บิ๊กไบค์
ผมเดินกลับมาที่อู่อย่างหัวเสีย เพราะแก้มใสชิ่งหนีไปกับเทนซะก่อน แถมยังมีหน้าหันมาแลบลิ้นใส่ผมอีก เดี๋ยวเหอะ! ยัยตัวเล็ก เดี๋ยวได้แลบลิ้นทั้งวันทั้งคืนแน่ ชอบท้าท้ายผมดีนัก
ตุบ!
“โอ๊ย!” เสียงปอร์เช่ร้องลั่นอู่เมื่อมันโดนผมเตะก้นเข้าให้อย่างจัง เพราะมันตัวเดียว พล่ามเรื่องไร้สาระไม่อยู่จนทำให้แก้มใสเข้าใจผมผิดไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ กำลังจะดีอยู่แล้วเชียว
“เตะเช่ทำไมอ่ะ!” ปอร์เช่กระโดดไปหลบอยู่หลังเพื่อนของมันทันทีซึ่งก็เป็นสมาชิกในอู่ของผมนี่แหละ
“เฮียไม่กระทืบก็ดีแล้วไหม ชอบพล่ามดีนัก!” ผมจ้องหน้าน้องชายอย่างเอาเรื่อง มันต้องดุกันหน่อยครับ เล่นอะไรไม่ดูตาม้าตาเรือ การเล่นของมันสร้างปัญหาให้ผมได้ตลอดเลย
“โธ่เฮีย เช่ก็พูดเล่นไปงั้นแหละ เด็กเฮียจะจริงจังไปไหน ใช่มะ” ท้ายประโยคมันหันไปขอความเห็นจากคนอื่นๆ แต่ทุกคนก็พร้อมใจกันเมินปอร์เช่อย่างไม่ได้นัดหมาย ทุกคนกลัวผมหมดล่ะครับ ยกเว้นไอ้น้องเวรนี่
“อย่าพูดอะไรที่มันไร้สาระอีก เพราะเฮียไม่อยากให้แก้มใสของเฮียคิดมาก”
“อยากอ้วกจัง แก้มใสของเฮีย...” ปอร์เช่พูดจาล้อเลียน ผมทำท่าจะเดินเข้าไปหามันอีกรอบ ปอร์เช่ก็รีบแจ้นหนีไปก่อนแล้วล่ะ ขนาดพึ่งโดนผมเตะไปอยู่แมพ ๆ มันไม่มีความสลดเลยสักนิดเดียว
เมื่อลงโทษตัวการของความวุ่นวายแล้ว ผมก็เดินเข้าไปหยิบกุญแจรถสปอร์ตคู่ใจออกมาจากห้องทำงานแล้วรีบขับรถไปยังบ้านของแก้มใส
พอมาถึงก็เจอแก้มใสกำลังยืนคุยกับเทนอยู่หน้าบ้านพอดี สงสัยพึ่งมาถึงเหมือนกัน นั่งดูสถานการณ์อยู่สักพักก็เห็นทั้งคู่กุมมือกันพร้อมกับจ้องหน้าด้วยสายตาอันลึกซึ้ง ผมไม่ทนนั่งดูอีกต่อไปรีบลงจากรถแล้วเดินไปหาทั้งคู่และแสดงความเป็นเจ้าของแก้มใสด้วยการกอดคอคนตัวเล็กอย่างสนิทสนม เทนเหวอไปพักหนึ่งก่อนจะปรับสีหน้าเป็นยิ้มแย้ม
ขอโทษนะเทน แต่คนนี้ของเฮียว่ะ! เฮียหวงมากด้วย ถึงเราจะสนิทกันแค่ไหน ถ้าเป็นแก้มใสเฮียยอมไม่ได้จริงๆ ผมพยายามบอกเทนผ่านสายตาที่กำลังจ้องมองกันอยู่ เทนส่งคำถามมาให้ ผมก็ตอบไป ว่าคนนี้ของเฮีย...
ผมบอกสถานะของเราให้เทนได้รับรู้ เทนจึงยิ้มให้เราด้วยความยินดี ไอ้ผมก็แอบลุ้นอยู่ในใจ มีแอบกลัวว่าเทนจะไม่ยอมหลีกทางให้ ผมไม่อยากต้องมาแข่งเรื่องหัวใจกับน้องคนสนิทสักเท่าไร เพราะมันจะทำลายมิตรภาพที่ดีของเรา และผมเองแหละ ที่จะเป็นคนทำลาย ถ้าหากว่าเทนไม่ยอมถอยจริงๆ
“เทนกลับแล้วเหรอ” แก้มใสเอ่ยถามขึ้น พร้อมกับเดินมานั่งลงข้างผม ไอ้ผมก็แอบเคืองแก้มใสอยู่หน่อยๆ จึงแกล้งมองนั้นมองนี้ไม่ยอมคุยกับแก้มใส
จะไม่ให้เคืองได้ไงล่ะ ในเมื่อแก้มใสโกหกแม่เรื่องรถของผม ถึงผมจะไม่ค่อยเข้าใจในเหตุผลก็ตาม แต่ก็ยอม เออ ออ ห่อหมกไปด้วย เพราะโดนแก้มใสขู่นิดๆ
“ถ้าไม่พูดกับแก้ม แก้มจะเข้าบ้านล่ะนะ”
“ว้าย!”
ผมรีบหันกลับมาแล้วคว้าเอวบางให้มานั่งตักอย่างรวดเร็ว เพราะแก้มใสลุกขึ้นและกำลังจะเดินเข้าบ้านจริงๆ
“พี่งอนอยู่นะ ง้อกันหน่อยก็ไม่ได้” ผมแกล้งทำหน้าง้อใส่อย่างเต็มที่
“งอนเรื่อง?” แก้มใสมองหน้าผมด้วยรอยยิ้มแสนหวาน ผมนี่แทบจะเผลอยิ้มตามอยู่ล่ะ ดีนะ ที่ดึงสติกลับมาได้ทัน ไม่งั้นติดกับคนตัวเล็กแน่ ๆ
“เชอะ!” ผมรับสะบัดหน้าหนีก่อนที่จะหลงกลแก้มใสเข้า
“พี่ไบค์ไม่รักแก้มใสแล้วเหรอ ถึงได้งอนกันแบบนี้” มือเล็กยื่นเข้ามาจับใบหน้าของผมให้หันกลับมาหาเธอ แก้มใสจ้องตาผมด้วยสายตาอันใสซื่อ
“อย่ามองใครด้วยสายตาแบบนี้นะ” ตั้งใจจะงอนเขา แต่กลับเป็นตัวเองที่ทนไม่ได้จนต้องจุ๊บที่หน้าผากมนไปหนึ่งทีให้หายหมั่นเขี้ยว ไม่งงไม่งอนมันล่ะ เสียเวลาสวีทหมด
“หายงอนแล้วเหรอ คริ ๆ ๆ” แก้มใสหัวเราะชอบใจที่ทำให้ผมเป็นฝ่ายยอมเธอได้
“เจอสายตาแบบนี้ ใครจะไปงอนลงล่ะ” ผมกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นพร้อมกับยื่นปลายคางคลอเคลียต้นคอแก้มใสอย่างหยอกล้อ
“พี่ไบค์! มันจักจี้นะ” แก้มใสพยายามหดคอหนี แต่ก็หนีไม่พ้นซะหรอก
“ขอนอนด้วยได้ไหม” ผมเอ่ยขอด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“ไม่ค่ะ”
“ใจร้ายอ่ะ”
“คนเจ้าเล่ห์ แก้มไม่ไว้ใจ” แก้มใสหันหน้ามาทำจมูกย่นใส่
“แค่นอนเฉยๆ เอง พี่ไม่ทำอะไรหรอก นะๆ ๆ” ผมยื่นจมูกเข้าไปใกล้เพื่อหวังจะหอมแก้มเนียน แก้มใสรีบเอียงหน้าหนีอย่างรู้ทัน
“ไม่ต้องเลย คนบ้า”
“นิดหน่อยก็ไม่ได้...” ได้แต่โอดครวญพลางทำหน้าเศร้าสุดขีด เผื่อว่าแก้มใสจะเห็นใจบ้าง
แก้มใสส่ายหน้าให้อย่างกับรู้ว่าผมแกล้งทำน่าเศร้า เธอไม่ยอมหลงกลผมง่ายๆ ผมจึงแอบเลื่อนมือผ่านทางชายเสื้อยืดตัวบางของแก้มใส ส่งนิ้วชี้ไปวนเล่นกับสะดือบุ๋ม มือเล็กรีบตะครุบมือหนาทันที และในจังหวะที่แก้มใสเผลอ ผมจึงแอบหอมแก้มเนียนไปฟอดหนึ่ง ทำให้แก้มใสหันหน้ามาส่งตาเขียวใส่อย่างเคืองๆ ที่โดนผมหอมแก้ม
“คนเจ้าเล่ห์” ผมยิ้มรับหน้าระรื่น ยิ่งทำให้แก้มใสหมั่นใส่เข้าไปอีก
“ดึกแล้วนะ เมื่อไหร่จะกลับบ้านคะ”
“ก็ได้ครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่มารับนะ”
“ค่ะ”
แก้มใสลุกขึ้นยืนและรั้งให้ผมลุกขึ้นตามด้วย เราเดินจับมือกันจนมาถึงหน้าบ้าน บรรยากาศยามดึกของบ้านแก้มใสเงียบสงบดีมาก ต่างจากคอนโดของผมซึ่งมันติดถนนใหญ่ถึงจะในห้องแล้วเงียบก็เถอะ แต่มันก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกธรรมชาติแบบนี้
“ขับรถกลับดีๆ นะคะ”
“ครับ ถึงแล้ว พี่จะโทรหานะ”
“พี่ไบค์มีเบอร์แก้มด้วยเหรอ” แก้มใสจ้องหน้าอย่างสงสัย ก็ต้องสงสัยล่ะ ในเมื่อผมไม่เคยขอกับเจ้าตัวนิ แต่มันก็ไม่เกินความสามารถที่จะหา ก็แค่เบอร์โทรเอง
“พี่ให้ไอ้เรซ ขอต้าหนิงมาให้นะ ว่าจะโทรหาหลายครั้งล่ะ แต่ก็ไม่กล้า” ผมสารภาพออกไปตามตรง
“แล้วตอนนี้ กล้าโทรแล้วเหรอคะ” แก้มใสเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“มากกว่านี้...ก็ยังกล้าทำมาแล้วนิ” ผมโน้มหน้าลงไปกระซิบบอกข้างหู ทำให้แก้มเนียนมีสีแดงระเรื่อขึ้นมาทันที
“กลับไปได้แล้ว” แก้มใสรีบดันหลังให้ผมเดินขึ้นรถเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอายของตัวเอง
นี่สินะ ความสุข...ผมกล้าพูดได้เต็มปากเลย ว่าตอนนี้ผมมีความสุขมาก ตลอดเวลาหลายปีผ่านมานี้ ผมไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว ตั้งแต่ที่ผมเสียแม่ไป ไม่มีผู้หญิงคนไหนทำให้ผมยิ้มได้ จนเมื่อผมได้มาพบกับแก้มใสตอนที่เรียนอยู่มัธยมปลาย ผมประทับใจรอยยิ้มแสนสดใส และดวงตากลมโตที่ใสซื่อบริสุทธิ์ เธอทำให้ผมเผลอยิ้มตามทุกครั้งที่ได้เห็น... ผมตัดสินใจบอกความในใจกับแก้มใสในวันที่ผมเรียนจบ แต่ก็โดนเธอปฏิเสธกลับมาเพราะแก้มใสแอบชอบไอ้โต้งอยู่ ตอนนั้นผมตัดใจไปแล้วนะ แต่พอได้เจอแก้มใสอีกครั้ง มันก็ทำให้ผมอยากจะลองดูอีกสักครั้ง และมันก็สำเร็จเพราะแก้มใสยอมเป็นแฟนกับผมสักที....
เช้าวันรุ่งขึ้น
นาฬิกาปลุกส่งเสียงดังเมื่อถึงเวลาตีห้า ฉันรีบลุกออกจากเตียงนอนเข้าไปชำระร่างกายในห้องน้ำ และแต่งตัวในชุดนักศึกษา ก่อนจะลงมายังด้านล่างเพื่อมาช่วยงานแม่
“อันนี้ยกไปไว้ตรงไหนครับ”
“เอาวางไว้บนโต๊ะเลยลูก อย่าลืมใช้ผ้าลองมือก่อนนะ มันร้อน”
เมื่อฉันเดินลงมายังชั้นล่างก็ได้ยินเสียงสนทนาดังมาจากในครัว ฉันจึงรีบเดินไปดู และก็เจอกับร่างสูงแสนคุ้นตาอยู่ในชุดนักศึกษา เขากำลังช่วยแม่ยกหม้อนึ่งขนมใบใหญ่ออกจากเตาแล้วนำมาวางไว้บนโต๊ะ
“ลองชิมดูสิลูก” แม่หยิบขนมออกมาจากหม้อนึ่งหนึ่งห่อแล้วนำมาใส่จานก่อนจะยื่นไปให้คนตัวสูง
“อื้อ! อร่อยมากเลยครับ นี่เขาเรียกว่าอะไรเหรอครับ”
“ขนมตาลจ๊ะ ไม่เคยทานล่ะสิ อะๆ ค่อยๆ กินลูก เดี๋ยวติดคอ” แม่ลูบหลังให้พี่บิ๊กไบค์เมื่อเขาตักขนมชิ้นโตใส่ปาก ฉันจึงเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นออกมารินใส่แก้วแล้วส่งให้เขา พี่บิ๊กไบค์รีบรับแก้วน้ำไปยกดื่มทันที
“แก้มมาพอดีเลย เดี๋ยวแม่ไปจัดขนมที่ร้านก่อนนะ แม่ฝากจัดการตรงนี้ต่อก็แล้วกัน” แม่หันมาบอก ก่อนจะยกถาดขนมไปที่หน้าบ้าน
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” ฉันเอ่ยถามขึ้นเมื่อพี่บิ๊กไบค์กลืนขนมตาลลงคอเรียบร้อยแล้ว
“ก็ สักพักแล้วล่ะ”
“ทำไมมาเช้าจัง” ฉันนึกว่าเขาจะมาสายกว่านี้ นี่เขาตั้งใจมาทำคะแนนกับแม่ฉันใช่ไหมเนี่ย ฉันยืนจ้องหน้าพี่บิ๊กไบค์ด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทำไมเขาถึงดีกับฉันขนาดนี้ เขาทำให้ฉันรู้สึกดีมากๆ เลย ฉันดีใจที่ได้เห็นเขาในเช้าวันนี้
“ทำไมมองหน้าพี่แบบนั้นล่ะ ไม่สบายเหรอ” พี่บิ๊กไบค์โน้มหน้าลงมาจ้องตาฉันในระยะประชิด พร้อมกับมือหนาวางพาดบนหน้าผากของฉัน ตาคมแสดงออกถึงความห่วงใยฉันอย่างชัดเจน หัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่ได้สบตาคมคู่นี้ มันมีเสน่ห์ที่น่าหลงใหลจนฉันไม่อาจล่ะสายตาได้
“อยู่แบบนี้นานๆ นะคะ” ฉันโผเข้ากอดร่างสูงอย่างลืมอาย พี่บิ๊กไบค์ถึงกลับอึ้งไปเล็กน้อยที่จู่ ๆ ก็โดนฉันกระโดดกอดโดยไม่ทันตั้งตัว
“ตลอดชีวิตพี่ก็ยังได้เลย” แขนหนาตวัดกอดกลับคืนอย่างอบอุ่น ฉันซบหน้าเข้ากับอกแกร่งเพื่อซึมซับไออุ่นจากร่างหนา ฉันโหยหาความรู้สึกแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว ฉันอยากมีใครสักคนเข้ามาในชีวิต เข้ามาทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นและรู้สึกปลอดภัย จะเร็วไปไหม...ถ้าหากฉันจะบอกว่า ฉันเริ่มตกหลุมรักพี่บิ๊กไบค์เข้าแล้ว
หลังจากที่รับประทานอาหารเช้าเสร็จ พี่บิ๊กไบค์ก็พาฉันปั่นจักรยานมาที่หน้าหมู่บ้าน เพราะเขาจอดรถตัวเองไว้ที่นั่น เขาคงกลัวว่าแม่จะเห็นถึงได้จอดไว้หน้าหมู่บ้านแล้วเดินมายืมรถจักรยานของเทน
“จอดไว้ตรงนี้จะหายไหม” พี่บิ๊กไบค์หันมาถามเมื่อเขาพยายามซ่อนรถจักรยานไว้หลังต้นไม้ใหญ่
“เอาไปฝากวินมอไซค์ไว้ก็ได้ค่ะ”
“ฝากไว้ได้เหรอ” พี่บิ๊กไบค์ถามอย่างชั่งใจ
“ได้ค่ะ”
เมื่อฉันยืนยันพี่บิ๊กไบค์จึงจูงรถจักรยานไปฝากพี่วินมอไซค์ไว้ก่อนจะเดินไปร้านขายของชำใกล้ๆ กับวิน จากนั้นพี่บิ๊กไบค์ก็นำพวกเครื่องดื่มและน้ำอัดลมมาแจกให้พี่ๆ วินมอไซค์ทุกคนก่อนจะเดินกลับมาหาฉัน
“ใจดีจังนะ” ฉันเอ่ยแซวเมื่อพี่บิ๊กไบค์เดินมาถึงตัว
“น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ นะ” พี่บิ๊กไบค์บอก
จะทำให้ฉันหลงให้ได้เลยใช่ไหม ฉันมองร่างสูงตรงหน้าด้วยรอยยิ้มที่ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะยิ้มได้บ่อยขนาดนี้ ทั้งที่ส่วนใหญ่ฉันยิ้มแค่ตอนอยู่กับแม่ กับเพื่อน และกับพี่โต้ง แต่ตอนนี้ ไม่ใช่แบบนั้นอีกต่อไปแล้ว
รถสปอร์ตสีส้มจอดสนิทที่ลานจอดของมหาลัย แต่ฉันกลับนั่งนิ่งอยู่กับที่ไม่ยอมลงจากรถ ใช่ว่าฉันติดใจในการนั่งรถหรูหรอกนะ แต่ฉันกลัวสายตาผู้หญิงในมหาลัยต่างหาก ถ้านักศึกษาสาวๆ เห็นฉันลงจากรถคันนี้และมีผู้ชายรูปหล่อที่พวกเธอแอบปลื้มอยู่ยืนข้างๆ พวกสาวๆ ต้องไม่พอใจแน่ แต่ว่า...นั่นก็แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ฉันกังวล แต่สิ่งที่ฉันแอบกังวลจริงๆ คือเพื่อนของฉันต่างหาก โดยเฉพาะต้าหนิง มีหวังฉันโดนยัยเพื่อนสนิทซักถามเป็นหางว่าวแน่ ๆ เลย
“เป็นอะไรไป” พี่บิ๊กไบค์เอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นฉันนั่งเงียบและไม่ยอมลงจากรถ
“แก้มแค่...รู้สึกกังวลนิดหน่อยค่ะ” ฉันหันไปบอกพี่บิ๊กไบค์ตามตรง
“กังวลอะไรครับ”
“ก็...กลัวว่าสาวๆ ที่แอบปลื้มพี่ไบค์อยู่จะมาแหกอกแก้มนะสิ”
“ไม่ต้องกลัวไป เพราะพี่ไม่ปล่อยให้ใครมาทำอะไรแก้มหรอก” พี่บิ๊กไบค์ยกมือหนาขึ้นมาวางบนหัวทุยของฉันพร้อมกับโยกไปมาอย่างเอ็นดู
“แล้วเรื่องแหกอก... ให้พี่ทำคนเดียวก็พอล่ะ”
“ทะลึ่ง!” ฉันฟาดแขนหนาไปหนึ่งทีโทษฐานที่ชอบพูดจาชวนคิดลึก พี่บิ๊กไบค์หัวเราะชอบใจเมื่อพูดจากวนฉันได้สำเร็จ
เมื่อแกล้งฉันจนพอใจพี่บิ๊กไบค์ก็เดินลงจากรถแล้วอ้อมมาเปิดประตูให้ฉัน เอาวะ! ใครจะมองยังไงก็ชั่งเหอะ ในเมื่อผู้ชายคนนี้เขาเป็นแฟนฉันนิ ไม่เห็นจะต้องกลัวอะไรเลย พอฉันก้าวลงจากรถได้พี่บิ๊กไบค์ก็ยื่นมือเข้ามาโอบเอวฉันทันที
“ไม่ต้องชิดขนาดนี้ก็ได้” ฉันแอบโวยเล็กน้อย ฉันเขินเป็นนะ ทำอะไรของเขาเนี้ย