ตอนที่8. ในฐานะเพื่อนบ้าน

1118 Words
“ไม่เห็นเด็กบ้านนั้นเลยนะ” ชานนท์พึมพำออกมา “อ้อ! ผมเห็นพ่อเค้าขับรถรับส่งลูกสาวอยู่นะครับ คงเห็นว่าเข่าถลอกก็เลยไม่ให้ปั่นจักรยานเอง” “เจ็บมากขนาดนั้นเลยเหรอ”   “ไม่หรอกครับ แต่เป็นแผลตรงเข่า เวลาปั่นจักรยานก็คงตึงๆ ลำบากอยู่เหมือนกัน” ชานนท์ได้แค่พยักหน้ารับแล้วเดินไปนั่งที่รถเข็น เขารู้สึกว่าหลายวันมานี่เดินได้หลายก้าว จริงๆก็เหมือนที่หมอเคยบอก ร่างกายของเขาปลอดเชื้อโรคแล้ว ที่เหลืออยู่ที่กำลังใจเท่านั้น “เอาไว้ เราเดินไปบ้านโน้นบ้างดีไหมครับคุณนนท์” “เราจะไปในฐานะอะไรละ” ชานนท์อึกอัก ก็อยากเห็นหน้าอยู่หรอกนะ แต่...ยังไงดีล่ะ “ก็ในฐานะเพื่อนบ้านไงครับ เราก็ไปดูอาการน้องเตยสักหน่อย น้องเค้าล้มหน้าบ้านเรา จะไม่ไปดูดำดูดีก็เหมือนคนใจร้ายไปนะครับ” “จริงซินะ” ชานนท์คล้อยตาม “ผมไปไม่สะดวกคงต้องรบกวนคุณปกรณ์แล้วล่ะ” “โอ๊ยๆ ใกล้แค่นี้ คุณนนท์ไปเถอะครับ ผมไปเป็นเพื่อนให้ได้” “งั้น ผมคงต้องรบกวนคุณปกรณ์” “ไม่รบกวนหรอกครับ เรื่องนิดๆหน่อยๆเอง” เมื่อตกลงใจว่าจะไปเยี่ยมเพื่อนบ้าน ลุงอาทรก็เตรียมรถ ถึงห่างกันไม่กี่เมตร แต่ชานนท์ยังไม่มีแรงพอจะเดินไปเองได้ จึงจำเป็นต้องใช้รถตู้ของที่บ้าน ซึ่งบ้านทั้งหลังนี้ก็มีรถยนต์อยู่คันเดียวจึงดูเอิกเกริกพิกล   ชานนท์รู้สึกไม่ค่อยดีนัก คล้ายตัวเองเป็นภาระของคนอื่น แต่คนรอบข้างดูจะดีใจที่เขายอมออกจากบ้านเสียที พ่อกับแม่ของณิชาดูจะแปลกใจที่มีรถตู้มาจอดที่บ้าน พ่อเพิ่งรับลูกสาวกลับจากมหาวิทยาลัยเข้าบ้านมาเครื่องยังไม่ทันเย็น ณิชาดูจะตื่นเต้นกว่าคนอื่นถึงกับวิ่งวุ่นหาน้ำดื่มมาต้อนรับ  ชานนท์ลงจากรถตู้ก็เดินด้วยไม้เท้าช่วยพยุงมานั่งที่เก้าอี้ที่แม่ของณิชาเตรียมไว้ให้ “สวัสดีครับ” ชานนท์ยกมือไหว้อย่างนอบน้อม “จ๊ะ เอ๊ยค่ะ” แม่ดูเงอะงะไม่แพ้ลูกสาว “คนกันเองไม่ต้องเกรงใจหรอกจ๊ะ” ป้าสมใจพูดขึ้น “คุณชานนท์เป็นเจ้าของบ้านที่เราสองคนดูแลอยู่ จะเรียกว่าเป็นเจ้านายก็ว่าได้”  ลุงอาทรอธิบายเสริม “บ้านของพ่อกับแม่ผมครับ ผมก็แค่ลูกชายไม่เอาไหน” ชานนท์พูดอย่างถ่อมตัว ซึ่ง...ไม่มีใครคาดคิดว่าคนอย่างชานนท์จะพูดจาแบบนี้กับใครได้ “สองสามวันก่อน น้องเตยรถจักรยานล้มหน้าบ้าน พวกเราเป็นห่วงก็เลยแวะมาเยี่ยมครับ” ปกรณ์พูดแทนคนป่วย   พ่อกับแม่หันไปมองหน้าลูกสาวที่สวมชุดนักศึกษาอยู่ เธออายหน้าแดง คนปากเก่งแต่พูดไม่ออกเหมือนเป็นใบ้เสียอย่างนั้น กลายเป็นคนป่วยต้องมาเยี่ยมคนเจ็บเสียอย่างนั้น “เด็กคนนี้ซุกซนไม่สมวัย แค่จักรยานล้มนิดๆหน่อยๆเท่านั้นเองจ๊ะ” แม่พูดแทนลูกสาวที่กลอกตาไปมาหาคนช่วย “ใช่ๆ คงไม่ได้ไปทำความลำบากให้ที่บ้านคุณหรอกนะ” พ่อพูดเสริมด้วยความเป็นกังวล “ไม่หรอกครับ นอกจากเจ้าไข่ดาวที่ชอบมุดรั้วไปซ่อนกระดูก” ตาย! คราวนี้เธอโดนพ่อหักเงินค่าขนมแน่! นี่มาเยี่ยมหรือมาแฉกันแน่ยะ! “หมาพวกนี้มันหมาจรที่พ่อยัยเตยเก็บมาเลี้ยง นิสัยมันอาจจะซุกซนไปบ้างแต่พวกเราก็จะพยายามไม่ให้ใครเดือดร้อนนะครับ” “ไม่หรอกครับ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ผมก็ชอบหมาครับ” ชานนท์พูดยิ้มๆ “พาไปเล่นที่บ้านบ้างก็ได้นะ” “ค่ะ” ณิชารับคำเสียงอ่อนหวาน ผิดกับทุกทีที่เคยเจอกัน ทำให้ชานนท์ถึงกับเลิกคิ้ว สองหนุ่มสาวเผลอสบตากันอย่างไม่ตั้งใจ ณิชาเห็นสีหน้ากลั้นหัวเราะของเขาแล้วเธอก็ย่นจมูกขึงตาข่มขู่ใส่ ทั้งหมดคุยสัพเพเหระกันอีกนิดหน่อย ชานนท์ก็ขอตัวกลับ เมื่อเขายืนขึ้นณิชาก็เพิ่งสังเกตว่าเขาเป็นคนรูปร่างสูงมากทีเดียว ปกรณ์ช่วยประคองชานนท์กลับมาที่รถ หญิงสาวเดินตามไปส่งและจะช่วยปิดประตูให้ แต่มือใหญ่รั้งไว้ก่อน “ถ้าไม่ลำบากก็ไปหาผมบ้างนะ อย่าให้คนขาไม่มีแรงต้องมาเยี่ยมคนขาดีเลย” “ก็ได้ แต่ว่าเสาร์อาทิตย์เตยไปขายของถนนคนเดินนะคะ ยังไงก่อนไปจะแวะไปหาก่อน เผื่อคุณอยากได้อะไร” “พี่นนท์” “หือ อะไรนะคะ” “ก็บอกให้เรียกพี่นนท์ไง” “ก็ได้ค่ะ พี่นนท์” ชานนท์พยักหน้าอย่างพอใจแล้วก็ยอมให้ณิชาปิดประตูรถให้ หญิงสาวรู้สึกหน้าร้อนผ่าวชอบกล พอรถตู้ไปแล้วก็เจอหน้าพ่อกับแม่ที่จ้องมองอย่างรอที่จะคุยด้วย “ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ แค่ไข่ดาวไปขุดต้นกุหลาบบ้านโน้น แต่เตยไปกลบให้เรียบร้อยทุกครั้งเลยนะจ๊ะ” “ทุกครั้ง” พ่อตบหน้าผากตัวเอง “แสดงว่าหลายครั้งแล้ว” “ก็ไม่กี่ครั้งเองนี่จ๊ะ” ลูกสาวทำเสียงอ่อน “เอาเถอะพ่อ ดูๆไปคุณชานนท์เค้าก็ไม่ได้จะมาเอาเรื่องอะไรนี่นะ” “คนรวย เข้าใจยาก” พ่อโคลงศีรษะไปมา “ยังไงก็ดูหมาให้มันดีๆ อย่าไปรบกวนใครเข้าอีกล่ะ” “นี่พ่อเป็นคนพาหมาเข้าบ้านมานะ พ่อจะบ่นแบบนี้กับเตยได้ไง” คนเป็นลูกโยนความผิดไปให้พ่อ “ความผิดพ่อ?” ณิชาเข้าไปประจบด้วยการกอดพ่อ พ่อเจอลูกอ้อนแบบนี้ก็ใจอ่อนทุกที ทั้งสามเดินเข้าบ้านแล้วไม่ได้คุยเรื่องนี้กันอีก มีแต่ณิชาที่มองบ้านโน้นจากระเบียงบ้านของตัวเอง เขาอุตส่าห์มาหา บ้านใกล้แค่นี้ต้องนั่งรถตู้มาเชียว แต่เห็นเขาเดินได้แม้จะมีไม้พยุงก็ดูเหมือนมันจะดีขึ้นกว่าแต่ก่อน  หญิงสาวก้มมองเข่าตัวเอง แผลเริ่มแห้งแล้วแต่ยังตึงๆอยู่ ขนาดเธอเจ็บนิดๆ หน่อยๆ ยังเดินลำบาก แต่กับคนที่ป่วยจนเดินไม่ไหวนี่ก็คงลำบากมากนัก  เอาล่ะ เธอจะทำตัวเป็นคนดี ยอมไปเป็นเพื่อนเล่นกับเขาเสียหน่อย เดี๋ยวจะหาว่าคนบ้านนอกไร้น้ำใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD