ตอนที่ห้า ฟ้าใสในวันที่มืดมน 1.2

2023 Words
เมื่อฉันเดินเข้ามาในบ้านก็เห็นแม่กำลังนำขนมที่ห่อด้วยใบตองออกจากหม้อนึ่ง ฉันจึงแอบย่องไปด้านหลังแม่เงียบๆ แล้วค่อยๆ กางแขนออกแล้วโอบกอดเอวแม่จากด้านหลัง “คิดถึงจังเลย” ฉันหอมแก้มแม่เสียงดังฟอดใหญ่ “ว้าย! ตกใจหมดเลย ลูกคนนี้” แม่สะดุ้งตัวโหยงเมื่อถูกฉันโอบกอดโดยไม่ทันตั้งตัว “แหมๆ ทำเป็นขวัญอ่อนไปได้” ฉันเอ่ยแซว “มานานแล้วเหรอ กินอะไรมารึยัง หิวหรือเปล่า” ฉันยิ้มหวานให้กับผู้เป็นแม่อย่างรักใคร่ ก็ดูเอาเถอะ ขนาดตัวเองต้องงานจนมือเป็นระวิง ก็ไม่วายมาห่วงลูกสาวอย่างฉัน “แก้มยังไม่หิวหรอกค่ะ เดี๋ยวแก้มไปเปลี่ยนชุดแล้วลงมาช่วยแม่ดีกว่า” ฉันคลายอ้อมกอดจากแม่แล้วเดินขึ้นบันได แต่ยังไม่ทันได้ก้าวฉันก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากหน้าบ้าน เคร้ง! ฉันรีบวิ่งกลับมาหาแม่อย่างตกใจ แม่เองก็มีสีหน้าแตกตื่นไม่แพ้ฉัน “เสียงอะไรนะแม่” “ไม่รู้สิ เดี๋ยวแม่ไปดูก่อน” เคร้ง! เคร้ง! เสียงเหมือนจานชามหล่นลงพื้นดังต่อเนื่องจนฉันไม่อาจไว้ใจปล่อยให้แม่เดินไปดูคนเดียวได้ ฉันจึงเดินตามแม่ออกไปดูด้วย “หยุดเถอะ! อย่าทำลายข้าวของของฉันเลย” พอฉันเดินออกมาสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็ทำให้ฉันเกิดความมึนงงและโมโหอย่างมาก แม่กำลังยืนยกมือไหว้พวกชายฉกรรจ์สามสี่คนที่กำลังทำลายข้าวของในร้านขนมหวานของแม่ คนพวกนั้นเป็นใครกัน ทำไมถึงได้มาทำลายร้านของแม่ฉันแบบนี้ แม่เข้าไปรั้งแขนชายคนหนึ่งที่กำลังยกถาดขนมทองหยิบทองหยดขึ้นเตรียมจะเขวียงมันลงพื้น เมื่อชายผู้นั้นถูกแม่ฉันขัดขว้างมันก็ใช้มืออีกข้างผลักแม่ฉันล้มหงายหลังไปกับพื้น “แม่!” ฉันรีบวิ่งเข้าไปพยุงแม่ให้ลุกขึ้นจากพื้น ก่อนจะหันไปเอาเรื่องไอ้พวกบ้านั้น “หยุดนะ!! หยุดทำลายข้าวของแม่ฉันนะ!” ฉันเข้าไปขว้างพวกนั้นอีกคน ฉันวิ่งเข้าไปผลักผู้ชายร่างยักษ์คนหนึ่งอย่างแรง ทำให้ร่างใหญ่บึกบึนเซเล็กน้อย มันตวัดหันหน้ามาหาฉันด้วยสายตาดุดันอย่างน่ากลัว แล้วก็ง้างมือขึ้นเตรียมจะฟาดหน้าฉัน ฉันยืนหลับตาปี๋ด้วยความกลัว “แก้ม!” เสียงแม่ร้องเรียกฉันเสียงดังลั่น ตุบๆ ๆ พลึก! ตุบ! ผวะ! ฉันค่อยๆ หรี่ตาขึ้นมามองก็เห็นร่างของผู้ชายที่ง้างมือจะตบฉันเมื่อกี้นอนกลิ้งไปกับพื้นพร้อมกับพวกของมันอีกสามคน “เทน” ฉันหันไปมองอีกทางก็เจอกับร่างสูงของเทน ที่กำลังยืนกำหมัดพร้อมกับจ้องหน้าพวกนั้นอย่างเอาเรื่อง “เป็นอะไรไหม” เมื่อฉันเรียกชื่อ เทนก็เดินเข้ามาถามพร้อมกับมองฉันอย่างสำรวจ มุมปากเทนมีเลือดออกเล็กน้อย สงสัยจะโดนพวกนั้นสวนคืน “พี่ไม่เป็นไร แม่!” ฉันหันไปหาแม่ทันทีที่นึกขึ้นได้ แม่กำลังยืนมองสภาพร้านที่เละไม่เป็นท่าอย่างเสียขวัญ ฉันจึงเข้าไปสวมกอดแม่อย่างปลอบใจ “พวกแกเป็นใคร มาทำลายร้านแม่ฉันทำไม!” ฉันตะโกนถามออกไปอย่างเหลืออด “ก็เป็นเจ้าหนี้แม่แกไง!” เสียงผู้ชายคนหนึ่งตะโกนตอบฉันมาจากด้านหลัง ฉันหันหลังไปมองก็เจอกับผู้ชายร่างท้วมคนหนึ่งในมือของเขาถือสมุดมาด้วย เขาเดินลงมาจากรถตู้สีดำพร้อมผู้ชายอีกสองคนซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นลูกน้องของเขาเอง ส่วนพวกที่นอนเจ็บก็พยายามลุกขึ้นแล้วเดินไปยืนด้านหลังของผู้เป็นนาย “หนี้อะไร” ฉันขมวดคิ้วเป็นปมอย่างสงสัย “ก็แม่แกเป็นหนี้เจ้านายพวกฉันนะสิ” ผู้ชายที่เดินมาพร้อมกับชายร่างท้วมเอ่ยขึ้น “หมายความว่าไงแม่” ฉันหันกลับมาถามแม่มาด้วยอาการมึนงง นี่มันเรื่องอะไรกัน แม่ไปเป็นหนี้พวกนั้นตั้งแต่เมื่อไร “ขอเวลาฉันหน่อยนะ เถ้าแก่ แล้วฉันจะรีบหามาใช้คืน” แม่ไม่ตอบฉัน แต่หันไปพูดอ้อนวอนชายร่างท้วมที่แม่เรียกเขาว่าเถ้าแก่แทน “คราวที่แล้วก็พูดแบบนี้ เธอขอฉันผลัดมากี่ครั้งแล้ว ฉันไม่มีเวลามากนะ ยังไงซะ เธอก็ต้องหาทั้งเงินต้นและเงินดอกมาคืนฉันภายในวันนี้!” “โธ่... เถ้าแก่” แม่ถึงกลับร่ำไห้ ร่างบอบบางแทบทรุด ดีที่ฉันโอบกอดแม่ไว้อยู่ร่างของแม่จึงไม่ร่วงลงพื้น “แม่ฉันเป็นหนี้คุณอยู่เท่าไรค่ะ” ถึงจะงงและแอบโกรธแม่อยู่นิดๆ ที่แม่เป็นหนี้คนพวกนี้แล้วไม่ยอมบอกฉัน ชายร่างท้วมเปิดสมุดที่ตัวเองถือมาด้วยดูอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาตอบ “รวมทั้งต้นทั้งดอกก็...สี่แสน” “ห้ะ! สี่แสน!” ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แม่เอาเงินมาทำอะไรตั้งมากมายขนาดนั้น แม่ไม่ใช่คนที่ใช้เงินเกินตัวแถมประหยัดซะด้วยซ้ำ แล้วทำไมเงินที่แม่ยืมเขามาถึงได้เยอะเพียงนี้ “เถ้าแก่... ฉันยืมมาแค่สามแสนไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงกลายเป็นสี่แสนได้ล่ะ” แม่เอ่ยถามชายร่างท้วมอีกครั้ง ดูเหมือนว่าแม่เองก็ตกใจไม่น้อยที่ได้รู้ยอดหนี้ของตัวเอง “ก็เธอผลัดฉันมาหลายงวดแล้ว ดอกมันก็ต้องขึ้นตามเวลา ถ้าเธอตัดดอกทุกเดือนมันก็ไม่เยอะหรอก” ผู้ชายตรงหน้าเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ช่วยฉันอีกสักครั้งไม่ได้เหรอ เถ้าแก่ ฉันไม่หนีไปไหนหรอก” ชายร่างท้วมทำท่าคุ้นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมกับใช้สายตาแทะโลมจ้องมองฉันอย่างมีเลศนัย “ถ้าอยากให้ช่วยจริงๆ มันก็พอมีวิธีนะ” เจ้าหนี้ของแม่เอ่ยขึ้น ทำให้ฉันกับแม่หันหน้ามามองกันอย่างมีความหวัง “ให้ลูกสาวเธอมาขัดดอกที่บ้านฉันสิ แล้วฉันจะพิจารณาให้เป็นพิเศษ ไม่แน่นะ ถ้าลูกสาวเธอทำให้ฉันพอใจ ฉันอาจจะยกเลิกหนี้ทั้งหมดของเธอเลยก็ได้” “ฝันไปเหอะ ไอ้เ*******ู!” เทนทรุดเข้าไปกระชากคือเสื้อเจ้าหนี้ของแม่พร้อมกับง้างหมัดขึ้นกลางอากาศ เจ้าหนี้หน้าถอดสีด้วยความตกใจ ทำให้ลูกน้องที่มาด้วยรีบเข้ามาจับเกาะก้มตัวเทนให้ปล่อยเจ้านายตัวเอง ด้วยความที่กลัวว่าเรื่องมันจะไปกันใหญ่ฉันจึงเข้าไปกอดเอวหนาของเทนไว้ เพราะไม่อยากให้เขามีเรื่อง “เทน ใจเย็นก่อน” เทนมีอาการฮึกฮักเล็กน้อยก่อนจะลดหมัดลงแล้วหันมามองหน้าฉันด้วยสายตาอ่อนโยน “ฉันขอเวลาเพิ่มอีกหน่อยได้ไหม แล้วฉันจะใช้หนี้แทนแม่เอง” ฉันต่อรอง “ไม่ได้!” เจ้าหนี้ของแม่ไม่มีทีท่าจะจะยอมง่ายๆ ฉันก็จนปัญญาไม่รู้จะต่อรองอย่างไรดี “ขอคุยด้วยหน่อย” เทนเดินเข้าไปหาเจ้าหนี้แม่อีกครั้ง ก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทางเพื่อให้ชายร่างท้วมเดินตามเขาไปพร้อมลูกน้องหนึ่งคน ส่วนที่เหลือไม่ได้เดินตามเจ้านายไปเพราะเหมือนเขาจะสั่งลูกน้องให้เฝ้าฉันกับแม่เอาไว้ในระหว่างที่เขาไปคุยกับเทน ฉันมองตามหลังเทนไปก็เห็นเขากำลังยื่นอะไรสักอย่างให้กับเจ้าหนี้ของแม่ แล้วเจ้าหนี้ก็แสดงสีหน้าพอใจ ก่อนจะหันไปเรียกลูกน้องของตัวเองให้กลับขึ้นรถแล้วขับออกไปจากหน้าบ้านฉันทันที ทำไมจู่ ๆ ถึงยอมกลับไปง่ายๆละ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ทำท่าไม่ยอมลูกเดียว “เทนให้อะไรกับพวกนั้นเหรอ” เมื่อร่างสูงเดินกลับมาฉันก็รีบเข้าไปถามด้วยความสงสัย “ไม่มีอะไรหรอก เทนก็แค่ใช้หนี้แทนป้ากาญก็เท่านั้นเอง” เทนตอบพร้อมรอยยิ้มสดใส “ขอบคุณมากนะเทน แล้วเดี๋ยวป้าจะรีบหามาคืนให้” แม่ฉันเดินเข้ามากุมมือเทนอย่างขอบคุณ “แล้วพี่จะรีบหามาใช้คืนนะ” “ไม่ต้องรีบหรอก เทนไม่ได้เดือดร้อนอะไร อย่าคิดมากเลย” เทนส่งยิ้มหวานอย่างใจดี “ขอบคุณนะ” ฉันไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูดแล้วจริงๆ นอกจากคำว่าขอบคุณ เพราะถ้าหากเทนไม่ช่วยฉันก็ไม่รู้ว่าจะไปหาเงินสี่แสนมาจากไหน “งั้นวันนี้เทนขอฝากท้องกับฝีมือป้ากาญนะครับ” เทนยิ้มกว้างจนตาหยี่ “ได้สิลูก เทนอยากกินอะไรบอกป้าได้เลยนะ” แม่ฉันเองก็ยินดีที่จะทำอาหารให้หนุ่มข้างบ้านผู้ใจดีที่ช่วยเหลือครอบครัวฉันในวันนี้ให้รอดพ้นจากปัญหาแย่ๆ ไปได้ เทนอาสาช่วยฉันทำความสะอาดร้านขนมของแม่ที่ถูกพวกใจร้ายทำลาย และเขายังช่วยฉันนำเงินค่ามัดจำล่วงหน้าไปคืนลูกค้าด้วย เพราะว่าเราไม่สามารถทำขนมส่งลูกค้าได้ทันเวลา ลูกค้าบางคนก็เข้าใจและไม่ยอมรับเงินมัดจำคืนแถมยังให้กำลังใจฉันกับแม่อีกด้วย เมื่อกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาสองทุ่มพอดี แม่ได้เตรียมอาหารจนเต็มโต๊ะไว้รอฉันสองคน ฉันกับเทนจึงทานข้าวเย็นด้วยกันพร้อมกับแม่ ทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเป็นไปด้วยความครึกครื้น เพราะเทนชวนแม่ฉันคุยนั้นนี่แถมยังเล่าเรื่องตลกให้ฉันกับแม่ฟังอีก ความสดใสของเทนทำให้ฉันกับแม่ลืมเรื่องร้ายๆ ในวันนี้ไปได้ชั่วขณะ “กลับเข้าบ้านได้แล้วครับ” หลังจากทานข้าวเย็นเสร็จ เทนก็ขอตัวกลับ ฉันจึงเดินออกมาส่งอยู่หน้าบ้านของตัวเอง “ขอบใจนะ เทน ขอบใจจริงๆ” เมื่ออยู่ด้วยกันสองคน ฉันกล่าวขอบคุณเทน เขายืนยิ้มหวานให้ฉันอย่างอ่อนโยนมันทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจ ฉันกับแม่ต้องต่อสู้และผ่านชีวิตแสนลำบากมามากมาย ไม่มีใครยื่นมือมาช่วยเลยสักครั้ง แม้แต่คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อ ก็ไม่เคยที่จะเข้ามาถามหรือให้ความช่วยเหลือใดๆ “วันนี้ พูดคำว่า ‘ขอบคุณ’ กี่รอบแล้วครับ” เทนยิ้มให้อย่างขำๆ “พี่ไม่รู้จะขอบคุณอย่างไรดีนิ ถ้าเทนไม่อยู่ด้วยในวันนี้ พี่กับแม่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง” แล้วความรู้สึกกลัวก็พลันวูบขึ้นมากลางอกอย่างหวั่นๆ บุคคลที่ฉันเจอในวันนี้น่ากลัวมาก การที่เขากล้าทำลายข้าวของของคนอื่นได้ขนาดนี้ แสดงว่า...เขาต้องมีคนหนุนหลังที่น่าเกรงขามมากๆ แน่ ไม่งั้นคงไม่กล้าทำอะไรที่มันน่ากลัวแบบนี้หรอก “ถ้าอยากขอบคุณจริงๆ เทนขออะไรสักอย่าง...จะได้ไหม?” พูดจบมือหนาก็ยกขึ้นลูบท้ายทอยตัวเองอย่างเขินๆ “ได้สิ” ฉันยิ้มให้เทนอย่างเต็มใจ เพื่อเป็นการขอบคุณเขาจากใจจริง ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงฉันก็ยินดี “จริงนะ” เทนมีอาการดีใจจนออกนอกหน้าจนฉันแอบหวั่นเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ฉันจึงพยักหน้าให้เขาเพื่อเป็นการยืนยันคำพูด “งั้น...หลับตาก่อนสิ” หื้อ...ต้องหลับตาด้วยเหรอ เจ้าเด็กนี้คิดจะทำอะไรกันแน่ แต่ด้วยความที่เราสนิทกันมาตั้งแต่เด็กมันทำให้ฉันไม่คิดมากเลยสักนิด เพราะเทนนิสัยดี ให้เกียรติผู้หญิงเสมอ ถึงจะสงสัยแต่ฉันก็ยอมหลับตาลงตามที่เทนบอก ฟอด...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD