ตอนที่ 3

1646 Words
ตอนที่ 3 ชายหนุ่มวางร่างของนางลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา ดวงตาคมมอง ไปยังร่างที่นอนหลับตาพริ้มด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา “เหมยเหมย ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย แต่...” สายตาของเขาวูบไหวไปมาเอื้อนเอ่ยอย่างแผ่วเบา “แต่ข้าคงจะปล่อยเจ้าไปไม่ได้ และเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ข้ามิอาจสูญเสีย” เขายื่นมือเข้าไปสัมผัสใบหน้าของนางอย่างแผ่วเบา ก่อนจะกลั้นใจถอดชุดที่สวมใส่ของนางออกอย่างช้า ๆ โดยที่สายตาได้หันไปมองทางอื่น หลังจากนั้นเขาก็รีบถอดชุดของตัวเองออก พร้อมกับทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ อีกฝ่ายซึ่งกำลังหลับสนิทด้วยฤทธิ์ยานอนหลับ ซึ่งเขาอาศัยช่วงที่นางเผลอเทผสมลงไปในไหสุราที่นางดื่ม ความจริงก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้เท่าใดนักหรอก แต่เพราะนางเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา หากขาดนางไปสักคนแล้วชีวิตของเขาจะอยู่อย่างมีความสุขได้อย่างไร ที่ผ่านมาเขามีนางคอยอยู่เคียงข้างจนเคยตัวเสียแล้ว ผู้คนอาจจะมองว่าเขานั้นเห็นแก่ตัว ยอมแม้กระทั่งใช้วิธีสกปรกเพื่อรั้งนางไว้ข้างกาย แต่นางคือสหายเพียงคนเดียวของเขา แม้นไม่ได้รักแต่ก็สูญเสียไปไม่ได้เช่นกัน ชายหนุ่มพลิกตัวหันไปมองเจ้าของร่างที่ยังคงหลับลึกไร้การตอบสนอง พึมพำกับตัวเองว่า “หลังจากนี้แม้นเจ้าจะโกรธหรือเกลียดข้าก็ช่าง แต่ในเมื่อข้าตัดสินใจไปแล้วย่อมไม่มีวันเปลี่ยนใจ เจ้าจะต้องเป็นหงส์ที่อยู่เคียงข้างมังกร มิอาจแยกจากกันตลอดกาล” ลี่หยางนึกภาพไม่ออกเลยว่า พรุ่งนี้ยามเมื่อนางตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตนเองกำลังนอนกอดอยู่กับบุรุษจะทำสีหน้าเช่นไร แล้วจะตกใจมากน้อยแค่ไหนเมื่อคนในครอบครัวเข้ามาเห็นกับภาพที่ชวนให้น่าคิดไปไกลเช่นนี้ รุ่งเช้าของวันใหม่ ลู่เหมยสัมผัสได้ถึงไออุ่นที่แผ่ซ่านเข้ามากระทบกับร่างกายที่ซุกตัวอยู่ในผ้าห่ม การตอบสนองนั้นทำให้นางเขยิบตัวเข้าไปใกล้ ๆ ก่อนจะดึงตัวอีกฝ่ายเข้ามากอดไว้แน่นด้วยคิดว่ามันคือหมอนข้างที่นางมักจะนอนกอดอยู่ทุกคืน หากแต่วันนี้มันกับดูนุ่มนิ่มกว่าทุกวัน หญิงสาวขมวดคิ้วจนเป็นปม รู้สึกแปลกใจกับหมอนข้างใบนี้อยู่ไม่น้อย แม้ตาจะยังคงหลับอยู่ แต่มือกลับอยู่ไม่สุขเอาเสียแล้ว แต่แล้วนางก็ต้องสะดุ้งตกใจตื่นเมื่อมือเจ้ากรรมดันไปจับอยู่ตรงส่วนที่มันสามารถขยายใหญ่ได้ “ลี่หยาง นี่เจ้ามานอนบนเตียงของข้าได้อย่างไร” ลู่เหมยขยับตัวหนีด้วยความตกใจ เพราะเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกำลังนอนกอดเขาอยู่ แถมมือเจ้ากรรมยังซุกซนไปทั่ว เอ๊ะ!! แต่เดี๋ยวนะ เมื่อกี้มือของนางไปโดนอะไรเข้า นางยกมือขึ้นมามองอีกครั้ง ก่อนที่สายตาจะไล่ไปตามความรู้สึกของมือ ‘มารดามันเถอะ นี่นางคงมิได้...หรอกนะ’ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ตั้งสติอยู่ ๆ ร่างที่คิดว่าหลับอยู่ก็ดึงรั้งนางเข้าไปกอด และพลิกตัวขึ้นมาคร่อมร่างนางไว้ ทำให้ลู่เหมยนิ่งอึ้งไป ชั่วขณะหนึ่ง สภาพของนางและเขาในตอนนี้ช่างดูล่อแหลมนัก “ลี่หยาง จ…เจ้าจะทำอันใด” หญิงสาวกลั้นใจถามออกไป แม้บุรุษที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นสหาย แต่เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้นางก็ทำอะไรไม่ถูกอยู่เหมือนกัน “แล้วเจ้าคิดว่าข้าจะทำอันใดเจ้า” เขาส่งยิ้มยียวน ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกอยากแกล้งนางนัก “แต่เจ้ากำลังคร่อมตัวข้าอยู่รู้หรือไม่” นางเอ่ยตอบและเริ่มมองสำรวจไปรอบ ๆ ก็พบว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนของนาง แล้วมันคือที่ไหนกัน “เมื่อคืนเจ้าจำไม่ได้จริง ๆ หรือว่าได้ทำอะไรกับข้าไว้บ้าง” เขาตีหน้าขรึมใส่นาง “เมื่อคืน?” หญิงสาวรู้สึกมึนงง เมื่อคืนนางจำได้ว่ากำลังนั่งดื่มสุราอยู่กับเขา แล้วหลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้เลย ชายหนุ่มลอบยิ้มในใจ เอ่ยเนิบช้าว่า “เมื่อคืนเจ้าดื่มจนเมา ข้าจะไปส่งแต่เจ้าก็ไม่ยอม หนำซ้ำยังพยายามลากข้าเข้ามาในห้อง” สีหน้าของเขาสลดลง “หลังจากนั้นเจ้าก็พยายามลวนลามข้าอีก ไม่เชื่อก็ลองดูสภาพของเจ้ากับข้าในตอนนี้สิ” เขาพยักหน้าให้นางก้มมองดูสภาพของตัวเอง “ไม่จริง นี่เจ้ากำลังล้อข้าเล่นอยู่ใช่หรือไม่” นางเอ่ยอย่างขบขัน แต่เมื่อสบกับดวงตาคมคู่นั้น หญิงสาวก็ชะงักก่อนจะก้มมองดูสภาพของตัวเองที่ไม่ค่อยดีนัก “กรี๊ดดดด!! นี้เจ้าทำอันใดข้า” ลู่เหมยรีบคว้าผ้าห่มขึ้นมาห่อตัวไว้ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับนางกันแน่ แล้วไหนจะเขาที่อยู่ในสภาพไม่ต่างกันอีกเล่า “ลู่เหมย เป็นเจ้าต่างหากที่กระทำย่ำยีข้า” เขาเอ่ยอย่างไม่ยอม เมื่อได้ยินคำยืนยันจากเขาลู่เหมยก็ถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับ หากพ่อกับแม่มาเห็นนางและเขาในสภาพเช่นนี้เข้า มีหวังหนีไม่พ้นเรื่องแต่งงานอย่างแน่นอน ไม่ได้! นางจะไม่มีวันยอมให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอย่างเด็ดขาด “ลี่หยาง ข้ากับเจ้าเป็นสหายกัน มิใช่คนอื่น หากเจ้าไม่พูด ข้าไม่พูด เรื่องนี้ก็จะไม่มีใครรู้” หญิงสาวยิ้มเจื่อน แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้พูดอะไรต่อ ประตูก็ถูกเปิดออกอย่างแรง ทำให้ทั้งสองคนถึงกับตกตะลึงจนตาค้าง “ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ใหญ่!!” ลู่เหมยตกใจแทบสิ้นสติ พวกเขามาได้อย่างไร “เหมยเอ๋อร์ นี่ลูกกับ...” เหอเพ่ยหนิงที่เพิ่งทราบข่าวจากองครักษ์ว่าบุตรสาวของนางดื่มสุราจนเมามาย ด้วยความเป็นห่วงจึงชวนสามีและบุตรชายมารับ หากแต่ภาพตรงหน้าที่เห็น ผู้เป็นแม่มองสำรวจสภาพของคนทั้งสอง ทำให้แทบอยากจะเป็นลมเสียตรงนี้ “ท่านแม่ มันไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านเข้าใจนะเจ้าคะ ลูกอธิบายได้” “มันไม่มีอะไรต้องอธิบายแล้ว” หานห้าวตงขึ้นเสียงใส่บุตรสาว ก่อนจะหันไปทางภรรยาและบุตรชาย พูดเสริมว่า “เดี๋ยวลูกพาน้องกับแม่กลับไปก่อน พ่อมีเรื่องที่ต้องคุยกับองค์รัชทายาท” ชายชราวัยกลางคนพยายามระงับโทสะที่มีอยู่ คาดไม่ถึงว่าบุตรสาวของเขาจะสร้างเรื่องได้มากมายขนาดนี้ ย้อนไปก่อนหน้านี้หลังจากที่องครักษ์มาแจ้งเรื่อง เขาจึงรีบพาภรรยาและบุตรชายมาที่นี่ แต่ในขณะที่กำลังจะเปิดประตูเข้าไป เขาก็ได้ยินเสียงของบุตรสาวดังลอดออกมา เขาชะงักเท้าพร้อมกับยืนฟังอยู่ครู่หนึ่ง คาดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่านางจะกล้ากระทำเรื่องที่น่าอายเช่นนี้ เขามีแต่ฝ่ายหญิงถูกกระทำ แต่นี่...กลับเป็นบุตรสาวของเขาเสียเองที่เป็นฝ่ายกระทำผู้อื่น แต่สิ่งที่ทำให้เขาหมดความอดทนก็คงจะเป็นคำพูดที่เห็นแก่ตัวของบุตรสาว ‘ลี่หยาง ข้ากับเจ้าเป็นสหายกัน มิใช่คนอื่น หากเจ้าไม่พูด ข้าไม่พูด เรื่องนี้ก็จะไม่มีใครรู้’ มารดามันเถอะ นี่บุตรสาวของเขาคิดจะปัดความรับผิดชอบอย่างนั้นหรือ? “ท่านพ่อ มันมิได้เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ นะเจ้าคะ” หญิงสาวพยายามอธิบาย แต่ก็ไม่มีใครฟัง ครั้นเมื่อหันไปมองสหายที่ยืนนิ่ง ชวนให้รู้สึกใจหาย นี่เขากำลังแสร้งว่าเป็นผู้เสียหายอย่างนั้นหรือ “พอแล้ว! พ่อได้ยินเรื่องทุกอย่างหมดแล้ว” “แต่...ท่านพ่อ ลูก” “เหมยเอ๋อร์ กลับกันเถิด มีอะไรค่อยไปคุยกันที่จวน” หานหรงเหยา ผู้เป็นพี่ชายที่เห็นว่าเรื่องชักจะไปกันใหญ่ จึงได้เอ่ยปากชวนน้องสาวกลับ ก่อนที่จะออกไปรออยู่ด้านนอกเพื่อปล่อยให้นางแต่งตัวให้เรียบร้อย โชคยังดีนักที่โรงสุราในเวลานี้ไม่มีคนพลุกพล่าน อีกทั้งลู่เหมยยังอยู่ในคราบของคุณชาย ทำให้ไม่เป็นที่น่าสนใจมากนัก หาไม่แล้วชื่อเสียงของตระกูลหานคงจะเป็นขี้ปากชาวบ้านไปอีกนาน “องค์รัชทายาท กระหม่อมต้องขออภัยแทนบุตรสาวด้วยพ่ะย่ะค่ะ” หานห้าวตงโค้งศีรษะเล็กน้อยเพื่อขออภัย เดิมทีนางเป็นบุตรสาวที่ถูก ทุกคนในครอบครัวตามใจมาตั้งแต่เด็ก ๆ ทำให้มีนิสัยที่ไม่ต่างจากบุรุษหาความเป็นกุลสตรีไม่ได้ มีหลายครั้งที่มีแม่สื่อมาทาบทามสู่ขอ แต่ก็ถูกบุตรสาวตัวดีเอ่ยปากไล่ไปทุกครั้ง ต่างจากน้องสาวที่มีความเรียบร้อย และเป็นกุลสตรี ทำให้มีบุรุษมากมายส่งแม่สื่อมาทาบทามสู่ขออยู่ทุกวัน แต่รายนั้นก็ยังไม่ยอมออกเรือนไปเสียที “เป็นกระหม่อมเองที่อบรมสั่งสอนลูกไม่ดี ทำให้นาง เอ่อ...” หานห้าวตงรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอยู่ไม่น้อย “ไม่เป็นไรหรอก แต่เพื่อไม่ให้นางและตระกูลของท่านต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง เราจะรับผิดชอบแต่งนางเป็นพระชายา”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD