หลังจากขึ้นลิฟต์มาบนห้องตอนนี้ ฉันรู้สึกเก็บกดมาก เรามาทำอะไรตรงนี้วะ? อยู่ในที่ ๆ ไม่ควรอยู่ อยากจะหนีไปจากสถานการณ์ตรงนี้...
มันผิดมากเหรอ? ฉันอยากจะร้องไห้แล้วกรี๊ดออกมาเสียงดัง ๆ แค่ฉันพูดชื่อผู้หญิงคนอื่น มันก็มีปัญหา แล้วสรุปเรื่องมันจริงหรือไม่จริง ใครจะตอบได้เขายืนกระต่ายขาเดียวว่าฉันเข้าใจผิด คิดมากเกินไป
สถานการณ์ค่อนข้างมึนตึง แต่ฉันยังต้องอยู่ในสายตาเขาหนีกลับบ้านไม่ได้ ตอนนี้เรากำลังทานข้าวเย็นอยู่ในคอนโด ซึ่งเป็นการกินอาหารที่โคตรไม่อร่อยเลย
“พราวอิ่มแล้วค่ะ”
“กินยังกับแมวดม กินไปอีกซักนิดซิ ตอนนี้เริ่มผอมมากไปแล้วนะ”
“กินไม่ลงค่ะ เครียดเรื่องที่แฟนนอกใจ”
“....”
เคร้ง~!
เสียงกระแทกช้อนลงบนจานข้าวดังขึ้นทันที
“พราว! อะไรอีกวะ? ตัวเองกินไม่อร่อยคนเดียวอย่ามาทำเสียบรรยากาศได้ปะ?”
“ถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริงจะโมโหทำไมละ?”
“นี่ที่พี่พาพราวมานอนที่ห้อง ก็เพราะอยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันดี ๆ ไม่ใช่ให้มาชวนทะเลาะนะ”
“ไม่ต้องกง ไม่ต้องกินมันละ อะไรนักหนาวะ! พูดแม่งแต่เรื่องเดิมๆ น่าเบื่อฉิบหาย”
ครืนน~
ปึง
ปัง!
พี่ไม้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินเข้าห้องปิดประตูเสียงดัง!
เค้รง เพล้งงงง ปึก
มีเสียงดังเหมือนรื้อทำลายเขวี้ยงปาอยู่ในห้องนอน
.
.
.
.
.
.
.
ฮึก! ฮึก ฮือ~ ฮือ ฮือๆ
ฉันที่กำลังยืนช็อกอยู่ หลุดร้องไห้โฮออกมาทันที นี่เป็นครั้งแรกที่เราทะเลาะกัน แล้วพี่ไม้โมโหกระแทกข้าวของไปทั่วห้องและเดินจากไป
ความรักที่อยู่ด้วยกันแบบหวาดระแวง มันจะมีความสุขเหรอฉันถามตัวเอง...
...
.....
.......
20 นาทีผ่านไป
“พราว พี่ขอโทษ”
ระหว่างที่นั่งเหม่ออยู่ที่โต๊ะกินข้าว พี่ไม้ก็เดินออกมาพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
“....” น้ำตามันไหลจนเหือดแห้งไปแล้วก็เริ่มเอ่อคลอขึ้นอีกครั้ง
“พราวครับ ขอโทษที่เสียงดังใช้อารมณ์ พี่แค่ไม่ชอบให้พราวพูดจี้ แบบนี้บ่อย ๆ”
“พราวครับ พูดกับพี่หน่อยซิ” พี่ไม้ประคองบ่าฉันให้หันมามองหน้าเขาอีกทาง...
“พี่ เปลี่ยนไปนะ~ พี่ใจร้อนกับพราวแค่เพราะเรื่องคนอื่น พราวอาจจะพูดจาประชดเพราะพราวหึงหวงพี่ แต่พี่กลับโมโหหงุดหงิดโวยวายทำลายข้าวของ พี่ทำพราวกลัวนะ”
“ผู้ชายทุกคนไม่ชอบให้พูดเรื่องเก่าที่ผ่านมาแล้ว ถ้ามันไม่จริง โอเค! พี่อาจจะใส่อารมณ์เพราะคำพูดตั้งแต่ในรถจนถึงตอนนี้ พี่ไม่ชอบ ไม่อยากได้ยินอีก...”
“ถ้าพราวให้โอกาส ยอมเชื่อ ต้องหยุดพูดเรื่องเดิม เข้าใจไหมครับคนดี” ฉันจ้องเข้าไปในตาคู่นั้น มันดูอ่อนลงและจริงจังกับสิ่งที่พูดออกมา
“....”
มือที่จับไหล่ฉันกระชับมากขึ้น และบรรยากาศที่กดดันรอบตัวทำให้ฉันต้องเอ่ยกลับไป...
“ไม่รับปาก...ว่าจะทำได้ไหม แต่จะพยายาม...ค่ะ”
“โอเคครับ เราดีกันนะ” เปลี่ยนจากบทโศกเป็นบทรัก พี่ไม้ยืนขึ้น โอบกอดกระชับฉันไปแนบที่หน้าท้องแกร่ง และลูบหัวฉันไปด้วยเป็นการปลอบโยนอยู่อย่างนั้น
…
ผ่านไปซักพัก
“ไปอาบน้ำไป พี่ล้างเองจานทั้งหมดเนี่ย” (คิดว่าต้องมีใครซักคนเป็นไพโบลาร์แน่นอน)
เดินเข้ามาถึงกับตกใจ สภาพห้องนอน ผ้าปูเตียง ของที่อยู่หัวข้างโต๊ะระเกะระกะ โดนรื้อ เขวี้ยงปา ทุกอย่างดูท่าแล้วสาดไปด้วยอารมณ์รุนแรง โชคยังดี ที่วันนี้ลงกับของพวกนี้ ไม่ใช่ฉัน
(หวังว่าพี่ไม้คงไม่ทำร้าย ตบตีผู้หญิงหรอกนะ)
.....
อาบน้ำเสร็จ เลยกะว่าจะมานั่งดูทีวี ระหว่างที่เดินออกมา เห็นพี่ไม้กำลังยืนสูบบุหรี่ที่ระเบียง กดมือถือไปด้วย พยายามจะเดินเข้าไปด้านหลังกระจก ทำเป็นเดินไปเรียก
“อาบเสร็จแล้วค่ะ พี่ไปอาบต่อซิจะได้รีบนอน”
“เอ่ออ.. พราวเก็บห้องเรียบร้อยแล้วนะ”
“โอเคค่ะ เข้าห้องเถอะไม่ต้องออกมาควันเยอะ” เขาเอามือมาโบกไล่ควันออกจากประตูตอนเปิด และพาฉันกลับเข้าไป เดินถือโทรศัพท์เข้าห้องไปอาบน้ำ
(เฮ้อ~ ฟีลเหมือนจับผัวมีเมียน้อย อารมณ์น้อยอกน้อยใจมาเต็ม เครียด จนปวดท้อง ใจก็เดาไปต่าง ๆ นานา เขาจะคุยกับใครไหมแอบพิมพ์หาใครหรือเปล่า)
“เฮ้อ~” ถอนหายใจออกมาเสียงดังอีกรอบ รู้ไหมตอนนี้มันทรมานกับความคลุมเครือเหลือเกิน ผู้ชายบอกว่าชัดเจนแต่ทำไมมันรู้สึกไม่ดีเลยละ
“คืนนี้ พี่ขอกอดพราวได้ไหม?” ระหว่างที่นอนเล่นมือถืออยู่บนเตียงพี่ไม้ก็ถามขึ้นมา
“ก็เห็นกอดตลอด ไม่เห็นขอ”
“หมายถึง คืนนี้... จัดได้ไหมคะ?”
“อีกแล้วเหรอ? วันก่อนก็ทำไปแล้วนะ”
“วันก่อนกับวันนี้ มันคนละวันกันนะพราว”
“พี่ไม้ มีอารมณ์เหรอคะ เราะทะเลาะกันขนาดนี้?”
“ก็มีอารมณ์ทุกครั้งที่เห็นหน้าพราวแหละ”
“แต่พราวไม่มี...”
“....”
“....”
เราเงียบกันไปทั้งคู่จนฉัน อึดอัด ก็เลยยอมตามน้ำทำไป ฉันมีอะไรกับเขาแบบที่ไม่ค่อยมีอารมณ์ เพราะในใจลึก ๆ แล้วยังงอนอยู่~ แต่เห็นสายตาเว้าวอน แล้วคืนนี้ก็คงต้องทำกิจกรรมเข้าจังหวะตามเคย
เรื่องเซ็กซ์จริง ๆ แล้วถ้าคนใดคนนึงไม่อยากทำ มันจะค่อนข้างไม่เอ็นจอย ความรู้สึกเหมือนเวลาที่เราอยากเล่นเกมส์หรือดูหนังแล้วแฟนอยากทำมาก ๆ ก็คือต้องนอนยอมไปโดยที่ในหัวสมองมีแต่ความคิดว่าอยากให้เสร็จซักที..
รู้สึกเหมือนกับเรานอนให้เขากระแทกแค่นั้น สัดส่วนมากกว่า 60% ผู้หญิงก็จะไม่เสร็จ ถ้าอารมณ์ไม่ถึง วันนี้มันเลยค่อนข้างฝืนใจพอสมควร!
.....
มหาวิทยาลัยT
ผ่านมากกว่า 2 สัปดาห์แล้วตั้งแต่วันนั้น ฉันยังคาใจข้างในลึก ๆ เรื่องที่ให้ยี่หว่าไปสืบก็เหมือนจะเงียบ ไอจีนั้นก็ไม่เคยตอบกลับอะไรมาอีกเลย ทุกวันยังคงเหมือนเดิม ไปเรียนกลับบ้านด้วยกัน ไปนอนคอนโดช่วงศุกร์เสาร์ เป็นตารางประจำของฉันเลย
หลังจากวันนั้นฉันพยายามเลี่ยงที่จะมีอะไรกับพี่ไม้เริ่มหาทางปฏิเสธเขาบ่อยขึ้น เพราะฉันยังไม่แน่ใจในหลายเรื่อง แก้วที่มันร้าวมันมีรอยต่อไม่ใสเหมือนเดิม ก็เหมือนใจฉันตอนนี้ที่มันคอยแต่ระแวง ระวัง คอยแอบเช็กโทรศัพท์
(มันเหนื่อยเหมือนกันนะที่ต้องทำแบบนี้ ฉันคิดว่าอีกหน่อยฉันต้องเป็นโรคประสาทแน่ ๆ ถ้ายังคิด หมกมุ่นแบบนี้)
ตึกคณะบริหาร มหาวิทยาลัย T
วันนี้นัดกับ แทนใจว่าจะเดินห้างช้อปปิ้งกันหลังเลิก เพื่อนคนอื่นไม่ว่างกันเลยเหลือแค่เราสองคน ก่อนไปเราเลยแวะไปหาพี่ชายของยัยนี่ก่อนเพราะเมื่อเช้าเพื่อนฉันลืมเอามือถือมา เลยยืมโทรศัพท์ไปโทรบอกให้พี่ชายหยิบตามมาให้ แต่ติดที่เรียนช่วงบ่ายยาวพึ่งจะเลิก พวกเราจึงมาดักรอที่ตึกคณะบริหาร
พึ่งจะรู้เหมือนกันว่าพี่ชายเพื่อนเรียนคณะเดียวกับพวกเราห่างกันแค่ 1 ปีเองยังไม่เคยเห็นหน้าตาเลย
“โอ๊ะ! นั่นไงพี่คุณ”
“ทางนี้ ทางนี้ค่ะ” เพื่อนฉันโบกมือเรียกผู้ชายคนหนึ่งตัวสูงใหญ่
มองตามสายตาแทนใจอยู่ ก็เห็นผู้ชายใส่ชุดนักศึกษา ลักษณะเซอร์ ตัดผมทรง Undercut ดูเท่ห์ ๆ เดินเลี้ยวมาจากห้องตรงมาที่พวกเรา… พี่คุณของมัน รูปร่าง แนวนักกีฬา แข็งแรง ที่เกินความคาดหมายคือ พี่มันหน้าตาดี! ตี๋ตาเฉี่ยว ว่าแต่แอบคุ้นหน้าพี่เขาแฮะ!
“ไหนมือถือ เอามาเร็ว” แทนใจรีบพูดรัวใส่ทันที
“ใจเย็นแม่คุณ อยู่ในเป้ รอแปบนึง สั่นไม่หยุดเลย จนต้องปิดเครื่อง”
“อิอิ~ ขอโทษทีค่ะ สาว ๆ เค้าเม้าส์กันนะ”
“พี่คุณคะ อันนี้เพื่อนน้องนะ ยัยพราวที่เคยพูดถึงบ่อย ๆ”
“สวัสดีค่ะ” ยกมือไหว้พี่เขาไปไม่ได้พูดอะไรต่อ
“พราว นี่พี่แทนคุณนะ พี่ชายเราเองเรียนปี 3 ว่าจะบอกหลายทีแล้วไม่เจอหน้ากันซักที พอดีฉันแอบปิดเป็นความลับนะ กลัวแอนนี่กรี๊ด”
“หวัดดีครับ” พี่เขาพยักหน้ารับ แล้วทักทายกลับมา หน้านิ่งมาก
“นี่ วันหลังลืมแล้วก็ลืมเลยเถอะไม่ต้องโทรจิกตามให้เอามา... เดี๋ยวก็กลับบ้าน ไม่ใช้ ซักวันคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง”
อ่าวก็พูดเก่งนี่น่า นึกว่าเป็นคนนิ่ง ๆ ซะอีก
“โอ๊ย ตาแก่ขี้บ่นขี้วีน”
“แล้วอยู่มหาลัย ใครบอกว่าห้ามทัก ไม่อยากให้มีคนรู้ว่าเราเป็นพี่น้องกัน” พี่ชายแทนใจก้มหน้าลงมากระซิบเบา ๆ ตอบกลับ (พี่น้องดูน่ารักดีแฮะ~)
“พี่คุณพอดีหนูจะไปเที่ยวต่อกับพราวเลยต้องพกมือถือไง... ก็ขอแวะมาดูนิดหน่อย อยากรู้ว่าคนแถวนี้ มีอะไรนักหนาถึงชอบกลับบ้านดึก แม่มาทีไรก็ไม่เจอที่คอนโดอะ”
“พูดซะโอเวอร์ รีบไปได้แล้ว ไป! เดี๋ยวไอ้ ไอซ์ซึ มันออกมา”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับเราสองคนอะ?”
“เออน่ารีบ ๆ ไปกันได้แล้ว”
“แหมมมม ขอคุยด้วยแปบนึงก็ไม่ได้ ใจร้าย”
“ไปๆ อย่าเถลไถล ห้ามเกิน 20.30 นะ”
“ค่าคุณพ่อ”
“ปะ พราว ไปกัน”
“ไปละพี่คุณ” ยัยแทนใจเอ่ยลาพี่ชาย ฉันแค่ยิ้มให้พี่เขาไปเล็กน้อยเป็นการบอกลาไม่ได้พูดอะไรเลย เพราะมัวแต่มองดูคู่พี่น้องเขาคุยกันน่ารักดี
“พึ่งรู้นะว่าแอนนี่กรี๊ดรุ่นพี่ชื่อแทนคุณ นี่คือพี่ชายแก”
“ใช่แล้ว อย่าพูดไป สาวพี่คุณเยอะมากปวดหัว นี่เป็นหนึ่งเหตุผลที่เราไม่บอกใคร ชอบมีผู้หญิงมาวุ่นวายเพราะเราเป็นน้องนี่ละ บางทีก็เข้าใจผิดโดนแกล้งด้วยตอนเด็ก ๆ”
“แสดงว่า พี่ชายแกฮอตไง”
“ฮอตแล้ว…ไง? สู้แฟนแกได้ไหมละ” ยัยเพื่อนตัวแสบยักคิ้วให้ฉันถามว่าพี่ชายมันหล่อสู้แฟนฉันได้ไหม ชิ!
“เฮ้อ! หยุดพูดเดี๋ยวนี้ พี่ไม้ได้ยินมีเรื่องอีก”
“โอ้ยยยไม่ได้ยินหรอก แค่นี้ก็กลัวไปได้น่าพราว”
“อิอิ ว่าแต่... พี่ไม้คลั่งรักแกไม่ไหว.. หึงหน้ามืดตามัว ชื่อผู้ชายออกจากปากแกไม่ได้ น่าสงสารจัง แล้วหลังจากวันนั้นอาการมันเป็นยังไงบ้างละ” ยัยแทนใจจับคางฉันโยกไปมาล้อเลียนไม่เลิก
“เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือหนัก”
“ทำไมพวกผู้ชายถึง ขี้หึง ขี้หวง รู้ไหมว่าพี่คุณก็เจ้ากี้เจ้าการ ระเบียบกับฉันมาก ใครได้เป็นแฟนซวยตาย”
“โถ่ววว เพื่อนฉันน่ารักจะตายพี่ชายก็ต้องหวงน้องสาวถูกแล้ว ดูซิ! รีบไล่พวกเราออกมาเลย”
“อืมมมมใช่ พราวฉันต้องอยู่บนคานทองแน่เพราะพี่คุณจับตาดูฉันตลอด อยากมีแฟน มีความรักบ้างเหมือนกัน”
“แล้วคนชื่อไอซ์ซึนี่ยังไงหรอ?”
“o_________O” ยัยแทนใจเขิลหน้าแดงทำตาโตหลุกหลิกน่าหยิกแก้มสุด ๆ
“แค่เพื่อนพี่ชายยะ เรา...แค่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก พี่คุณก็ห้ามทุกอย่างละ ขนาดเพื่อนก็ไม่เว้น”
เราสองคนเดินคุยกันมาเรื่อยเปื่อยระหว่างทางปวดฉี่กันมากฉันเลยเสนอให้ไปเข้าห้องน้ำตรงตึกข้างหน้า เดินลัดไปก็จะถึงตึกจอดรถได้
ในระหว่างที่เรากำลังจะเดินไปนั้น ฉันเห็นผู้หญิงที่ชื่อหวานตัวจริงเสียงจริงแล้ว! คิดว่าใช่นะ เหมือนในไอจีเป๊ะ ๆ แอบตกใจเล็กน้อยในที่สุดวันนี้ก็ได้เจอโดยบังเอิญเลยแอบเดินตามไปทางนั้นด้วย
ถ้าตาไม่ฝาดคือเธอทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ กำลังเดินไปทางห้องน้ำ
“แทนใจ เราไปฉี่กันตรงตึกนั้นนะ”
“หึ้ยยย ห้องน้ำนั้นเปลี่ยวจะตาย เค้าว่ากันว่าผีดุนะ นี่ก็เย็นแล้ว อย่าไปเลย กลัวอ่า~”
“ไปเหอะ ดีกว่าอั้นไว้”
“เดินย้อนกลับไปทางเดิมเหอะพราว...”
“ไปน่าเร็ว ๆ” ฉันเดินตามไปอย่างเงียบ ๆ ทิ้งระยะห่างไว้จนได้ไม่สังเกตเห็น ชั่วพริบตานึง รู้สึกเหมือนมีมือกระชากยัยหวานนั่นเข้าไปในห้องน้ำชาย
ทันทีที่เห็นฉันหันไปบอกแทนใจว่า ให้เงียบเสียงลง และทำเท้าเบา เดินไปอย่างระมัดระวัง มันก็งงว่าทำแบบนี้ทำไม
แต่ลางสังหรณ์ที่เกิดขึ้นมันเตือนฉันว่าคำตอบที่ต้องการอยู่ตรงหน้าแล้วแน่นอน