ตอนที่9.พี่บอกไม่ชอบเหรอ

1022 Words
ณิชาแวะมาหาชานนท์ที่บ้านด้วยรถมอเตอร์ไซค์ ปกติเธอไม่ค่อยใช้เท่าไหร่ชอบใช้จักรยานมากกว่า แต่เพราะยังปั่นจักรยานไม่สะดวกจึงต้องพึ่งมอเตอร์ไซค์ของแม่ไปก่อน  หญิงสาวแวะมาหาพร้อมด้วยของในตะกร้าใบย่อม เมื่อจอดรถแล้วก็เอาตะกร้าใส่ผักสดมาให้ป้าสมใจ “ป้าสมใจ แม่ฝากผักสดมาให้ป้าทำกับข้าวจ๊ะ มีน้ำพริกตาแดงด้วยนะ” “มาพอดีเลย กำลังคิดอยู่ว่าจะทำอะไรกินดี” “ผักสวยๆ แบบนี้ ทำแกงส้มดีไหมจ๊ะป้า” “ดีๆ ลืมไปเลยไม่ได้ทำมาเป็นเดือนแล้ว” “มีอะไรให้เตยช่วยไหมจ๊ะป้า” “ไม่เป็นไรหรอก ไปอยู่เป็นเพื่อนคุณนนท์เถอะจ๊ะ” “จ๊ะป้า” “เดี๋ยวผมช่วยเองครับป้า ขอฝึกเข้าครัวเสียหน่อยจะได้หัดทำกับข้าวให้แฟนกินบ้าง” ปกรณ์พูดขึ้นแล้วเดินตามหลังป้าสมใจ แต่ก็หันมามองทางณิชา “ฝากดูแลคุณนนท์ด้วยนะน้องเตย” ณิชาทำหน้าตายกลบความเขินอายที่ทำให้หน้าร้อนผ่าว  เธอยืนเก้ๆกังๆในห้องรับแขกอย่างไม่รู้จะทำอะไรดี ชานนท์เห็นคนปากดีทำตัวเขินอายก็เห็นความน่ารักขึ้นมาก็อดยิ้มไม่ได้  “วันก่อนได้ยินว่าเสาร์อาทิตย์ไปขายของเหรอ ขายอะไรล่ะ” เขาชวนคุย แปลกใจตัวเองที่น้ำเสียงอ่อนลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “อ้อ!” ณิชาทำตาโตอย่างเพิ่งนึกได้ หยิบกระเป๋าสะพายที่คล้องไหล่ตัวเองแล้วล้วงมือไปหยิบพวงกุญแจกับถุงผ้าใบเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋า “เตยเอามาให้คุณ...เอ่อ...พี่นนท์ด้วยค่ะ” ชายหนุ่มยื่นมือไปรับ ทอดสายตามองของในมือ แน่นอนว่ามันไม่ใช่อะไรที่เขาเคยใช้ พวงกุญแจผ้ารูปสัตว์และถุงผ้าใบเล็กๆ สำหรับใส่เหรียญ คนอย่างชานนท์เคยใช้แต่ของแบรนด์เนม ของแบบนี้ไม่เคยแตะเลยด้วยซ้ำ   ณิชามองเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของอีกฝ่ายก็พอเข้าใจความหมาย มันไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบอะไรแบบนี้ เธอยื่นมือไปหมายจะเอาคืน แต่ชานนท์ชักมือกลับไม่ยอมให้มือเล็กจับได้ “ให้แล้วจะเอาคืนได้ไง” “แต่ถ้าพี่นนท์ไม่ชอบ ก็ไม่ต้องฝืนใจรับก็ได้นี่คะ” “พี่บอกเหรอว่าไม่ชอบ”  เขาพูดยิ้มๆ ณิชาเห็นแววตาเป็นประกายของเขาแล้วก็กลอกตาไปทางอื่น เมื่อกี้เขาเรียกตัวเองว่า “พี่” นี่นะ เอ...ทำไมฟังแล้วใจมันหวิวๆ แกว่งๆ ชอบกลก็ไม่รู้ หญิงสาวเสมองไปรอบๆ เธอเคยเข้ามาในบ้านหลังนี้แล้วหลายครั้ง เข้ามาช่วยป้าสมใจทำความสะอาดบ้าง ทำโน้นทำนี่ตามประสาคนบ้านใกล้ ป้าสมใจก็อายุมากแล้ว เธอแวะเวียนมาดูแลตามคำร้องขอของแม่ แต่รู้สึกเหมือนรอบตัวเปลี่ยนแปลงไป มีนิตยสารมากขึ้น จอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ และคอมพิวเตอร์ คงปรับเปลี่ยนเพื่อเจ้าของบ้าน “ปกติพี่นนท์ทำอะไรคะ” “ทำอะไรเหรอ” เขาทำหน้าครุ่นคิด “ทุกวันนี้ก็ฝึกเดินอย่างเดียว” “ไม่เอาซิ งานอดิเรกอะไรพวกนี้ไม่มีเหรอคะ” “เอ่อ... นั้นซิ”   “นี่ไง อย่างเตยชอบทำพวกของแฮนด์เมดอย่างนี้ จริงๆ เตยทำไม่เก่งหรอก แม่สอนให้ทั้งนั้นแหละ พอทำเยอะๆก็เอาไปขาย เตยมีเพื่อนสนิทอยู่ในเมือง ถ้าไปขายของก็ไปนอนบ้านเพื่อนค่ะ” “เพื่อนผู้หญิงผู้ชาย?” “ผู้หญิงซิค่ะ ชื่อข้าวหอม เราชอบอะไรคล้ายๆ กันก็เลยชวนกันไปขายของถนนคนเดินล่ะ” ณิชาหยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองออกมาแล้วเปิดดูรูปให้เขาดู “นี่ข้าวหอมเพื่อนเตยค่ะ แล้วนี่ก็ที่เราไปขายของกัน” ณิชาเกรงว่าจะยื่นค้ำหัวเขาก็เลยเข้าไปนั่งข้างๆ หน้าแทบจะชิดกับต้นแขน ไม่ได้สังเกตความใกล้ชิดของตัวเอง ชายหนุ่มได้กลิ่นหอมเหมือนดอกไม้จางๆ เขารู้สึกหายใจติดขัดแต่พยายามจ้องมองสิ่งที่อยู่ในมือของหญิงสาว เธอดูภูมิใจกับสิ่งที่ทำ ภาพการไปขายของกับเพื่อนสนิททำให้ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้ม และเรื่องราวต่างๆ ถูกถ่ายทอดราวกับน้ำไหลตามประสาคนพูดเก่ง แบบนี้ละมั้ง ที่เขาเรียกว่า “พูดเป็นน้ำไหลไฟดับ” “ได้เวลา ทานยาแล้วก็ทานอาหารกลางวันแล้วครับคุณนนท์” “อ๊ะ! นี่เตยพูดอยู่คนเดียวเป็นชั่วโมงเลย” ณิชาทำหน้าตกใจอย่างเพิ่งนึกได้ “ไม่เป็นไรนี่ คุยเพลินดี” เขาไม่ว่ากล่าวอะไร ปกติเขาไม่ค่อยชอบคนพูดมากหรอกนะ แต่สำหรับเธอ เขายกเว้นให้สักรายก็แล้วกัน “ปกติขายที่ถนนคนเดินอย่างเดียวเหรอ” เขาถามหลังจากรถเข็นเลื่อนมาที่ห้องรับประทานอาหารแล้ว “ค่ะ” ณิชาตอบง่ายๆ และออกจะแปลกใจที่บนโต๊ะมีจานข้าวสำหรับคนสองคน เขานิ่งคิดไปครู่ใหญ่ แต่ก็ไม่พูดอะไร ปกรณ์นำยาใส่ถ้วยใบเล็กมาส่งให้ เขารับมากินง่ายๆ ไม่บ่นอิดออดเหมือนทุกครั้ง แล้วก็เงยหน้าขึ้นเห็นดวงตากลมโตมีแววคำถาม “อยากรู้อะไรก็ถาม” “ถามได้เหรอคะ” “ได้” “ไม่โกรธนะ” ชานนท์หัวเราะแทนคำตอบ “พี่ไม่สบายป่วยเป็นโรคประสาทไขสันหลังอักเสบเฉียบพลัน” “ทำไมอยู่ๆก็ป่วยคะ” “ไม่รู้ซิ ใช้ชีวิตสบายไปมั้ง” เขายิ้มอย่างยอมรับชะตากรรม “บ้านรวย งานการไม่ทำ เอาแต่เที่ยวเตร่ไปวันๆ กรรมก็เลยสนองเอาให้วันหนึ่งป่วยหนักจนเดินไม่ได้” “อย่าโทษตัวเองแบบนั้นเลยค่ะ” เธออยากให้กำลังใจเขา แต่จะว่าไปก็ไม่ได้รู้จักอะไรกันมากมายนัก เขาเป็นใคร เธอก็ไม่มีรายละเอียดนอกจากชื่อและเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD