ตอนที่หก แผลในใจ

4201 Words
แล้วพวกผมทั้งสามคนก็ขับรถไปที่บ้านไอ้โต้ง ไม่ได้มานานแล้ว ทุกอย่างยังดูเหมือนเดิมไม่เสื่อมโทรมตามกาลเวลาเลยสักนิด คงเป็นเพราะว่าป๊ากับม้าของโต้งดูแลเป็นอย่างดี ที่นี้เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของพวกผมก็ว่าได้ พวกเราทั้งสี่คนมักจะมานอน เล่น กิน ที่บ้านหลังนี้บ่อยๆ เมื่อสมัยที่เรียนอยู่ชั้นมัธยม ผมกับเลโอเดินเข้าไปสวัสดีป๊ากับม้าของโต้งก่อนจะไปเป็นเสื้อผ้าจากชุดนักศึกษาเป็นชุดกีฬาเพื่อเล่นฟุตบอลกัน พอผมเปลี่ยนชุดเสร็จผมก็เดินมานั่งใส่รองเท้าข้างสนาม ไอ้ราเรซก็เดินมานั่งลงข้างผมด้วยซึ่งมันเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว ด้วยอารมณ์ขุ่นใจตั้งแต่ที่รู้ว่ามันไปส่งแก้มใส ทำให้ผมใช้หางตามองมันแวบหนึ่งอย่างตั้งใจ “กูไปส่งเพราะอยากขอบคุณน้องเขาโว้ย...ที่มาบอกความจริงกับกู ว่าไอ้ไผ่มันตัดหน้ารับต้าหนิงไปก่อน ไม่งั้นกูคงโกรธต้าหนิงแน่” ราเรซอธิบายโดยที่ผมยังไม่ได้เอ่ยปากถามด้วยซ้ำ มันดูออกด้วยแฮะ (ไม่ดูออกได้ไง แสดงให้เห็นซะขนาดนั้น) “ให้มันจริง” ผมแกล้งแขวะเพื่อน “นี่มึงหวงขนาดนั้นเชียว” ราเรซเหล่ตามองผมอย่างขำๆ “ของของกู” ผมยกยิ้มอย่างกวนๆ ให้มัน ราเรซจึงส่ายหน้ามาให้ผมอย่างหน่ายๆ กับคำที่แสดงเป็นเจ้าของของแก้มใสโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ “ที่มึงหวงอยู่เนี่ย หวงแก้มใสหรือหวงกู?” “มึงอยากลองไหมล่ะ” เมื่อมันกล้าเล่นมุขมาผมก็กล้าสนองสิครับ “ม่าย...กูมีต้าหนิงแล้วโว้ย...และที่สำคัญ กูรักเมียมากด้วย” “เมียเหี้ยไรมึง!” ราเรซถึงกลับสะดุ้งเมื่อโดนไอ้โต้งตะคอกถามซะเสียงดัง ขนาดผมเองยังสะดุ้งตามเลย ไอ้โต้งมันหวงน้องมันมากครับ กว่ามันจะยอมรับไอ้เรซคงโดนหมัดไอ้โต้งไปเยอะเลย แต่คนอย่างราเรซมันก็แสดงไปงั้นล่ะครับ มันไม่ได้กลัวไอ้โต้งจริงๆ หรอก “มึงนี่ ชอบแสหาตีนจริง” ผมอดที่จะแขวะมันไม่ได้ ท่าทางมันกวนตีนจริง “พวกมึงจะนั่งจีบกันอีกนานไหม ห้ะ!” ไอ้โต้งตะโกนถามอีกครั้ง มันก็ขี้หงุดหงิดแบบนี้แหละครับ ปากหมาเป็นที่หนึ่ง ใจร้อนจนไฟเรียกพี่ แต่พอเวลาอยู่กับพี่มิรินนะ จากเสือร้ายกลายเป็นแมวน้อยทันทีเลยล่ะ หลังจากที่เตะฟุตบอลจนได้เหงื่อไปตามๆ กัน พวกผมทั้งสี่ก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำ และได้คุยกันไว้ว่าจะปาร์ตี้กันต่อที่ชั้นดาดฟ้าที่ประจำของพวกเรา ผมกับเลโอจึงขับรถออกไปซื้อสิ่งของมึนเมาทั้งหลายและกับแกมเพื่อนำมาปาร์ตี้ ติ่ง! ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูที่หน้าจอเมื่อมีเสียงแจ้งเตือนข้อความไลน์เข้า เทน : เฮีย... เทน : ช่วยหน่อยดิ บิ๊กไบค์ : ช่วยไร เทน : พอดีว่าเพื่อนของเทนกำลังมีปัญหาเรื่องเงินอะ บิ๊กไบค์ : แล้ว? เทน : เทนก็เลยเอารถของเทนไปจำที่เจ้าหนี้ของเพื่อนไว้ เทน : เฮียช่วยไปเอาคืนให้หน่อย บิ๊กไบค์ : พวกมันอยู่ไหนล่ะ เทนส่งโลเคชั่นมาให้ เทน : ขอบคุณนะเฮียไบค์ เทน : แล้วเทนจะรีบหาเงินมาใช้คืนนะ บิ๊กไบค์ : เออๆ ๆ “เลโอ” ผมหันมาเรียกเลโอเมื่อคุยไลน์กับเทนเสร็จ “กูมีธุระด่วนว่ะ” “เอ้า! แล้วมึงไม่ปาร์ตี้เหรอ” “เดี๋ยวกูกลับมา มึงไปก่อนเลย” ดีนะที่ร้านสะดวกซื้ออยู่ใกล้บ้านไอ้โต้ง ไม่งั้นคงต้องปล่อยให้เลโอเดินกลับคนเดียวแล้วล่ะ ผมขับรถไปตามทางที่เทนส่งโลเคชั่นมาให้ ก็เจอกับบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งก็ใหญ่โตพอสมควรแต่ก็ยังเล็กกว่าบ้านผมอยู่ดี ผมเลื่อนมือไปหยิบปืนที่อยู่ในเกะหน้ารถออกมาติดตัวไปด้วย เพราะดูแล้วคนพวกนี้คงจะเป็นพวกปล่อยเงินกู้นอกระบบแน่ ๆ ผมก้าวลงจากรถแล้วเดินไปหาพวกลูกน้องที่ยื่นเฝ้าหน้าบ้านอยู่ มันรีบเอ่ยถามผมทันที “มาหาใคร” “มาเอารถให้น้องชาย” ผมตอบ พวกมันหันไปคุยกันสักพัก หนึ่งคนที่ยืนเฝ้าประตูก็เดินเข้าไปในบ้าน แล้วมันก็เดินกลับออกมาพูดกับผม “นายบอกว่าให้เข้าไปได้” ผมพยักหน้าให้หนึ่งทีอย่างเข้าใจ คนที่เดินออกมาบอกผมก็เดินนำกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง มันบอกให้ผมนั่งรอเจ้านายของมันอยู่ที่โซฟาของห้องรับแขก “มีธุระอะไรล่ะ พ่อหนุ่ม” นั่งรอสักพักชายร่างท้วมก็เดินมานั่งลงที่โซฟาตรงกันข้ามกับผม พร้อมด้วยผู้หญิงหุ่นแซ่บที่อยู่ในชุดบิกินนี่สองคน เมื่อพวกเธอเห็นหน้าผมต่างก็ส่งสายตายั่วยวนมาให้สุดฤทธิ์ “ผมมาเอารถของน้องผมคืน” “เอ...รถคันไหนนะ” “Kawasaki Ninja H2” “ออ...จำได้ละ แต่ว่าน้องของพ่อหนุ่มจำไว้เยอะอยู่นะ” “เท่าไหร่” ผมถามทันทีอย่างไม่ลังเล “สี่แสน” ชายร่างท้วมจ้องหน้าผมอย่างพิจารณา มันคงหวังที่จะได้เห็นสีหน้าตกใจของผมสินะ “หึ!” ผมหยิบสมุดเช็คออกมาแล้วกรอกตัวเลขลงไปตามที่มันบอกแล้วฉีกออกวางลงบนโต๊ะเลื่อนไปตรงหน้ามัน “ขอกุญแจรถน้องผมด้วย” ชายร่างท้วมหันไปพยักหน้าให้สาวสวยข้างกาย แล้วเธอก็เดินไปเปิดตูที่อยู่ด้านหลังโซฟาถือกุญแจรถออกมาส่งให้กับผม ในระหว่างที่ผมยื่นมือไปรับเธอแอบยื่นนิ้วชี้ออกมาแล้วเขี่ยหลังมือผมเบาๆ อย่างสื่อความหมาย ผมจึงฉีกยิ้มหวานแสนกระชากใจไปให้ “อะ แฮ่ม!” ชายร่างท้วงกระแอ้มเสียงดังทำให้เธอต้องรีบปล่อยมือออกแล้วถอยกลับไปนั่งข้างตาแก่หัวงูอย่างรวดเร็ว พอผมกลับไปแล้ว เธอคงโดนตาแก่นี้เล่นงานหนักแน่ที่บังอาจเล่นหูเล่นตาใส่ผม “น่าเสียดายนะครับเถ้าแก่ เราหน้าจะได้ลูกสาวบ้านนั้นมาขัดดอกด้วย” ผมยังไม่ทันได้ลุกออกจากที่นั่งเสียงลูกน้องของตาแก่นี้ก็เอ่ยพูดกับผู้เป็นนาย “นั่นสินะ ทั้งขาวทั้งหมวยขนาดนั้นเห็นแล้วมันน่าเสียดายนัก” “เพราะว่าสวยไงครับ หนุ่มน้อยนั้นถึงได้ยอมใช้หนี้แทน” บทสนทนาของตาแก่นี่กับลูกน้องทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ เทนมันบออกว่าใช้หนี้แทนแม่ของเพื่อน ไม่ยักรู้ว่าเพื่อนของมันเป็นผู้หญิง ตั้งแต่รู้จักกันมาผมยังไม่เคยเห็นมันคบเพื่อนผู้หญิงคนไหนเลย ต่างจากปอร์เช่ รายนั้นผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า “จะว่าอะไรไหม ถ้าผมจะขอสัญญากู้ยืมด้วย ยังไงผมก็จ่ายหมดแล้วนิ” ชายร่างท้วมแสดงสีหน้าไม่ค่อยจะสบอารมณ์สักเท่าไหร่แต่ก็ยอมนำสัญญานั้นมาให้ผม ผมรีบดูชื่อคนที่กู้ยืม ซึ่งนามสกุลเดียวกันกับแก้มใสเลย หรือแม่เพื่อนของเทนก็คือแม่ของแก้มใสงั้นเหรอ และลูกสาวของลูกหนี้ที่มันพูดถึงก็คือแก้มใสสินะ เวรเอ๊ย... ผมรีบเดินออกมาจากบ้านตาแก่หัวงูด้วยอารมณ์หงุดหงิดสุดๆ ถ้าหากยังนั่งอยู่ต่อนานกว่านี้มีหวังได้ควักปืนออกมายิงพวกมันไส้แตกแน่ ถ้าหากเทนไม่เข้าไปช่วย แก้มใสจะต้องเจอกับอะไรบ้างเนี่ย ทำไมเธอไม่ยอมบอกผมนะ ผมช่วยได้อยู่แล้ว ผมหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหาปอร์เช่ รอสักพักก็มีคนรับสายแต่เสียงที่ได้ยินนั้นชั่ง... “อ๊า อ๊ะ...” เอาอีกแล้วไอ้ปอร์เช่ “ว่าไงเฮีย” “แกอยู่ไหน” “โรงเรียน” “อ๊า! ปอร์เช่! เบาๆ สิ” “โรงเรียนเชี้ยไรวะ!” ผมนี่แทบอยากจะกระโดดถีบมันตามสายซะจริง “ครูครับ! หยุดครางก่อน เช่คุยโทรศัพท์ไม่รู้เรื่อง” “ปอร์เช่ก็หยุดก่อนสิ...” “ไอ้เช่! นี่ครูมึงก็ไม่เว้นเหรอ ห้ะ!” นี่มันไปเรียนหรือไปทำอะไรกันแน่ว่ะ! “ครูฝึกสอนนะเฮีย พรุ่งนี้ก็กลับบ้านไปหาแฟนเขาละ ก็เลยเลี้ยงส่งซะหน่อย” เวร...ดูมันตอบผมสิครับ ชั่งไม่กลัวเวรกรรมเอาซะเลย “แล้วเฮียมีไร” “มาเอารถไอ้เทนไปไว้ที่อู่หน่อย เฮียจะไปบ้านไอ้โต้ง” ผมพยายามไม่สนใจเสียงร้องโหยหวนนั้น มันจะสนุกอะไรขนาดนั้นว่ะ! “ได้ครับ สิบนาทีเจอกัน” ผมถอนหายใจใส่โทรศัพท์อย่างเหนื่อยหน่ายกับน้องชายตัวเอง ตั้งแต่แม่เสีย ผมก็เป็นคนดูแลปอร์เช่มาตลอด เราสองคนไม่ค่อยสนิทกับพ่อสักเท่าไหร่ เพราะพ่อชอบมีบ้านเล็กบ้านน้อย และที่ผมไม่ค่อยกลับบ้านก็เพราะแบบนี้ล่ะครับ ปอร์เช่เองก็เช่นกัน เราไม่อยากเจอบรรดาเมีย ๆ ของพ่อทั้งหลายที่จ้องจะง้าบผมกับน้อง ปอร์เช่มันเคยพลาดไปนอนกับผู้หญิงของพ่อครั้งหนึ่ง พ่อโกรธมันมาก ถึงขั้นเผารถสุดที่รักของน้องชาย ปอร์เช่เองก็โกรธพ่อเช่นกันจนถึงทุกวันนี้ ทั้งคู่ยังไม่ยอมคุยกันเลย บรื้น... “ไงเฮีย” สิบนาทีจริงๆ ปอร์เช่มากับสาวสวยคนหนึ่งซึ่งเธออยู่ในชุดนักศึกษาที่รัดติวจนผมอดคิดไม่ได้ว่าเธอจะหายใจออกหรือเปล่า “มาเร็วดีนิ นี่กุญแจ” ผมยื่นกุญแจรถไปให้ปอร์เช่ “ขอบคุณนะครับครู ที่มาส่ง” ปอร์เช่หันไปยิ้มตาหวานให้กับครูคนสวย เธอหันมาส่งยิ้มให้ผมกับปอร์เช่แล้วค่อยๆ ขับรถออกไป “คล่ำดูไม่มีหางนี่เอาหมดเลยนะมึง” ผมด่ามันซะเลย “โธ่เฮีย...จะซีเรียสไปทำไม ขำๆ น่า” แล้วปอร์เช่ก็เดินเข้าไปในบ้านหลังนั้นเพื่อไปเอารถ ผมจึงกลับขึ้นรถของตัวเองแต่ยังไม่ทันได้ออกตัว ปอร์เช่ก็ขับรถของเทนออกมาพร้อมกับสาวสวยคนหนึ่งซ้อนท้ายมันไปด้วย ถ้าจำไม่ผิด...นั้นมันผู้หญิงของไอ้แก่นั่นนิ พวกลูกน้องของตาแก่หัวงูรีบวิ่งตามปอร์เช่ออกมาและก็ทำได้แค่มองตามตาละห้อยเพราะปอร์เช่มันบิดออกไปไกลแล้ว “เชี้ย...” ผมรีบขับรถออกมาทันทีที่พวกลูกน้องของตาแก่หัวงูหันหน้ามาทางผม 20 : 40 PM. ตอนแรกผมตั้งใจจะขับรถไปที่บ้านไอ้โต้งเลย แต่ก็เกิดนึกเป็นห่วงใครบางคนขึ้นมา พอรู้ตัวอีกที่ก็มาจอดรถอยู่ที่หน้าบ้านของเธอซะแล้ว สงสัยล่ะสิ ว่าผมรู้ที่อยู่ของบ้านแก้มใสได้อย่างไร ก็ในใบสัญญาเงินกู้มันเขียนเอาไว้นะ แถมยังวาดแผนที่เอาไว้ด้วย แสงไฟสว่างทั่วตัวบ้านบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ามีคนอยู่ ผมอยากเข้าไปทำความรู้จักกับแม่ของแก้มใสจัง อยากจะแนะนำตัวเองให้ท่านได้รู้ ว่าผมนั้นแอบรักลูกสาวของแม่มานานแค่ไหนแล้ว ใช่ครับ ไม่ผิดหรอก ผมรู้ว่าความรู้สึกของผมที่มีต่อแก้มใสมันมากกว่าคำว่าชอบซะอีก ที่ผมเลือกจะบอกแก้มใสว่าชอบ เพราะผมไม่อยากให้เธอรู้สึกกดดันจนเกิดไป เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าแก้มใสยังไม่พร้อมที่จะมองใครในตอนนี้ นี่ล่ะน่า...ที่เขาพูดกันว่า แค่ได้เห็นหลังคาบ้านก็ดีใจแล้ว ผมนั่งมองบ้านแก้มใสจนพอใจและเตรียมจะเคลื่อนรถ สายตาอันเฉียบก็มองไปเห็นร่างบางแสนคุ้นตาที่เดินมาพร้อมกับร่างสูงของรุ่นน้องที่ผมสนิทด้วย เทน เหมือนจะไม่มีอะไรให้ผมต้องคิดมาก แต่ว่า...สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้ามันทำให้ผมแทบช๊อกจนไม่อาจขยับตัวไปไหน เทนโน้มตัวลงมาจูบแก้มใสต่อหน้าต่อตาผม แก้มใสเองก็เต็มใจให้เทนจูบเพราะทันทีที่เทนผละตัวออกแก้มใสก็ยืนส่งยิ้มหวานให้เทน ภาพที่ได้เห็นมันทำให้ผมรู้สึกปวดหัวใจเหมือนมีใครเอามือมาบีบมันไว้แน่นจนแทบหยุดเต้นเลยล่ะ หนึ่งเดือนต่อมา.... ติ๊ด ๆ ๆ ติ๊ด ๆ ๆ เสียงนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงดังขึ้น ทำให้ฉันต้องรีบเด้งตัวออกจากที่นอน เพราะได้เวลาที่ฉันต้องลงไปช่วยแม่เตรียมขนมไปส่งลูกค้าและได้เวลาเปิดร้านแล้วด้วย ผ่านมาแล้วหนึ่งเดือนกับชีวิตมหาลัยของฉัน การเรียนก็เริ่มเข้าที่เข้าทางขึ้นจากที่ยังมึนงงในช่วงแรกพักหลังมาเริ่มปรับตัวได้ทำให้ฉันเข้าใจอะไรมากขึ้นกว่าเดิม ตั้งแต่ที่ทะเลาะกันกับแม่วันนั้น ฉันก็รู้สึกผิดเป็นอย่างมากที่เผลอขึ้นเสียงกับแม่ ในเช้าวันต่อมาฉันจึงเข้าไปขอโทษแม่ ซึ่งแม่ก็ให้อภัยฉันทุกอย่าง แม่ไม่เคยโกรธฉันเลยถึงแม้ว่าฉันจะทำตัวแย่แค่ไหนก็ตาม ส่วนพี่บิ๊กไบค์ ตั้งแต่วันนั้น... ที่เขาเห็นเทนหอมแก้มฉัน เขาก็ไม่โผล่หน้ามาที่บ้านฉันอีกเลย ที่มหาลัยฉันก็ไม่เจอ เห็นเพียงเพื่อนๆ ในกลุ่มของเขาเท่านั้น เขาตั้งใจที่จะหลบหน้าฉัน แต่ก็ดีแล้วล่ะ ถ้าหากว่าเขาตัดใจจากฉันได้แล้วจริงๆ ถึงแม้ว่าลึกๆ แล้วฉันจะรู้สึกวูบโหวงอยู่บ้างก็เถอะ แต่ถึงอย่างไรเรื่องของฉันกับเขาคงเป็นไปไม่ได้อยู่ดีแหละ เขานั้น...อยู่สูงเกินไป คำพูดของแม่ในคืนนั้น มันทำให้ฉันรู้สึกกลัวขึ้นมา ฉันไม่มั่นใจว่าเขาจะหยุดอยู่ที่ฉันได้ พี่บิ๊กไบค์ก็แค่ชอบ...เขาไม่ได้รักฉันสักหน่อย ฉันใช่เวลาในการอาบน้ำแต่งตัวประมาณสิบห้านาทีเห็นจะได้ ก่อนจะเดินลงมายังด้านล่างแล้วเข้าไปในครัวเพื่อช่วยงานแม่ “แม่เตรียมขนมเสร็จแล้วเหรอ” พอฉันเดินลงมาก็เห็นแม่เตรียมของที่ลูกค้าสั่งไว้เรียบร้อยแล้ว นี่ฉันตั้งเวลาปลุกช้าไปเหรอ ลงมาไม่ทันช่วยแม่ซะแล้ว “ใช่จ้ะ” แม่หันมายิ้มให้แก่ฉัน “งั้นเดี๋ยวแก้มไปเปิดร้านให้นะ” พูดจบฉันก็เดินหยิบกุญแจร้านขนมที่แขวงอยู่ข้างฝาแล้วเดินออกมาจากตัวบ้านตรงไปยังร้านขนม “หวัดดีครับคนสวย” เสียงใสทักขึ้นเมื่อเขาปันรถจักรยานมาจอดอยู่หน้าร้านขนม “ทำไมวันนี้เปลี่ยนแนวซะล่ะ รถสุดที่รักไปไหน” ฉันเอ่ยถามเทนอย่างแปลกใจ ปกติเขาจะขับรถซุปเปอร์ไบค์สุดรักสุดห่วงไปไหนมาไหนตลอดนิ แต่ทำไมวันนี้ถึงได้ปั่นรถจักรยานมา และพอโดนฉันถามถึงรถ เทนก็มีอาการแปลกๆ เขาตั้งใจหลบสายตาของฉัน “พอดีว่า รถเสียนะ อยู่อู่ซ่อมยังไม่ได้ไปเอาเลย” ถ้าฉันไม่ได้ตาฝาดนะ ฉันเห็นสายตาของเทนหวั่นแปลกๆ เหมือนเขาโกหกเลย “จริงเหรอ” ฉันใช้สายตาจ้องเทนอย่างจับผิด ฉันกับเทนโตมาด้วยกัน ทำไมฉันจะดูไม่ออกว่าเทนกำลังปิดบังบางอย่างฉันอยู่ “เออนี่ ได้เวลาไปส่งขนมแล้วนิ ไม่รีบไปเหรอ” “จริงด้วย!” ฉันมัวแต่จับผิดเทนจนลืมไปเลยว่าต้องรีบไปส่งของ เทนช่วยฉันไปส่งของให้ลูกค้าจนครบทุกคน เราไม่ได้มาด้วยรถจักรยานหรอกนะ พอรู้ว่าต้องรีบไปส่งของเทนก็พาฉันปั่นจักรยานมาเรียกรถแท็กซีที่ปากทางเข้าหมู่บ้านแล้วเขาก็ฝากรถจักรยานไว้กับพี่วินมอไซร์ที่เขารู้จัก ปกติในเวลาเร่งรีบแบบนี้เทนมักจะพาฉันมาด้วยรถซุปเปอร์ไบค์ของเขาแต่ตอนนี้มันอยู่อู่ซ่อมซะแล้ว “ขอบใจมากนะ” ฉันหันไปบอกกับเทนเมื่อเขาลงจากรถแท็กซี่แล้วเดินมาส่งฉันถึงหน้ามหาลัย “เปลี่ยนจากขอบคุณเป็นอย่างอื่นบ้างก็ดีนะ” ฉันย่นคิ้วเข้าหากัน ก่อนจะยกมือขึ้นฟาดลงที่ต้นแขนเทนอย่างหมั่นไส้ “อย่าเยอะ เจ้าเด็กน้อย” ฉันรู้ทันหรอกย่ะ! ร่างสูงยืนขำขันอย่างชอบใจที่โดนฉันดุ “ล้อเล่นน่า...เทนไปเรียนก่อนนะ” แล้วเทนก็เดินกลับขึ้นรถแท็กซี่ไปด้วยรอยยิ้มแสนทะเล้น “สรุปแล้ว...เลือกเจ้าเด็กนั่นสินะ ลืมไอ้โต้งแล้วหรือไง เห็นหนักแน่นนักหนา ทำไมถึงได้เปลี่ยนใจแล้วล่ะ” ฉันหันขวับไปมองเจ้าของน้ำเสียงเหน็บแนมนั้น พร้อมกับชักสีหน้าใส่อย่างไม่พอใจในคำพูดของเขา “ยังเลือกไม่ได้เลยค่ะ” ด้วยความโมโหฉันจึงเชิดหน้าตอบอย่างอวดดี อะไรของเขาก็ไม่รู้ หายหน้าไปเป็นเดือน พอเจอหน้ากันทีก็แขวะกัดฉันซะได้ “เลือกมาก ระหว่างไม่มีให้เลือกนะ” พี่บิ๊กไบค์ยืนกอดอกแล้วจ้องหน้าฉันด้วยสายตาเรียบนิ่ง “ขอบคุณที่เตือนค่ะ” ฉันเชิดหน้าตอบอีกครั้งพร้อมกับเดินเฉียดร่างหนาไปอย่ารวดเร็ว ไปกินอาหารบูดมาหรือไงนะ ถึงได้ตั้งท่าหาเรื่องฉันแต่เช้าแบบนี้ ไม่เข้าใจเขาเลยจริงๆ ฉันเดินเข้าห้องเรียนด้วยอารมณ์หงุดหงิดสุดๆ ที่โดนคนบ้าพูดจาหาเรื่องแต่เช้า ทำให้ฉันไม่มีสมาธิในการเรียนเลยในวันนี้ Rrrrrrrrrrrr “สวัสดีค่ะ” ฉันกดรับสายโดยที่ไม่ได้มองหน้าจอ เพราะอารมณ์ยังขุ่นๆ อยู่ “แก้มใสใช่มะ” เสียงดัดที่เหมือนจะพยายามให้เป็นเสียงผู้หญิง สาวประเภทสองสินะ “ใช่ค่ะ” ฉันตอบกลับอย่างงงๆ นี่เขารู้จักชื่อฉันได้ยังไง “พี่ชื่อร๊อกกี้นะ คืองี้นะ พี่กำลังหาพริตตี้อยู่นะ แล้วพอดีว่า มีคนแนะนำให้พี่โทรหาน้องแก้มใส เขาบอกว่าน้องแก้มใสกำลังหางานพิเศษทำอยู่พอดี” ใครกัน? ที่แนะนำงานนี้มาให้ “ตกลงน้องแก้มใสสนใจหรือเปล่า” “คือว่า...” ฉันไม่รู้จักคนที่ชื่อร็อกกี้แล้วฉันจะกล้ารับปากได้ไง “นี่ ขาวใสอย่างแก้มใสนี่พี่ให้หมื่นหนึ่งเลยนะ แค่ยืนถือร่มให้กับพวกนักแข่งเอง เห็นว่าผิวสวยดี ปกติไม่ให้ถึงหมื่นหรอกนะสำหรับมือใหม่นะ” งานง่ายขาดนั้นเลยเหรอ แถมค่าจ้างแพงด้วย พอได้ยินจำนวนเงินมันก็ทำให้ปากที่กำลังจะบอกปฏิเสธไปรีบหุบลงทันที ถ้าเงินดีขนาดนี้ อีกหน่อยฉันก็ใช้หนี้เทนได้แล้วสิ แต่เดี๋ยวนะ! พี่ร็อกกี้บอกว่าฉันผิวดี เขาเคยเห็นฉันด้วยเหรอ “พี่เคยเห็นแก้มด้วยเหรอคะ ถึงบอกว่าผิวแก้มดี” “ออ คนที่แนะนำแก้มใสให้กับพี่อ่ะ เอารูปให้ดูแล้วล่ะ” อย่างนี้นี่เอง “แล้วงานเริ่มวันไหนคะ” ฉันถามกลับด้วยความสนใจสุดๆ “วันนี้ค่ะ” “ห้ะ!” หลังจากที่เรียนคลาสสุดท้ายเสร็จฉันก็เดินตามต้าหนิงมานั่งลงที่ม้าหินอ่อนข้างตึกคณะ “คิดอะไรอยู่ต้าหนิง” เห็นต้าหนิงนั่งเหม่อฉันจึงทักให้เธอรู้สึกตัวก่อน “กำลังคิดอะไรเพลินๆ นะ” ต้าหนิงตอบ “ต้าว่างไหม รีบกลับบ้านหรือเปล่า” ฉันลังเลนิดหน่อยก่อนจะเอ่ยถามเพื่อน “มีอะไรเหรอ” “คือว่า... แก้มน่ะ รับงานพริสตี้ที่สนามแข่งรถไว้ ก็เลยอยากให้ต้าไปเป็นเพื่อนหน่อย แต่ถ้าต้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไร” “ว่างสิ เดี๋ยวต้าไปเป็นเพื่อน” ต้าหนิงตอบตกลงทันที ถึงจะดีใจที่ได้ทำงานที่มีค่าจ้างแพงขนาดนี้ แต่ฉันก็ไม่อาจไว้ใจคนที่โทรมาหาได้ กลัวจะโดนหลอกอ่ะ ก็เลยชวนต้าหนิงไปเป็นเพื่อน อย่างน้อยๆ ถ้าเกิดปัญหาขึ้น ฉันก็ยังมีเพื่อนอยู่ด้วย ดีกว่าต้องไปคนเดียว สนามแข่งรถ...บีพี เรซซิ่ง “น้องแก้ม มาพอดีเลย ไปเปลี่ยนชุดเร็ว” พอมาถึงฉันก็โดนพี่ประเภทสองคนหนึ่งลากไปแต่งตัว ฉันยังงงๆ อยู่ว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าฉันคือแก้มใส หรือว่าเขาคือพี่ร็อกกี้ และก็ใช่อย่างที่คิดเพราะฉันได้ยินพริสตี้คนอื่นๆ เรียกเขาว่าพี่ร๊อกกี้ “โอ้ะ ขาว ใส หมวย มาก นี่ใครคะ” พี่ร็อกกี้หันไปมองต้าหนิงก่อนจะหันกลับมาถามฉัน “เพื่อนแก้มเองค่ะ พี่ร็อกกี้” “สนใจเป็นพริตตี้ไหม” พี่ร็อกกี้หันไปถามต้าหนิง “ไม่ดีกว่าค่ะ ต้าไม่ถนัด” สามสิบนาทีต่อมา “สวยจังเลย แก้มใส” ต้าหนิงออกปากชมทันทีที่ฉันเดินออกมาหาเพื่อน “แต่แก้มว่ามันโป๊ไปนะ” ฉันหันไปบอกเพื่อน ชุดมันทั้งรัดรูปและบางเบาแถมยังเปิดนั้นเปิดนี้โชว์ส่วนเว้นส่วนโค้งจนฉันรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ยังก็ไม่รู้ “ไม่หรอกค่ะ ตัวเล็กๆ แบบนี้ มันไม่ดูโป๊หรอก ออกจะน่ารักซะมากกว่า” พี่ร็อกกี้พูดแทรกขึ้น “ว้าว... เด็กใหม่เหรอพี่ร็อกกี้” เสียงผู้ชายหน้าตาหล่อเหลา ผิวขาวเนียน ยิ้มหวานส่งมาให้ฉันกับต้าหนิงจนตาหยี่ ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นน้องพวกฉัน เพราะหน้ายังเด็กอยู่เลย อายุน่าจะประมาณ 14-15 ได้ “อ้าว... น้องปอร์เช่ เข้ามาทำอะไรคะ นี่มันห้องแต่งตัวสาวๆ นะค่ะ” พี่ร็อกกี้แกล้งทำทีเป็นดุ แต่ก็ไม่ได้ไล่หนุ่มน้อยคนนี้ออกไปจริงๆ “หวัดดีครับ สาวสวย” หนุ่มน้อยปอร์เช่เดินเข้ามาทักทายฉันกับต้าหนิง “ดีค่ะ/ค่ะ” “ผมชื่อ ปอร์เช่ นะครับ” ปอร์เช่แนะนำตัว “แล้ว... จะไม่บอกชื่อหน่อยเหรอ” ฉันกับต้าหนิงหันมามองหน้ากันเลิ่กลั่ก ก่อนจะหันไปยิ้มบางๆ ให้กับปอร์เช่ ก็จะไม่ให้ตื่นได้ไง ก็หนุ่มน้อยปอร์เช่เล่นหูเล่นตาใส่ฉันกับต้าหนิงซะขนาดนี้ เด็กๆ ยังขนาดนี้ โตเป็นหนุ่มจะขนาดไหนเนี้ย “ชื่อแก้มใสค่ะ” “ต้าหนิงค่ะ” “ว้าว... ชื่อน่ารักจัง” ปอร์เช่ส่งยิ้มกระชากใจมาให้ “ปอร์เช่ เฮียให้มาตามไปดูรถหน่อย” เสียงผู้ชายคนหนึ่งเรียกปอร์เช่ และนั้นก็ทำให้ฉันมีสีหน้าแปลกใจไม่น้อยที่ได้เจอเขาในสถานที่นี้ด้วย “เฮียมาแล้วเหรอ พี่เทน” ปอร์เช่หันไปคุยกับเทน รู้จักกันด้วยเฮะ เทนหันมามองฉันด้วยอาการตะลึงนิดหน่อยก่อนจะส่งยิ้มมาให้ฉัน “ไปก่อนนะ สาวๆ แล้วเจอกันที่สนาม” ปอร์เช่หันมาขยิบตาให้ฉันกับต้าหนิงหนึ่งที แล้วก็เดินตามเทนไป สงสัยเทนจะมาทำงานเหมือนกันเพราะเขาอยู่ในชุดเอี๊ยมหมีในแบบที่ช่างซ่อมรถเขาใส่กัน “ปะ สาวๆ ออกไปทักทายสายตาผู้ชายกัน” พี่ร็อกกี้เดินมาดันหลังฉันกับพริตตี้คนอื่นๆ ให้ออกมายังด้านนอก ฉันมองไปรอบๆ ก็เจอกับผู้คนมากมายนั่งอยู่บนสแตนด์ เพื่อรอชมการแข่งรถ ซึ่งการแข่งวันนี้จะเป็นการแข่งรถจักรยานยนต์คันใหญ่หรือ ซูปเปอร์ไบค์ พี่ร็อกกี้ถือร่มยื่นมาให้ฉันและพริตตี้คนอื่นๆ เหล่าสาวพริตตี้ต่างก็ทำงานของตัวเองอย่างคล่องแคล่ว ซึ่งต่างจากฉันที่เป็นมือใหม่ยังงงๆ อยู่เลยว่าตัวเองต้องทำอะไรบ้าง พี่ร็อกกี้คงเห็นว่าฉันทำอะไรไม่ถูกจึงเดินมาแนะนำแล้วดันหลังฉันให้ไปยืนกางร่มให้กับรถซุปเปอร์ไบค์สีน้ำเงินคันหนึ่ง ซึ่งมีนักแข่งนั่งประจำอยู่ในชุดของนักแข่งสีน้ำเงินคาดขาวกับหมวกกันน็อกเต็มใบสีเดียวกับชุด เขาเลื่อนกระจกหมวกกันน็อกขึ้นเห็นเพียงดวงตาแล้วหันมามองหน้าฉัน หัวใจฉันรู้สึกวูบไหวแปลกเมื่อได้สบตากับเขา ทำไมถึงได้รู้สึกคุ้นดวงตาคู่นี้จังนะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD