงไปทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อย เดี๋ยวคนอื่นจะคิดว่าพี่บังคับเด็กมาแบบไม่เต็มใจ”
“หึ ทำเหมือนเคยหิ้ว ผู้หญิงที่ไม่เต็มใจขึ้นคอนโดบ่อย”
“...”
เขาไม่ได้พูดอะไร แค่สแยะยิ้มใส่กลับมาให้ (คืออะไรวะ) ตอนนี้ไม่มีอารมณ์อยากอยู่กับคนบ้าแล้ว อยากจะกลับบ้าน เรื่องอะไรต้องมาทนให้พี่ไม้ บังคับขู่เข็ญ ทั้งที่ ฉันแค่พูดชื่อ หวานออกมา ก็ตีโพยตีพายหาเรื่องหงุดหงิดใส่แบบนี้ ใช่หรอ?
และสุดท้ายฉันก็โดนลากลงจากรถไปอีกเช่นเคย วันนี้มันไม่สนุกแล้วแต่ก็ต้องทนอยู่ที่คอนโดเขาต่อไปก่อนคืนนี้...