“นี่แก้มใส เมียเฮียเอง”
“พูดอะไรของพี่น่ะ! น้อง ๆ พี่จะมองแก้มเป็นคนยังไงเนี่ย” ฉันหันไปโวยกับพี่บิ๊กไบค์ แต่เขากลับยืนยิ้มหวานไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด
“ไม่ต้องเขินไปหรอกน่า...พี่สะใภ้ เพราะคนอย่างเฮียไบค์ไม่เคยปล่อยผู้หญิงหลุดมืออยู่แล้ว” ปอร์เช่บอก นั้นยิ่งทำให้ฉันโมโหขึ้นไปอีก
“พูดไรวะ! ไอ้น้องเวร!” พี่บิ๊กไบค์รีบหันไปทะเลาะกับปอร์เช่ทันที
“นี่ก็ไม่ต้องเขินไป เช่พูดความจริง ฮ่า ๆ ๆ ๆ” แล้วพี่บิ๊กไบค์ก็ยื่นมือยาวๆ อีกข้างที่ว่างอยู่ไปขว้าคอเสื้อปอร์เช่เอาไว้ก่อนจะกระชากแรง ทำให้ร่างสูงของปอร์เช่ที่เกือบจะสูงเท่าพี่บิ๊กไบค์อยู่ล่ะ ต้องถล้ำมายืนข้างพี่บิ๊กไบค์อย่างไม่เต็มใจ
“แหม่...เฮีย...เช่ล้อเล่น” ปอร์เช่รีบพูดจาอ้อนพี่ชาย เพราะเริ่มเห็นชะตากรรมอันเลวร้ายข้างหน้าแล้ว
“แก้มกลับก่อนนะคะ” ฉันสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของมือหนาด้วยความหงุดหงิด ฉันก็ไม่ได้อยากจะโกรธเขาหรอกนะ แต่พอเรื่องมันเข้าหูแล้วก็อดโมโหไม่ได้ รู้อยู่ว่าหญิงเยอะ ถ้าเขาไม่ทำให้น้องชายเห็น น้องก็เอามาพูดไม่ได้ปะ
ฉันเดินปึงปังมาจนถึงหน้าโชว์รูม และก็เจอกับเทน เขานั่งคร่อมรถซุปเปอร์ไบค์ของตัวเองอยู่พอดี ฉันจึงรีบปีนขึ้นไปซ้อนท้ายแล้วกอดเอวเทนไว้แน่น
“เฮ้ย! พี่แก้ม มาอยู่นี่ได้ไงอะ” เทนหันมาถามอย่างตกใจ
“รีบไปเร็ว!”
“ครับๆ ๆ” เทนมีอาการมึนงงอยู่หน่อยๆ แต่ก็ยอมบิดรถออกมาจากโชว์รูมของพี่บิ๊กไบค์ตามคำสั่งของฉัน ฉันหันไปมองด้านหลังก็เห็นร่างสูงวิ่งตามมาก่อนจะหยุดยืนมองฉันตาละห้อยที่หน้าโชว์รูมของเขา สมน้ำหน้า ฉันแลบลิ้นใส่พี่บิ๊กไบค์อย่างหมั่นไส้ ทำให้ร่างสูงชี้หน้ากลับมาอย่างคาดโทษ ใครสนกันล่ะ เชอะ!
18:20 PM.
“พี่แก้ม เรื่องเงินนั้น...” เทนเอ่ยขึ้นเมื่อเขาจอดรถสนิทที่หน้าบ้านของฉัน
“พี่เคลียแล้ว เทนไม่ต้องเป็นห่วงไป ให้พี่จัดการเองดีกว่านะ” ฉันยิ้มให้แทนอย่างอ่อนโยน ที่ผ่านมาฉันรบกวนเทนมามากแล้ว
“พี่ไปคุยกับเฮียมารอ มิน่า...ปอร์เช่ถึงได้คะยั้นคะยอให้เทนเอารถกลับบ้านมาให้ได้”
“อื้อ พี่ไปคุยกับเขามาแล้ว”
“ขอโทษนะ ที่ไม่ได้บอกความจริงตั้งแต่แรก” เทนก้มหน้ามองพื้้นอย่างรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไร พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษ ที่ทำให้เทนต้องลำบากไปกับพี่ด้วย”
“เทนไม่ลำบากอะไรเลย เทนเต็มใจ” เทนเอื้อมมือมารั้งมือฉันไปกุมไว้ข้างหนึ่ง ฉันจึงยกมืออีกข้างที่ว่างอยู่ขึ้นมาตบที่หลังมือของเทนเบาๆ
“อุ๊ย!” จู่ ๆ ก็มีมือปริศนามากุมมือฉันที่ด้านบนอีกชั้นและตามมาด้วยวงแขนอันแข็งแรงโอบกอดรอบคอฉันอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ ไม่ต้องหันไปมองให้เสียเวลาฉันก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร เพราะกลิ่นหอมประจำตัวแบบนี้ฉันจำได้ดีมีเพียงคนเดียวเท่านั้นแหละ
“ทำอะไรอยู่เหรอ” พี่บิ๊กไบค์เอ่ยถามพร้อมกับรั้งมือฉันไปกุมไว้เอง เมื่อพี่บิ๊กไบค์แสดงความเป็นเจ้าของขนาดนี้ใครดูไม่ออกก็บ้าแล้ว เทนจึงปล่อยมืออีกข้างของฉันทันที
“อะไรกันเนี่ย” เทนหันมามองหน้าฉันกับพี่บิ๊กไบค์สลับกันไปมา
“ก็ไม่มีไรมาก แค่จะบอกว่า นี่มะ...โอ๊ย!” ฉันบิดเอวหนาไปหนึ่งที นึกแล้วว่าเขาต้องพูดแบบนี้
“เจ็บนะครับ” พี่บิ๊กไบค์แสร้งทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“ก็พูดดีๆ สิ” ฉันจึงดุเข้าให้ ชอบพูดจาตามใจตัวเองอยู่เรื่อยเลย
“นี่แฟนเฮียเอง” แล้วพี่บิ๊กไบค์ก็กลับมายืนตัวตรงพร้อมกระชับแรงกอดรอบคอแสดงความภาคภูมิใจอย่างเต็มที่ ที่โดนฉันบิดเนื้อไปมะกี้เขาแกล้งเจ็บสินะ มันน่านัก!
“เหรอครับ” เทนยกยิ้มน้อยๆ ก่อนจะหันมามองหน้าฉัน “มีคนมาดูแลสักทีนะ” ปากยิ้มแต่สายตากลับเศร้าสร้อย ฉันรู้ ว่าเทนรู้สึกอย่างไรกับฉัน แต่ฉันก็ไม่อาจมองเขาเป็นอื่นได้น้องจากน้องชาย
“ดูแลพี่สาวเทนดีๆ นะเฮีย ไม่งั้น เทนเอาคืนแน่...” ประโยคหลังของเทนพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ทำให้คนฟังถึงกลับใจสั่นเลยทีเดียว
“เฮียไบค์ซะอย่าง ไม่เสียชื่อแน่นอน” พี่บิ๊กไบค์ยักคิ้วให้เทนหนึ่งทีพร้อมกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นไปอีก เหมือนจะบอกเป็นนัยๆ ว่าเขาไม่มีวันปล่อยฉันไปแน่นอน
“อ้าว...เด็กๆ ยืนทำอะไรกันอยู่ลูก” เสียงแม่ตะโกนเรียกถามมาจากประตูบ้าน ทำให้ฉันต้องรีบสลัดตัวออกจากวงแขนแกร่งโดยอัตโนมัติ สร้างความไม่พอใจให้พี่บิ๊กไบค์เป็นอย่างมาก ก็แม่ฉันยังไม่รู้เรื่องของเรานิ ขืนยืนแนบชิดกันอยู่แบบนี้ มีหวังโดนแม่ดุแน่ ๆ
“พึ่งมาถึงนะแม่” ฉันหันไปตอบแม่
“ทำไมแต่งตัวแบบนี้ล่ะแก้ม” แม่เอ่ยถามขึ้นเมื่อเดินมาถึงพวกเรา ฉันพยายามสางผมมาไว้ด้านหน้าเพื่อปกปิดร่องรอยของคนเจ้าเล่ห์เอาไว้เพราะกลัวแม่เห็น
“แก้มไปทำงานพิเศษมานะ”
“อันไหนมันหนักเกินไปก็ไม่ต้องทำหรอกลูก” แม่บอกด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“แล้วพ่อหนุ่มหล่อนี่ใครกัน” แม่ถามขึ้นเมื่อพี่บิ๊กไบค์ยกมือไหว้และท่านก็รับไหว้แบบงงๆ
“คือว่า...”
“ผมชื่อบิ๊กไบค์ครับ เป็นแฟนของแก้มใส ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับคุณแม่” ฉันยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร พี่บิ๊กไบค์ก็ชิ่งแนะนำตัวเองเสร็จสับ กลัวไม่ได้พูดหรือไงกัน
“ห้า...แฟนแก้มเหรอลูก” แม่ถามฉันด้วยสีหน้างุนงงเล็กน้อย
“ค่ะ” ฉันยอมรับกับแม่ตามตรงถึงจะแอบเขินอยู่หน่อยๆ ก็เถอะ
เทน
ต้องปั้นหน้ายิ้มเข้าไว้ทั้งที่ในใจมันปวดร้าวแทบระบม เพราะสิ่งที่ได้รับรู้ในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับผมเลย แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ ในเมื่อคนที่ผมแอบรักมานาน เขาไม่ได้มีใจให้ผมแม้แต่น้อยซึ่งผมก็รู้อยู่แก่ใจ แต่ก็ไม่วายแอบหวังอยู่ดี
“เข้าบ้านกันเถอะลูก แม่ทำกับข้าวเสร็จพอดี ไปทานข้าวกัน สองหนุ่มด้วยนะ” ป้ากาญหันมาชวนผม ใจจริงผมอยากจะกลับบ้านแล้วตอนนี้ แต่พอหันไปมองผู้ชายที่ผมนับถือเหมือนพี่ชายแท้ๆ เขาก็ส่งสายตากึ่งขอร้องให้ผมอยู่ต่อ
“ครับ/ครับ” ผมกับเฮียไบค์ขานรับพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“แล้วนั่นรถใครกัน แม่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” ในจังหวะที่เราทั้งสี่คนกำลังจะเดินเข้าไปไหนบ้าน ป้ากาญก็หันมาถามพวกเราด้วยสีหน้าสงสัย ผมจึงหันไปมองยังรถที่ว่านั่น ก็เห็นรถสปอร์ตหรูสีส้มจอดอยู่ข้างๆ รั้วบ้านพี่แก้ม จะรถใครกันล่ะ ก็รถแฟนลูกสาวป้าไง ผมแอบตอบป้ากาญอยู่ในใจ
“ออ...รถผะ..” เฮียไบค์กำลังจะตอบก็ถูกพี่แก้มใสพูดตัดหน้าซะก่อน
“รถของลูกค้านะแม่ พอดีว่าพี่ไบค์เขาทำงานอยู่ที่อู่ซ่อมรถนะ เจ้านายก็เลยใช้ให้พี่ไบค์เอาไปส่ง”
ผมกับเฮียไบค์หันมามองหน้ากันอย่างงงๆ กับคำตอบของพี่แก้ม ทำไมพี่แก้มต้องโกหกป้ากาญด้วย นั้นมันรถของแฟนพี่นะ
“จริงเหรอลูก” ป้ากาญหันมาถามพี่บิ๊กไบค์ ซึ่งยังยืนงงเป็นตาแตกอยู่เลย แล้วเฮียก็โดนพี่แก้มเรียกสติด้วยการใช้ศอกกระทุ้งด้านข้างไปหนึ่งที
“ชะ ใช่ครับ!” เฮียไบค์ตอบเสียงตะกุกตะกัก “ผมทำงานอยู่อู่เดียวกันกับเทนนะครับ” แล้วเฮียไบค์ก็ลากคอผมมามีเอี่ยวด้วย
“จริงเหรอ เทน” ป้ากาญหันมาถามผม
"ครับ" ผมได้แต่ส่งยิ้มบางๆ ไปให้
“คงจะแพงน่าดูเนอะ ระหว่างหน่อยนะลูก” ป้ากาญบอก ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านก่อนพวกเรา
“ทำไมต้องโกหกด้วย” เฮียไบค์หันไปถามพี่แก้มทันทีที่ป้ากาญไปพ้นจากรัศมี มือเล็กจึงรั้งข้อมือของผมกับเฮียไบค์แล้วลากออกห่างจากตัวบ้านเล็กน้อย
“คือว่า...แม่ค่อนข้างมีอคติกับคนมีเงินอยู่หน่อยๆ ถ้าขืนบอกว่าเป็นรถของพี่ไบค์ แม่ต้องช็อกแน่ ๆ” แบบนี้นี่เอง ผมพอจะรู้เรื่องราวของบ้านพี่แก้มมาอยู่บ้างก็เลยเข้าใจไม่ยาก แต่กลับเฮียไบค์นี่ดิ คงจะเข้าใจอยู่หรอก
“พี่ไม่เข้าใจ ทำไมต้องโกหกด้วย ถ้าแม่มารู้เรื่องทีหลัง ท่านจะคิดยังไง อาจจะมองว่าพี่ไม่จริงใจก็ได้”
นั้นก็มีเหตุผล ผมรู้จักเฮียไบค์ดี เพราะทำงานร่วมกันมานาน เฮียไบค์ไม่ใช่คนโลเลหรือขี้โกหก เพราะแบบนี้ผมถึงยอมถอยแต่โดยดียังไงล่ะ ผมเชื่อว่า เฮียไบค์รักพี่แก้มจริงไม่หลอกลวงแน่นอน
“เอาเถอะน่า เทนก็ช่วยแสดงเป็นเพื่อนร่วมงานพี่ไบค์หน่อยนะ ไม่ต้องเรียกว่าเฮียด้วย เรียกพี่ไบค์ก็พอ” แล้วไงความลำบากใจถึงได้ตกมาอยู่ที่ผมล่ะ ไอ้ผมก็เรียกแบบนี้มาจนติดปากแล้วอะ
“ต้องทำขาดนี้เลยเหรอ” เฮียไบค์เอ่ยถามขึ้น
“หรือไม่อยากเป็นแฟนแก้มคะ” เมื่อเจอคำถามแบบนี้ เฮียไบค์ถึงกลับหน้าง้อทันที “ถ้าอยากเป็นแฟนแก้ม พี่ไบค์ก็ต้องเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น”
“ก็ได้ครับ” ผมไม่เคยเห็นเฮียไบค์ในโหมดนี้เลยเฮะ เป็นบุญตาจริงๆ
อาหารเมื่อค่ำวันนี้เป็นไปอย่างราบรื่น รึเปล่า ผมหลุดเรียกเฮียไบค์ไปตั้งหลายต่อหลายครั้ง ทำไงได้ล่ะ ก็คนมันชินอะ จู่ ๆ จะให้เปลี่ยนมันก็ยากอยู่แหละ
“เทน” เฮียไบค์เอ่ยขึ้นหลังจากที่เราเดินออกมาเล่นที่ม้านั่งบริเวณสวนข้างบ้านพี่แก้ม
“ครับ”
ใจจริงผมอยากอยู่ช่วยพี่แก้มเก็บจานชามเหมือนทุกครั้งมากกว่า แต่พี่แก้มบอกให้ผมกับเฮียมาเดินเล่นที่ด้านนอกรอ
“เทนชอบแก้มหรือเปล่า” จู่ ๆ ก็เจอคำถามจิ้มหัวใจ จะให้ตอบว่า ไม่ มันก็ไม่ใช่เรื่องจริง จะให้ตอบว่า ใช่ มันจะเป็นความกล้าเกินตัวไปหรือเปล่าวะ! ในเมื่อแฟนตัวจริงของพี่แก้มก็นั่งอยู่ตรงนี้และยังเป็นคนตั้งคำถามด้วย
“ตอบเฮียมาตามตรงนะ ถ้าเห็นว่าเราเป็นพี่น้องกันอยู่”
“ครับ เทนชอบพี่แก้ม”
“เฮียดีใจนะ ที่แก้มใสมีคนดีๆ อย่างเรามาชอบ เพราะมันทำให้แก้มใสไม่เดียวดายยามที่เธอเจอปัญหา” ผมนั่งฟังเฮียไบค์พูดอย่างเงียบๆ
“ถ้าหากว่าคนที่ชอบแก้มใส ไม่ใช่เทน เขาอาจจะไม่ถนอมแก้มใสแบบนี้ก็ได้ ขึ้นชื่อว่าผู้ชาย มันไว้ใจไม่ได้เลย” เฮียอยากจะบอกว่าผมเป็นคนดีสินะ ซึ่งถ้าหากย้อนเวลาไปได้ในตอนนี้ ผมก็ไม่แน่ใจตัวเองหรอก ว่าจะเป็นคนดีได้หรือเปล่า เพราะถ้าหากได้รู้อนาคตล่วงหน้าว่าผมจะเสียพี่แก้มไป ผมคงไม่นิ่งเฉยตั้งแต่แรก
“พี่แก้มสำคัญกับผมมากนะเฮีย อย่าทำให้พี่แก้มเสียใจหรือมีน้ำตาเป็นอันขาด เพราะผมไม่อาจปล่อยให้คนที่ทำลายหัวใจของผมลอยนวลไปได้” ผมจ้องหน้าเฮียไบค์อย่างแน่วแน่ โดยที่ไม่สนเลยด้วยซ้ำว่าคนตรงหน้าคือใคร ในตอนนี้ผมมองเขาเป็นเพียงผู้ชายคนหนึ่ง ผู้ชายที่ผมอิจฉา เพราะเขาได้ใจของพี่แก้มไป
“ไม่มีวันซะหรอก แก้มก็สำคัญกับเฮียไม่แพ้แกเหมือนกัน” เฮียไบค์จ้องหน้าผมกลับมาด้วยสายตาไม่ต่างจากผมแม้แต่น้อย
“ครับ ผมจะรอดู” พูดจบผมก็ลุกขึ้นยืนแล้วก้มหัวให้เฮียไบค์เล็กน้อยเพื่อเป็นการขอตัวกลับก่อน ถามว่าผมเสียใจไหม เสียใจสิครับ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือการที่ผมได้เห็นรอยยิ้มแห่งความสุขของพี่แก้ม มันก็ทำให้ผมเลือกที่จะเจ็บอยู่เงียบๆ เพียงคนเดียวดีกว่าเพราะไม่อยากทำลายรอยยิ้มแสนสวยนั้น...