บทที่ 7
“ทำไมล่ะ หรือว่ากลัวถูกไล่ออก เอาอย่างนี้ไหม พี่สัญญาว่าจะมาส่งพราวก่อนเที่ยงคืน” อภิชัยพยายามคะยั้นคะยอ แต่พราวเนตรไม่เห็นด้วย
“ยังไงก็ไม่ได้หรอกค่ะพี่ชัย พราวทำผิดกฎของที่นี่ไม่ได้หรอกค่ะ พราวไม่อยากถูกไล่ออก”
อภิชัยได้ยินก็ชักโมโห
“ถ้าที่นี่มันกฎมากมายนัก พราวก็ออกไปหางานที่อื่นทำสิ ไม่เห็นต้องทนให้ไอ้ผู้ดีพวกนี้มันโขกสับเลย เดี๋ยวพี่พาไปหางานทำเอง”
มันจะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อตอนนี้อภิชัยยังตกงานอยู่เลย!
“พ่อกับแม่คงไม่ยอมออกไปจากที่นี่หรอกค่ะ พวกท่านทำงานที่นี่มาตั้งค่อนชีวิตแล้ว พี่ชัยกลับไปเถอะนะคะ พราวขอตัวกลับเข้าบ้านก่อน”
หล่อนตัดบทและเดินหนี แต่ถูกอภิชัยตามมาคว้าแขนเอาไว้ พร้อมกับดึงเข้าไปกอด
“พี่ชัย ปล่อยพราวนะ” พราวเนตรตกใจดิ้นรนหนีสุดแรงจนเป็นอิสระ
“ทำไมล่ะ เราเป็นแฟนกันนะพราว ทำไมพี่ถึงจะกอดพราวบ้างไม่ได้ ตั้งแต่เราคบกันมาหลายปี พี่ไม่เคยได้กอดพราวเลยสักครั้งเดียว พราวจะหวงตัวไปไหนนักหนา”
“คือพราว...”
“หรือว่าพราวไม่ได้รักพี่จริงๆ อย่างที่เพื่อนพี่มันบอก”
เคยมีเพื่อนของอภิชัยบอกว่าที่พราวเนตรตอบรับเป็นแฟนกับอภิชัยเพราะความสงสาร
“พี่ชัยคิดเลอะเทอะไปใหญ่แล้วนะคะ พราวขอตัวก่อนค่ะ”
“แต่เราต้องคุยกันให้รู้เรื่องนะพราว”
“พราวง่วงค่ะ”
หญิงสาวเดินหนีอีกครั้ง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินคำพูดของอภิชัย
“ถ้าพราวไม่ออกไปเที่ยวกับพี่คืนนี้ เราก็จบกันแค่นี้เถอะ”
พราวเนตรหันกลับมา และเมื่อเห็นสีหน้าน่าสงสารของอภิชัยก็อดรู้สึกผิดไม่ได้
“พราวออกไปไม่ได้จริงๆ ค่ะ พี่ชัยเข้าใจพราวบ้างสิคะ”
“ถ้าพราวไม่ออกไปกับพี่ พี่จะไปกระโดดสะพานฆ่าตัวตายให้มันรู้แล้วรู้รอดเดี๋ยวนี้แหละ”
อภิชัยทำท่าจะวิ่งจากไป แต่พราวเนตรรีบคว้าแขนเอาไว้
“พี่ชัย อย่าทำแบบนี้นะคะ อย่าเอาชีวิตมาล้อเล่นแบบนี้เลย”
“พี่ไม่ได้ล้อเล่น พี่จะตายจริงๆ ถ้าพราวใจร้ายกับพี่แบบนี้”
“พราว...”
หล่อนรู้สึกอึดอัดไม่น้อย และไม่รู้ว่าควรจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นยังไงดี
“แค่แป๊บเดียวเองพราว...ไปกินข้าวต้มหน้าปากซอยก็ได้ ขอแค่ให้พี่ได้อยู่กับพราวตามลำพังบ้างเท่านั้นเอง” อภิชัยเห็นพราวเนตรลังเลก็รีบคะยั้นคะยอ
“แต่พราวกลัว...”
“ไม่เกินครึ่งชั่วโมงพี่สัญญา”
พราวเนตรกำลังจะตอบตกลง แต่คีแรนปรากฏตัวขึ้นเสียก่อน และก็สร้างความตื่นตกใจให้กับหญิงสาวยิ่งนัก
“คุณคีแรน...!”
“ถ้าคันมากนักก็ขนของออกไปจากบ้านของฉันซะ จะได้ไปขย่มกันได้ทุกเวลาไง”
ทุกพยางค์ที่พ่นออกมาจากปากของคีแรนสร้างความอับอายอดสูให้กับพราวเนตรมหาศาล ความร้อนฉ่าลามเลียขึ้นมาจากลำคอจนมาหยุดที่สองพวงแก้มนวล
“ไม่ใช่...แบบนั้นนะคะ”
“กลับเข้าไปนอนได้แล้ว ถ้ายังไม่อยากตกงานทั้งครอบครัว พราวเนตร!”
“ค่ะ...”
พราวเนตรรีบวิ่งหายเข้าไปหลังรั้วสูงด้วยความเร็วที่สุดในชีวิต หยาดน้ำตาไหลรินออกมาตลอดเวลา
ในขณะที่คีแรนรอจนหญิงสาวหายลับไปจึงหันมาจ้องหน้าอภิชัย มองด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม
“อย่ามาวุ่นวายที่นี่อีก”
“ทำไมผมจะมาไม่ได้ ในเมื่อพราวเป็นแฟนของผม...อ้อ...เมียสิถึงจะถูก”
อภิชัยหัวเราะร่วนเมื่อเห็นแววตาของคีแรนไหววูบ
“ว่าแต่คุณเถอะ มายุ่งวุ่นวายกับเรื่องของผัวเมียทำไมนัก หรือว่า...”
อภิชัยลากเสียงยาว และเดินเข้าหาคนที่ตัวสูงกว่ามากอย่างคีแรน
“อยากเคลมเมียผม หึ คุณคนรวย”
คีแรนกัดฟันแน่น มองผู้ชายแคระเบื้องหน้าด้วยความอดทนอดกลั้นสุดกำลัง
“เก็บปากเอาไว้กินน้ำพริกเถอะ ไสหัวไปซะ!”
อภิชัยที่คิดว่าถือไพ่เหนือกว่าไหวไหล่อย่างไม่แยแส ก่อนจะทำปากดีต่ออีก
“ผมไปแน่ แต่จะกลับมาใหม่ เพราะเมียผมอยู่ข้างใน”
จากนั้นอภิชัยก็หัวเราะร่วนสะใจ ก่อนจะเดินผิวปากจากไปอย่างอารมณ์ดี
คีแรนขบกรามแน่นจนเนื้อข้างแก้มกระตุกเป็นริ้ว สองมือใหญ่ข้างตัวกำแน่นด้วยความเดือดดาล และก็พาลไปถึงพราวเนตร เขาหมุนตัวเดินกลับเข้าบ้านและมุ่งหน้าไปหาตัวต้นเรื่องทันที
เสียงเคาะประตูแรงๆ สองครั้ง ทำให้คนที่กำลังร้องไห้อยู่รีบป้ายน้ำตาทิ้งและเดินไปเปิดประตู ก่อนจะต้องตกใจมาก เมื่อเห็นคีแรนยืนอยู่หน้าห้อง
เขาในชุดนอนสีน้ำเงินคลุมทับด้วยเสื้อคลุมสีเดียวกันจ้องมองหล่อนด้วยสายตาดุดัน
“ออกมาคุยกันข้างนอก”
เขาออกคำสั่งเสียงกระด้าง หล่อนมองเขาอย่างหวาดกลัว และไม่ต้องการจะเผชิญหน้ากับเขาในตอนนี้เลย
“คือพราว...ง่วง...”
หล่อนยังพูดไม่ทันจบประโยค เขาก็แทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงดูแคลน
“ง่วง แต่ก็คิดจะหนีออกไปเที่ยว”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ คุณคีแรนกำลังเข้าใจพราวผิด” หล่อนอธิบาย แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เชื่อเลยสักนิด
“ถ้าไม่ออกมาคุยข้างนอก ฉันจะเข้าไปในห้องของเธอ”
เมื่อเขายื่นคำขาด หล่อนจึงต้องรีบก้าวออกมาจากห้องด้วยความรีบร้อน เดินตามร่างสูงใหญ่ของเขาออกไปนอกเรือนพัก
“คุณคีแรน...มีอะไรกับพราวเหรอคะ”
ผู้ชายที่ตัวโตมากหมุนตัวกลับมา สายตาของเขายามค่ำคืนช่างเต็มไปด้วยความน่ากลัวเหลือเกิน มันทำให้คนที่ถูกจ้องมองตัวสั่นสะท้านรุนแรง
“ฉันมีทางเลือกให้เธอสองทาง”
“...…”
“หนึ่ง...ออกไปจากที่นี่ซะ จะได้ไม่ต้องลักลอบเจอกับผัวอีก และสอง...”
เขามองหล่อนด้วยสายตาเหยียดหยาม
“เลิกกับมันซะ และตั้งใจทำงานอย่างเดียว”
“พราว...คงเลิกกับพี่ชัยไม่ได้หรอกค่ะ เขาไม่มีความผิดอะไรเลย”
“งั้นก็ขนของออกไปจากที่นี่ซะ เพราะฉันไม่ชอบให้คนของตัวเองทำตัวร่านแรดที่นี่!”
หล่อนหน้าชาดิก อับอายอดสูกับคำกล่าวหาที่ไร้ความจริงของคนตรงหน้า
“พราวไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคีแรนว่าเลยนะคะ พราว...”
“ก็ฉันเห็นอยู่สองตา”
เขาเค้นทุกพยางค์ลอดไรฟันออกมา
“ว่าเธอร่านแค่ไหน นี่ถ้าเธอขย่มกับผัวหน้ารั้วฉันได้ เธอคงทำไปแล้วสินะ ใช่ไหมพราวเนตร”
“คุณคีแรน...”
หล่อนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคีแรนจะมองหล่อนเลวร้ายขนาดนี้ หล่อนส่ายหน้าไปมา น้ำตาไหลพรากอาบแก้ม
“พราว...ไม่ได้เป็นแบบนั้น...”
“เธอเป็นยิ่งกว่านั้นอีก”
เขามองหล่อนด้วยสายตาขยะแขยง ก่อนจะทิ้งทวนด้วยคำกล่าวหาเจ็บแสบ
“ถ้าเลือกที่จะออกไปจากที่นี่ ก็ไปหางานทำตามบาร์นะ งานพวกนั้นน่ะเหมาะสมกับผู้หญิงร่านร้อนแบบเธอดี”
แล้วเขาก็ก้าวผ่านหน้าของหล่อนไปอย่างเลือดเย็น ปล่อยให้หล่อนยืนร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเจ็บปวดทรมานเพียงลำพัง มือเล็กยกขึ้นกุมหัวใจเอาไว้ น้ำตาไหลรินออกมาราวกับเขื่อนแตก
“ทำไมคุณถึงได้มองว่าพราวเลวแบบนั้นคะ...”