ตอนที่ห้า ฟ้าใสในวันที่มืดมน 2.2

1797 Words
ฟอด... ฉันรู้สึกได้ถึงจมูกโด่งๆ กับริมฝีปากอุ่นๆ แนบลงกับแก้มเนียนของฉันอย่างแผ่วเบา สัมผัสครั้งแรกเหมือนเขาจะลองเชิงดูก่อนว่าฉันจะมีปฏิกิริยาอย่างไร แต่เมื่อพอเห็นฉันนิ่ง ริมฝีปากนั้นก็กดหนักประทับจูบแก้มเนียนแล้วก็รีบผละตัวออกไป ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ก็เจอกับเจ้าเด็กบ้า กำลังกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ มันทำให้ฉันอดที่จะขำกับภาพที่เห็นไม่ได้ “เทน” ฉันเรียกชื่อเขา เจ้าเด็กน้อยก็หยุดอาการดีใจแล้วหันมามองหน้าฉันแต่ก็ไม่ยอมหุบยิ้มอยู่ดี “นี่เหรอ สิ่งที่อยากได้” “โกรธเทนหรือเปล่า” เทนถามด้วยอาการที่พยายามไม่ให้ตัวเองดูเหมือนดีใจเกินตัวไป “ไม่โกรธ ถือว่าเป็นรางวัล” ฉันยกยิ้มให้เทนอย่างอ่อนโยน อาจดูเหมือนฉันใจง่ายไป อย่างที่บอกแหละ ถ้ามันไม่เหลือบ่ากว่าแรง ฉันให้ได้ “เทนกลับก่อนนะ ฝันดีครับ” เทนส่งยิ้มหวานมาให้ก่อนจะเดินเข้าบ้านตัวเองไปด้วยอาการลิงโลดสุดๆ เจ้าเด็กน้อยเอ๊ย... “คิดจะเอาทุกคนเลยหรือไง” ฉันหันตัวกลับไปมองตามน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความไม่พอใจนั่น “พี่ไบค์” ฉันแปลกใจไม่น้อยที่ได้เห็นเขามาอยู่ตรงนี้ เขาคงจะเห็นหมดแล้วสินะ “สรุป แก้มชอบใครกันแน่ ไอ้โต้งหรือเจ้าเด็กนั้น” น้ำเสียงและแววตาแสดงออกถึงความเย้ยหยันฉันอย่างชัดเจน “อย่าทำตัวเป็นนางวันทองสิ” ฉันล่ะอยากกระโดดข่วนหน้าเขานัก ทำไมต้องมาว่าฉันแบบนี้ด้วย “แก้มจะเป็นยังไง มันเรื่องของแก้มไม่ใช่เหรอคะ พี่บิ๊กไบค์มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” ฉันเองก็ไม่อาจทนให้เขาต่อว่าอยู่ฝ่ายเดียวได้ จึงถามกลับด้วยใบหน้าที่แสนเรียบนิ่งพยายามไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ให้เขาได้เห็น “แก้ม!” พี่บิ๊กไบค์ขบกรามแน่น ฉันทำให้เขาโมโหสินะ แต่เขาอยากมาว่าฉันก่อนทำไมล่ะ “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว แก้มขอตัวเข้าบ้านก่อนนะคะ” พูดจบฉันก็รีบปิดประตูรัวบ้านทันที ใช่ว่าฉันไม่รู้สึกนะ คำที่เขาว่านะ ฉันเจ็บ เจ็บจนน้ำตาไหลออกมา ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรงี่เง่า แต่ว่า...ในวันนี้ฉันต้องเจอกับอะไรมาบ้าง ฉันกลัวแค่ไหน มีใครคิดจะปลอบใจฉันบางหรือเปล่า ถ้าหากไม่ได้เทนช่วยฉันก็ไม่อาจรู้ชะตาของตัวเองกับแม่ได้เลยว่ามันจะย่ำแย่ขนาดไหน ฉันแค่อยากจะตอบแทนเทนแค่นั้นเอง แต่ฉันก็คิดไม่ถึงว่าเทนจะขอสิ่งนั้น แต่ในเมื่อฉันรับปากเขาไปแล้ว ฉันก็ไม่อาจถอนคำพูดได้ และที่คาดไม่ถึงอีกเรื่องก็คือ ฉันไม่คิดว่าพี่บิ๊กไบค์จะมาเห็นเข้าพอดี ฉันแอบร้องไห้อยู่หน้าบานประตูบ้านสักพักก่อนจะเดินเข้าไปในตัวบ้านแล้วทำตัวปกติเหมือนไม่ได้ร้องไห้ แม่กำลังนั่งดูรูปอยู่ที่โซฟาตัวยาว ฉันจึงเดินเข้าไปนั่งลงข้างแม่พร้อมกับมองรูปเหล่านั้น มันคือรูปของฉันสมัยเด็กๆ ซึ่งรูปส่วนใหญ่ก็จะมีแค่แม่กับฉัน และรูปอื่นๆ ก็มีเทนร่วมอยู่ด้วย “เทนโตเป็นหนุ่มแล้วเนอะ ดูสิ เมื่อก่อนนี้เทนตัวเล็กกว่าแก้มอีก” แม่นั่งมองรูปเหล่านั้นด้วยรอยยิ้ม “ถ้าหากวันหนึ่ง...แม่ไม่อยู่แล้ว แม่ก็หวังว่าจะมีใครสักคนที่จะดูแลแก้มแทนแม่ได้ และคนๆ นั้นต้องยอมรับในฐานะของเราได้ด้วย แม่ไม่อยากให้แก้มต้องเจอเหมือนกับแม่ ถ้าหากเราไปรักคนที่อยู่สูงกว่าเรา...” แม่หันมามองหน้าฉันด้วยรอยยิ้ม มือบางที่เริ่มเหยี่ยวเชาไปตามกาลเวลาได้เลื่อนขึ้นมาลูบแก้มของฉันอย่างอ่อนโยน “และแม่ก็ได้เห็นแล้วในวันนี้ เทนเขาเป็นเด็กดี เป็นเด็กที่มีมารยาท เป็นคนที่คุ้นเคยกับบ้านเราที่สุด และที่สำคัญ..เทนเป็นคนที่ทำให้แก้มของแม่ยิ้มได้ แก้มควรมีใครสักคนมาคอยดูแลนะ” ไม่ต้องรอให้แม่พูดขยายความ ฉันก็เข้าใจแม่ดี ว่าแม่ต้องการอะไร “ค่ะ” ฉันเลื่อนมือบางเข้าสวมกอดแม่เพื่อซึมซับความอบอุ่นจากร่างกายแสนบอบบางนี้ แม่ลูบผมยาวสลวยของฉันอย่างแผ่วเบา ไม่ว่าจะเจอเรื่องแย่ๆ แค่ไหน สุดท้าย...ก็มีแค่เราสองแม่ลูกเท่านั้นที่นั่งปลอบใจกันอยู่สองคน คำพูดของแม่ลอยวนอยู่ในหันของฉัน ใครล่ะ...ที่กล้ายืนอยู่ข้างฉัน คนที่ไม่มีอะไรเลย มีแต่ความยากลำบากในทุกๆ วัน จะมีใครบ้างที่พร้อมจะเคียงข้างฉันไปในทุกสถานการณ์ไม่ว่าหนทางข้างหน้ามันจะเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม ในเวลานี้ ฉันอยากได้อ้อมกอดของใครสักคนที่รักฉันจริง ใครสักคนที่พร้อมจะปลอบใจฉันและให้กำลังใจฉัน ใครคนนั้นที่ฉันเฝ้ารอ...จะมีอยู่จริงหรือเปล่า “แม่คะ” “ว่าไงลูก” “แม่บอกแก้มได้ไหม ว่าแม่เอาเงินไปทำอะไร” มือบางที่กำลังลูบผมฉันอยู่หยุดชะงักค้างจนฉันต้องผละตัวออกแล้วมองหน้าแม่ “แม่...” แม่ไม่ยอมสบตาฉัน “จนถึงขนาดนี้แล้ว แม่ยังคิดจะปิดบังแก้มอีกเหรอคะ” “แม่กู้เงินคนพวกนั้นไปช่วย...” เพียงแค่แม่พูดว่า ‘ช่วย’ ฉันก็รู้ได้ทันที่ว่าช่วยใคร “เมื่อไหร่แม่จะเลิกช่วยพวกเขาสักทีค่ะ แล้วนี่! เราโดนคนพวกนั้นมาหาเรื่องและทำลายข้าวของ เขารู้บ้างหรือเปล่าคะ เขารู้บ้างไหม ว่าทำให้เราเดือดร้อนแค่ไหน!” ฉันลุกขึ้นยืนแล้วพรั่งพรูคำพูดที่แสนจะอึดอัดออกมาอย่างรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ “แก้ม...” ที่เกรซไปหาฉันทถึงมหาลัยก็เพราะจะขอบคุณเรื่องนี้สินะ ฉันเองก็นึกแปลกใจอยู่แล้ว แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นเรื่องหนักหนาขนาดนี้ กะอีแค่น้ำหอมขวดราคาไม่กี่พัน สามารถแลกกับเงินเป็นแสนๆ ได้แล้วเหรอ ต่อไปนี้ฉันจะไม่ยอมให้คนบ้านนั้นมาเอาเปรียบฉันกับแม่ได้อีกแล้ว “ต่อไปนี้ แม่ห้ามช่วยเขาอีกนะคะ ไม่งั้นแก้มจะโกรธแม่จริงๆ ด้วย” มีไม่กี่ครั้งหรอกที่ฉันกับแม่จะทะเลาะกันหนักขนาดนี้ ส่วนใหญ่ก็เรื่องความใจดีเกินไปของแม่นี่แหละ เพราะแม่ใจดีคนพวกนั้นถึงได้เอาเปรียบแม่ครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อหมดชั่วโมงเรียนสุดท้ายของวัน เหล่านักศึกษาต่างก็ทยอยเดินออกจากห้องไปทีล่ะคน ผมนั่งมองไอ้เพื่อนยากที่นั่งอยู่ข้างผม มันกู่รีกูจอรีบลุกออกจากเก้าอี้อย่างรีบร้อน ราเรซ...สงสัยมันนัดต้าหนิงไว้แน่เลยถึงได้รีบเร่งขนาดนี้ เห็นแล้วก็รู้สึกอิจฉามันฉิบหาย ที่มีคนรอกลับบ้านพร้อมกันเวลาเลิกเรียน “เฮ้อ....” ผมแอบถอนหายใจอย่างหน่าย ๆ “ไงมึง ไม่มีหญิงมารออย่างเขาอะดิ” เลโอหันมามองผมแวบหนึ่งก่อนจะหันไปตอบแชทสาวๆ ในโทรศัพท์ของมันต่อ “ถามเหมือนสนใจ แต่ก็ไม่ใส่ใจกูเลย” ผมยื่นมือหนาขึ้นไปโบกหัวมันหนึ่งครั้งด้วยความหมั่นไส้ เลโอหันมายักคิ้วให้หนึ่งทีแสดงความกวนตีนเล็กน้อยถึงปานกลาง ประมาณว่า ที่ผมโบกหัวมันไปเมื่อกี้ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสักนิด ผมละสายตาจากเลโอเพราะมันไม่สนใจผมแล้ว มันกำลังตอบแชทสาวๆ อย่างเอาเป็นเอาตาย ที่ต้องพูดขนาดนี้ก็เพราะว่ามันแชทหลายคนในเวลาเดียวกัน แล้วมันก็เกิดการพิมพ์ข้อความส่งให้ผิดคนจึงเกิดปัญหาให้มันตามตอบแชทแก้ตัวจนมือเป็นระวิ่ง สมน้ำหน้า กะหล่อนดีนัก แต่พอผมหันมาอีกทางก็เจอกับไอ้โต้งที่กำลังนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ มือก็กดขยุกขยิกกับหน้าจอโทรศัพท์ไม่ต่างจากไอ้เลโอเลย แต่ว่าไอ้โต้งมันไม่ได้คุยแชทกับใครหลายคนเหมือนไอ้กะหล่อนเลโอหรอกครับ มันก็คุยกับพี่มิรินแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ ผมนั่งมองไอ้โต้งอย่างพิจารณาแล้วก็ถามตัวเองอยู่ในใจว่า...ผมสู้มันไม่ได้ตรงไหน มันมีอะไรที่ผมไม่มีงั้นเหรอ แล้วมันมีดีอะไรถึงทำให้แก้มใสแอบชอบมันมาได้หลายปีขนาดนี้ “จ้องกูขนาดนี้ ไม่ขอหวยเลยล่ะ” ไอ้โต้งถามโดยที่สายตาของมันยังจ้องที่หน้าจอโทรศัพท์อยู่ “ไอ้โต้ง...” “ว่า” “สมมุติว่า...ถ้ามึงกับพี่มิรินไปกันไม่รอด...” ไอ้โต้งตวัดสายตามองหน้าผมด้วยสายตาพร้อมจะเอาเรื่อง “กูสมมุติ...” ผมบอกย้ำก่อนที่มันจะโมโหจริง “ถ้าหากมีใครที่เขาชอบมึงมากและยังรอมึงอยู่จนถึงทุกวันนี้ มึงจะสนใจเขาไหมว่ะ” “ถามอะไรของมึงวะ” โต้งขมวดคิ้วเป็นปมพร้อมกับจ้องหน้าผม เหมือนไม่เข้าใจคำถาม “กูถาม มึงก็ตอบดิ” แต่ผมกลับจริงจังและตั้งใจฟังคำตอบของมันที่สุด “ต่อให้มีใครรักกูมากกว่ามิริน กูก็ไม่สน... เพราะกูรักมิรินคนเดียว” ไอ้โต้งสบตาผมนิ่งเพื่อเป็นการยืนยันคำตอบของมัน ไอ้นี่ก็หนักแน่นดีแท้ ก็อย่างว่าล่ะครับ โต้งกับพี่มิรินผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะจนไม่อาจปล่อยมือกันได้โดยง่าย ต่อให้มีใครพยายามจะแทรกกลางระหว่างทั้งคู่ก็ตาม คนคนนั้นไม่มีวันทำสำเร็จหรอก “ไอ้เรซส่งไลน์มาบอกว่า ให้ไปเจอกันที่บ้านกูเลย มันกำลังไปส่งแก้มใส” โต้งหันมาบอกผมกับเลโอ “แล้วมันไปส่งแก้มใสได้ไงอะ ต้าหนิงล่ะ” เลโอถามตัดหน้าผม ซึ่งกำลังจะเอ่ยถามอยู่พอดี “ไม่รู้โว้ย รอถามมันเอง” โต้งบอก มันคิดจะทำอะไรของมันไอ้เพื่อนเวรนี่ คิดจะตัดหน้าผมหรือไง ถ้าไม่รู้เรื่องของมันกับต้าหนิงมาก่อนล่ะก็ ผมคงคิดแบบนั้นจริงๆ แน่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD